องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 651 ปล่อยคน
เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับฮูหยินรอง ราชครูจวินก็ไม่กล้าที่จะประมาท เขาไล่คนออกไปแล้วกลับมาอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินรอง ฮูหยินรองจึงกล่าวว่า:“ให้พระชายาเย่กลับไปเถิด ข้าไม่ได้เป็นอะไรและรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”
“แล้วเจ้าไม่อยากไปที่จวนอ๋องเย่หรือ?” ในตอนนี้ราชครูจวินเข้าใจแล้ว ไม่สำคัญว่าจะอยู่ที่ไหน ขอเพียงแค่ไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว
ฮูหยินรองส่ายหัว:“ไม่อยากไปแล้ว ให้เป็นเช่นนี้ไปก่อน”
“เช่นนั้นเจ้าอยากไปเมื่อไหร่ก็ไป พระชายาเย่กลับไปก่อน ส่วนอาการป่วย ต้องรบกวนให้พระชายาเย่มาตรวจวันละครั้งแล้ว” ราชครูจวินยังคงกังวล ถึงอย่างไรก็เกือบตาย
แน่นอนว่าฉีเฟยอวิ๋นรับปาก และหลังจากที่ชี้แจ้งแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็จากไป
เมื่อเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นจากไปแล้ว ฮูหยินรองก็รู้สึกไม่ค่อยดี
สำหรับฮูหยินรองแล้ว หลังจวนของจวนราชครูเป็นเหมือนกรงขัง และนางก็เป็นเพียงนกตัวหนึ่งที่ถูกขังอยู่ข้างในเพื่อรอความตาย
แม้ว่าโลกภายนอกจะไม่ได้กว้างขวาง แต่ที่เรือนจวินจื่อของจวนอ๋องเย่ ดีกว่าหลังจวนของจวนราชครูมาก
หลังจากที่ฉีเฟยอวิ๋นจากไป ฮูหยินรองก็นอนทั้งวัน ไม่กินข้าวไม่กินน้ำ และไม่อยากพูดอะไร จนทำให้ราชครูจวินเป็นกังวลทั้งวัน
พอตกดึกก็สั่งให้คนพาฮูหยินรองขึ้นไปบนรถม้า และมุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องเย่
เดิมทีฉีเฟยอวิ๋นวางแผนว่าจะพักที่จวนแม่ทัพ แต่มีคนจากจวนอ๋องเย่มาบอกนางว่าราชครูจวินพาฮูหยินรองมาที่นั่น
ฉีเฟยอวิ๋นจึงกลับไปที่จวนอ๋องเย่อีกครั้ง เมื่อพบราชครูจวินและฮูหยินรองแล้วก็นั่งอยู่สักพกัก
ฮูหยินรองไม่ค่อยดีนัก ฉีเฟยอวิ๋นจึงจ่ายยาให้อีก
“พ่อบ้านของจวนแม่ทัพ แม่ชราของเขาป่วย ข้าจึงต้องอยู่ที่หลายวัน ช่วงนี้ก็ให้ฮูหยินรองพักอยู่ที่นี่ก่อน มีหมอเทวดาอยู่ ร่างกายก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น” ฉีเฟยอวิ๋นชี้แจ้งอย่างชัดเจน จากนั้นก็ลุกขึ้น
ราชครูจวินรู้สึกเหนื่อย ถึงอย่างไรเขาก็อายุมากแล้ว
เมื่อเห็นว่าฮูหยินรองไม่เป็นไรแล้ว ราชครูจวินก็โล่งใจ
ฉีเฟยอวิ๋นดินออกไป และราชครูจวินก็ไปพักผ่อนเช่นกัน
จากนั้นฮูหยินรองก็หลับไป
คืนนี้ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปพักผ่อนที่จวนแม่ทัพ และในตอนเช้าก็ไปที่คุก
หลังจากลงจากรถม้า เว่ยหลินชวนและเวยฉือก็รอฉีเฟยอวิ๋นอยู่ที่หน้าประตูคุกแล้ว
เมื่อเห็นทั้งสองคน เว่ยหลินชวนและเวยฉือก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วคารวะ
“คารวะพระชายาเย่”
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า:“พวกท่านทั้งสองไม่ต้องมากพิธี เข้าไปข้างในกันเถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไป จากนั้นเว่ยหลินชวนและเวยฉือก็เดินตาม
เฟิงอู๋ชิงออกมาจากมุมมุมหนึ่งและหยุด อู๋ซังกล่าวว่า:“นายท่าน พวกเราจะฆ่านางเมื่อไร?”
เฟิงอู๋ชิงเหลือบมองไปที่อู๋ซัง:“เจ้ารีบร้อนมากเลยหรือ?”
