บทที่ 652 คนรองเป็นผู้ชนะ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 650 คนรองเป็นผู้ชนะ

“เจ้าลุกขึ้นเถอะ แม่สามีของเจ้าชื่นชอบเจ้าเจ้าก็ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว” ฮูหยินของคุณชายรองได้ยินก็รีบลุกขึ้นและรีบเดินไปด้านข้างของฉีเฟยอวิ๋น เช่นไรนางก็เป็นผู้ดูแลตระกูล ปกติสามีก็ไร้ประโยชน์เป็นฮูหยินของคุณชายรองที่ดูแลเรื่องต่างๆ

“พระชายาเย่ ให้ข้าเถอะ”

ฉีเฟยอวิ๋นส่งใบสั่งยาให้ฮูหยินของคุณชายรอง ฮูหยินของคุณชายรองรีบไปซื้อยาและไม่สามารถสนใจเรื่องอื่นได้

ราชครูจวินเงยหน้าขึ้นชำเลืองมองผู้คนในห้อง แล้วมองออกไปด้านนอก: “ให้ฮูหยินสามและฮูหยินสี่มา”

ฮูหยินของคุณชายสามและฮูหยินของคุณชายสี่ได้ยินก็คุกเข่าลงอย่างตกใจ

ฮูหยินสามและฮูหยินสี่อายุน้อยกว่าสักเล็กน้อย ฐานะของตระกูลมารดาก็แข็งแกร่งกว่าฮูหยินรอง

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในตำแหน่งสามและสี่แต่พวกเขานั้นดูถูกฮูหยินรองและไม่เคยเห็นฮูหยินรองอยู่ในสายตา

ฮูหยินรองก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับตำแหน่งของตนเองมากกว่าฮูหยินสามและฮูหยินสี่

ในตระกูลจวินฮูหยินเฒ่าไม่ชอบฮูหยินรอง ฮูหยินรองนั้นต้องทนทุกข์ทรมานมากในตระกูลจวินและฮูหยินคนอื่นๆก็ไม่ได้เห็นนางเป็นสิ่งใดเลย

ครอบครัวของมารดาอยู่ในจวน ฐานะของฮูหยินรองนั้นน่าอายนักถือว่าเป็นลูกของคนรับใช้ในจวน

ลูกของคนรับใช้ในจวนก็คือทงฝังอันไร้ค่า

หากไม่ใช่ว่ามีความงามอยู่บ้างแล้วจะมีฐานะอันใดได้?

ปกติแล้วฮูหยินรองจะไม่ไปมาหาสู่กับผู้คนเพียงแค่อยู่ในลานเรือนดังนั้นจึงไม่ได้ทำให้ผู้ใดขุ่นข้องหมองใจ รวมทั้งมีระเบียบในตนเองและไม่ได้ทำให้ผู้ใดไม่พอใจ

แต่ในตอนนี้กลับไม่ใช่เช่นนั้น

ฮูหยินสามและฮูหยินสี่เข้ามาจากด้านนอกและคำนับทีละคนๆ

“นายท่าน” ฮูหยินสามเดิมเป็นคนของจวนอาลักษณ์ ท่านอาลักษณ์อาวุโสนั้นไม่อยู่แล้ว ตอนแรกนางชอบราชครูจวินและยินยอมที่จะเป็นฮูหยินสามและก็แต่งงานด้วย

ราชครูจวินก็ถือว่าไม่เลวไม่เคยทำสีหน้าใดๆต่อนาง ขณะที่ฮูหยินเฒ่าอยู่นั้นชื่นชอบที่สุดก็คือฮูหยินสาม

ฮูหยินสามดูแลตนเองเป็นอย่างดีแม้ว่านางจะอายุมากแล้วแต่เสน่ห์ก็ยังมีอยู่ ลูกชายของนางก็ฉลาดและมีความสามารถแล้วยังมีตำแหน่งหน้าที่ ลูกสาวของนางก็ไม่เลวได้แต่งงานกับผู้ที่มีเกียรติ

หลานสาวและหลานชายก็ไม่ต้องกล่าวถึงล้วนแล้วแต่ยอดเยี่ยม

ฮูหยินสามย่อมมีหน้ามีตาอยู่ต่อหน้าราชครูจวินเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นสังเกตว่าฮูหยินสามสวมเครื่องประดับทองคำจำนวนมากบนศีรษะและสวมเสื้อผ้าสีแดงสด คาดว่ามาอย่างเร่งรีบดังนั้นจึงไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าก็มาเลย

นางเป็นฮูหยินสามไม่สามารถสวมสีแดงสดได้ มิเช่นนั้นก็คือนางไม่ได้เห็นฮูหยินรองอยู่ในสายตา

ฮูหยินสี่ยืนอยู่ด้านหลังสวมชุดสีฟ้าทั้งตัวและมีคนคอยประคองอยู่ สวมเครื่องประดับทองคำด้วยเช่นกันทั้งกำไลและสร้อยคอใช่ทั้งนั้นหรูหราไปทั่วทั้งร่าง

ดูแล้วฮูหยินสี่จะอายุน้อยกว่าเล็กน้อยซึ่งดูราวกับสี่สิบหรือห้าสิบ

ทั้งสองคนกล่าวทำทักทายต่อราชครูจวินเท่านั้น ไม่มีผู้ใดกล่าวทักทายต่อฮูหยินรอง

ราชครูจวินถาม: “เรื่องนี้ผู้ใดเป็นคนทำ?”