“……” อู๋ซังอึดอัดใจ เขาบอกว่ารีบร้อนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขาลำบากใจมาก พระชายาที่ดีเช่นนี้ หากฆ่าก็น่าเสียดายแย่ นางไม่ใช่คนเลว นางเป็นหมอที่ใจดีคนหนึ่ง หากฆ่านางแล้ว ไม่รู้ว่าใต้หล้านั้นจะยังมีหมอที่ดีเช่นนางหรือไม่?
เฟิงอู๋ชิงหันหน้าไปมองที่คุก:“ลงมือวันนี้เลย อีกเดี๋ยวเจ้าสวมชุดนักฆ่า เมื่อนางกลับไปได้ครึ่งทางแล้วก็ลงมือฆ่าได้”
อู๋ซังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า:“นายท่าน ไม่ใช่ท่านที่ฆ่าหรือ?”
“ข้าสวมชุดที่สะอาดสะอ้าน หากฆ่านาง เลือดจะกระเซ็นโดนตัว?”
อู๋ซังงงงัน เหตุผลนี้เด็ดขาดมาก
ประตูห้องขังถูกเปิดออก จวินโม่ซ่างหันไปมองที่หน้าประตู แล้วฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้ามา เมื่อจวินโม่ซ่างเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็ตกตะลึง
หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานถึงสองเดือน จวินโม่ซ่างไม่คิดเลยว่าในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงแค่สองเดือน หนานกงเย่จะเข้ายึดแคว้นอู๋โยวทั้งหมดได้
“ไม่พบกันมานาน สบายดีหรือ?”
จวินโม่ซ่างมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เขาไปอยู่ที่อื่น ตอนที่ไปเขาสวมหน้ากาก และตอนที่ออกมาก็สวมหน้ากากเช่นกัน จนกระทั่งวันนี้เขาถึงได้กลับมา และแน่ใจว่าแคว้นอู๋โยวจบสิ้นแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าทำไมในเวลานี้ เขาถึงรู้สึกเสียใจภายหลัง!
เขากลายเป็นอะไรไปแล้ว?
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองเว่ยหลินชวนและเวยฉือที่อยู่ข้างหลัง:“ท่านทั้งสองคนนั่งลงเถิด”
เว่ยหลินชวนและเวยฉือเดินไปนั่งลง และฉีเฟยอวิ๋นก็บอกใบ้ให้จวินโม่ซ่างนั่งลง:“องค์รัชทายาทแห่งอู๋โยวเชิญนั่งลง”
จวินโม่ซ่างเหลือบมองไปยังที่นั่ง ห้องนี้ไม่ใช่ห้องครั้งก่อน ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ดังนั้นเขาจึงถูกมองว่าเป็นแขกผู้มาเยือน
จวินโม่ซ่างเดินไปนั่งลง และมีกลิ่นอายของการเป็นจักรพรรดิ
ใบหน้าของเขาบึ้งตึงและมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“ตอนนี้ข้าเป็นเฉลย แล้วเหตุใดถึงทำเช่นนี้?”
“ในเมื่อเป็นความร่วมมือ เหตุใดถึงบอกว่าเป็นเฉลย”
ฉีเฟยอวิ๋นกลับรู้สึกขบขัน จวินโม่ซ่างมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นโดยไม่ยิ้มแม้แต่น้อย เขามองฉีเฟยอวิ๋นอยู่ครู่หนึ่ง แววตาที่เหม่อลอยของเขายังคงกะพริบ
“นารีเป็นเหตุ เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ข้ารู้สึกว่ารูปลักษณ์ที่น่าเกลียดของเจ้า ทำให้ข้าขยะแขยง แม้ในยามฝันก็ฝันถึงเจ้า เมื่อตื่นขึ้นมาก็อยากพบเจ้า หลังจากนั้นก็กระทืบเจ้า จนเจ้าไม่เหลือเค้าเดิม”
เมื่อจวินโม่ซ่างพูดเช่นนี้ เว่ยหลินชวนและเวยฉือก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้ เว่ยหลินชวนและเวยฉือลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าประตู
ทั้งสองไม่พูดพร่ำทําเพลง และแน่นอนว่ายากที่จะหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจ นางเงียบและไม่พูดไม่จา
เมื่อจวินโม่ซ่างเห็นว่าคนเกินไปแล้ว จึงกล่าวว่า:“เพื่อที่จะได้เห็นเจ้า แม้ว่าเจ้าจะน่าเกลียดจนทำให้ข้าขยะแขยง แม้ว่าเจ้าจะไม่ให้เกียรติ ข้ารับปากแล้วว่าครั้งนี้จะไม่มีการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี และเต็มใจที่จะกระตุ้นให้เกิดสงครามระหว่างสองแคว้น
แต่ไม่คิดว่าผิดไปก้าวหนึ่งแล้วก้าวต่อไปก็จะผิด และกลายเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
สองเดือนที่ผ่านมา พวกเจ้าคงจะฆ่าราษฎรแคว้นอู๋โยวของข้าแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นหลับตาลงและไม่พูดอะไร และทันใดนั้นจวินโม่ซ่างก็หยุดพูด
ฉีเฟยอวิ๋นยังคงนั่งก้มหน้าต่อไป
จวินโม่ซ่างเอามือตบลงบนโต๊ะ:“เจ้าพูดสิ!”