ฮูหยินสามเหลือบมองฮูหยินรองและมองราชครูจวิน: “เหตุใดราชครูถึงทำเช่นนี้ พวกเราพี่น้องรักใคร่ปรองดองกันเสมอมาและยิ่งอายุปูนนี้แล้วจะยังริษยาหึงหวงกันอยู่หรือ?”

ฮูหยินสี่ไม่กล่าว ก้มศีรษะลงและไม่กล่าวคำพูดใด

ครอบครัวของฮูหยินสี่ทำการค้า ปีนั้นก็เป็นนางที่ต้องการแต่งงานกับราชครูจวินและไม่เคยปฏิบัติไม่ดีต่อนาง

ราชครูจวินพยักหน้า: “พวกเจ้า ขังฮูหยินสามไว้ห้ามไม่ให้นางดื่มหรือกินจนกว่านางจะอดตาย ผู้ใดขอร้องอ้อนวอนให้นางก็ให้ตายไปซะด้วยกัน”

“ท่านพ่อ!”

คนของฮูหยินคุณชายสามรีบออกไปคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนแทนฮูหยินสาม ฮูหยินสามมองราชครูจวินอย่างเย็นชา: “เพื่อหญิงเลวทรามต่ำต้อยคนนี้แล้วท่านจะให้ข้าอดข้าวตายทั้งเป็นหรือ?”

ราชครูจวินเงยหน้าขึ้น: “เดิมทีข้าคิดที่จะให้เจ้ากินยาพิษแล้วพิษกำเริบจนตาย แต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะกระอักเป็นเลือดเปรอะเปื้อนดวงตาของข้า”

“ท่าน……”

ฮูหยินสามชี้ไปยังราชครูจวิน: “ท่านกับข้าผู้เป็นสามีภรรยากันข้าปฏิบัติต่อท่านเช่นไร ท่านถึงทำเช่นนี้กับข้าได้?”

“ฮึ่ม ไม่รู้ผิดชอบ ข้าบอกให้เจ้าอยู่เจ้าก็รอดให้เจ้าตายเจ้าก็ต้องตาย เจ้าไม่รู้จักตนเองก็ต้องตายเท่านั้น”

“ท่านพ่อ……”

ผู้คนมากมายคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องแทนฮูหยินสาม ฮูหยินสามรู้สึกไม่เป็นธรรมและกล่าวคำพูดมากมายแต่สุดท้ายก็ถูกคนลากออกไป ฮูหยินสามตะโกนก่นด่าสาบแช่ง ราชครูจวินสั่งให้คนอุดปากของฮูหยินสามแล้วโยนไปในห้องมืดหลังจวน

ห้องมืดที่ว่านั้นเป็นสถานที่สำหรับจัดการกับคนใช้ที่ทำผิดเหล่านั้น

ไปแล้วก็ออกมาไม่ได้

ในเรือนของขุนนางครอบครัวใดไม่มีสถานที่ซ่อนความไม่ดี เข้าไปแล้วอย่าคิดว่าจะออกมาได้

ฮูหยินสามดิ้นรนจัดขืนสุดชีวิตจนกระทั่งถูกลากออกไป

ราชครูจวินกล่าวว่า: “ผู้ใดรู้สึกไม่เป็นธรรมก็ออกมา ข้าจะอาศัยเวลาที่พอมีลมหายใจจัดการเรื่องของพวกเจ้าทีละเรื่องๆ

อย่าคิดว่าข้าแก่แล้วพวกเจ้าจะทำสิ่งใดก็ได้ ข้านั้นยังไม่ตาย หากข้าไม่ตายวันนึงตระกูลนี้ข้าเป็นนาย

เรื่องวันนี้หนึ่งชีวิตทดแทนหนึ่งชีวิตซึ่งถูกลิขิตให้มีคนตาย ในเมื่อนางทำไม่สำเร็จเช่นนั้นก็เอาชีวิตของนางไป ”

“ท่านพ่อ……” คนของฮูหยินคุณชายสามพากันร่ำไห้ เรื่องราวนี้มาถึงตรงนี้แล้วผู้ใดก็ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดในเวลานี้

ฮูหยินรองเป็นที่โปรดปรานเป็นฮูหยินสามที่ไม่เข้าใจสิ่งใด

ราชครูจวินกล่าวว่า: “ผู้คนของคุณชายสาม ตั้งแต่วันนี้ไปย้ายออกจากจวนราชครู หาเรือนอื่นอยู่ เปลี่ยนนามและไม่จารึกชื่อในวงศ์ตระกูล”

“ท่านพ่อ……”

คนของคุณชายสามร้องห่มร้องไห้กันเจียนตาย ส่วนฮูหยินรองได้ยินก็อารมณ์เสีย: “ข้าไม่กลับมาก็เพราะข้าไม่อยากได้ยินพวกเขาเช่นนี้และไม่ต้องการเห็นท่านเป็นเยี่ยงนี้

พวกเขาไม่ผิดท่านบอกให้พวกเขาย้ายออกไป ต่อไปจะทำเช่นไร? ”

ราชครูจวินเหลือบมองฮูหยินรองผู้ซีดเซียวซึ่งโมโหแล้วราวกับเด็ก: “ข้าก็ทำเพื่อเจ้าไม่ใช่หรือ?”

ฮูหยินรองหายใจอ่อนแรง: “ท่านทำเพื่อตัวท่านเอง”

ทั้งสองคนโมโหใส่กัน ผู้คนด้านล่างจึงรู้สึกว่าบรรยากาศผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้กล่าวว่า: “ในเมื่อฮูหยินรองไม่เป็นไรแล้ว นี่ก็สายมากแล้วข้าขอตัวจากไปก่อน”

ราชครูจวินจึงได้กล่าวว่า: “หากพระชายาเย่ไม่มีเรื่องสำคัญคืนนี้สามารถอยู่และช่วยข้าดูแลเจินเหนียง!”

“ก็ดีเหมือนกัน”

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองอาอวี่นอกประตูแล้วสั่งให้กลับไปบอกอวิ๋นจิ่นว่าคืนนี้จะอยู่ที่จวนราชครู

จากนั้นก็เดินตามคนไปที่ห้องด้านข้างลานเรือนของฮูหยินรองและพักอยู่ที่นั่น

ราชครูจวินเพิ่งจัดการเรื่องราวเรียบร้อยเมื่อเช้านี้และสุดท้ายก็ได้ละเว้นโทษคนของคุณชายสามเนื่องจากฮูหยินรอง

ยกเว้นฮูหยินสามคนของคุณชายสามทุกคนนั้นปลอดภัยดีและก็พักอาศัยอยู่ในจวนราชครูทั้งสิ้น

แต่ฮูหยินสี่ถูกห้ามเข้าออกโดยไม่รู้สาเหตุ

เรื่องของฮูหยินรองทำให้ทั่วทั้งจวนราชครูนั้นเงียบเชียบ ราชครูจวินตื่นแต่เช้าในเวลายามสี่เพื่อเข้าประชุมขุนนาง คนในเรือนของฮูหยินรองต่างก็ตื่นกันขึ้นมาแล้ว

ทางคนโตโน่นไม่เป็นที่โปรดปรานอยู่แล้ว ตอนนี้คนรองมีอำนาจ คนที่สามกลายเป็นย่ำแย่ที่สุด คนที่สี่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เช่นนั้นคนรองได้กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นสะใภ้ครอบครัวใดก็เฝ้าดูแลอยู่ในลานเรือนของฮูหยินรองตั้งแต่แรก ฮูหยินของคุณชายรองไม่ได้นอนทั้งคืนคอยเฝ้าอยู่ตลอดโดยต้มยาและคอยปรนนิบัติ ตอนเช้าราชครูจวินไปแล้วก็เกรงว่าฮูหยินรองจะเกิดเรื่องจึงรีบเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนในห้อง

ฮูหยินรองหลับสบายจนถึงเวลาหลังอาหารเช้า

ราชครูจวินกลับจากวังก็ไปดูฮูหยินรองที่เรือนหลัง

ฮูหยินรองฝืนทนลุกขึ้นนั่งและฉีเฟยอวิ๋นก็อยู่ด้วย ราชครูจวินเห็นฮูหยินรองลุกขึ้นจึงรีบเดินเข้าไป: “เจ้าลุกขึ้นทำสิ่งใดต้องพักฟื้นไม่ใช่หรือ เจ้านอนลงมีเรื่องใดก็ให้พวกเขาปรนนิบัติเจ้า”

“ข้าไม่เป็นไรอยากนั่งสักพัก ท่านให้ทุกคนออกไปให้หมดเถอะ ทุกคนอยู่ที่นี่ข้าก็รู้สึกไม่สงบ”

“เช่นนั้นข้าจะให้พวกเขาไป เจ้านอนลงเถอะ”