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้น แล้วจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย นางมองไปที่จวินโม่ซ่าง:“พูดอะไร?”
“พูดว่าเจ้าทำผิดต่อข้า พูดว่าเจ้าทำร้ายข้า” ดวงตาของจวินโม่ซ่างแดงก่ำ
เขาเกลียด!
“ในฐานะบุรุษ องค์รัชทายาทแห่งอู๋โยวจะรับผิดชอบในเรื่องนี้หรือไม่?เรื่องนี้เป็นองค์รัชทายาทที่เสนอขึ้นมาเอง ตอนนี้สงครามระหว่างทั้งสองแค้นสิ้นสุดลงแล้ว อู๋โยวพ่ายแพ้ และต้าเหลียงก็เอาชนะพวกท่านได้แล้ว”
“พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม?” จวินโม่ซ่างอยากจะหัวเราะ
เป็นเขาที่ทำลายแคว้นอู๋โยว
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและกล่าวว่า:“เรื่องนี้ท่านร่วมมือกับท่านอ๋องเย่ ไม่ว่าจะเป็นท่านหรือว่าท่านอ๋องเย่ ล้วนแต่ไม่ต้องการให้ใครรู้
เขาเป็นแม่ทัพผู้ไร้พ่าย และเจ้าเป็นจักรพรรดิที่ต้องปกป้องแคว้น เจ้าถูกบังคับให้มาที่ต้าเหลียงของเรา เพื่อเสนอเรื่องการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี และเป็นเพราะครอบครัวที่ไม่แข็งแรงมากพอ
เจ้าคิดจะทุกวิถีทางให้แคว้นอู๋โยวเจริญรุ่งเรือง และจะเป็นจักรพรรดิที่ดี”
จวินโม่ซ่างเงยหน้าขึ้น:“ข้าไม่เข้าใจ”
“ตามที่ข้ากล่าวไปก่อนหน้านี้ แคว้นต้าเหลียงของข้าจะคืนแคว้นอู๋โยวให้กับท่าน จวินโม่ซ่าง ท่านต้องสัญญาว่าจะชดใช้เบี้ยหวัดทหารและเสบียงอาหารให้พวกเราเป็นเวลาสิบปี ในรูปแบบของการเก็บภาษี
เป็นความร่วมมือระหว่างทั้งสองแค้น และจะไม่ทำสงครามกัน”
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองจวินโม่ซ่าง
จวินโม่ซ่างลังเลและกำหมัด:“พวกเจ้าพูดจริงหรือ?”
“แม้ภายนอกท่านอ๋องจะมีชื่อเสียงที่เด็ดขาดในการฆ่า แต่เขาเป็นบุรุษที่มีจิตใจแน่วแน่เด็ดเดี่ยว เขาพูดคำไหนคำนั้น ในเมื่อตกลงกันไว้ในวันนั้นแล้ว แน่นอนว่าวันนี้ต้องคืน แต่ก็ต้องรอดูว่าแคว้นอู๋โยวของเจ้าจะสามารถชดใช้ได้หรือไม่
สิบปี ไม่ใช่ระยะเวลาอันสั้น ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆไป พวกเจ้าจะให้หรือไม่ให้?”
“ตกลง เจ้าทำเป็นลายลักษณ์อักษร หรือว่าหนานกงเย่?”
จวินโม่ซ่างลุกขึ้นและเดินไปข้างหน้าฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว:“ท่านต้องรีบไปให้ถึงเมืองหลวงของแคว้นอู๋โยวภายในเจ็ดวันและไปพบท่านอ๋อง ท่านรอเขาอยู่ที่นั่น ท่านต้องเจรจากับเขา จึงจะสามารถรักษาตำแหน่งของท่านที่แคว้นอู๋โยวได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากราษฎรของแคว้นอู๋โยว เจ้าคงจะเป็นจักรพรรดิได้อย่างไม่มั่นคง”
จวินโม่ซ่างกัดฟัน:“เจ็ดวันก็เพียงพอแล้ว เปิดประตู”
“เปิดไม่ได้ ท่านต้องจับตัวข้าออกไป” ฉีเฟยอวิ๋นหยิบมีดออกมาจากตัว แล้วส่งให้จวินโม่ซ่าง