องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 653 หยั่งเชิงอวิ๋นจิ่น
เฟิงอู๋ชิงเหลือบมองอู๋ซัง “งั้นไว้รอให้หนานกงเย่กลับมาค่อยบอกเรื่องอื้อฉาวของอู๋ฮัวให้เขาฟัง รอให้หนานกงเย่หย่ากับนางแล้วฆ่าเสีย!”
“อื้ม”
อู๋ซังพยักหน้า แบบนี้จะเป็นการหลีกเลี่ยงการฆ่าศิษย์ร่วมสำนักได้ อย่างน้อยหมอเทวดาก็จะไม่ฆ่าเขา
อาอวี่กับคนอื่นๆ รีบมาและเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นขึ้นรถม้าไปแล้ว
มีสมุนไพรปรุงยาอยู่ในรถ อาอวี่เห็นฉีเฟยอวิ๋นนอนอยู่ข้างๆ กองสมุนไพรและดูอ่อนแรงมาก
“พระชายา”
“กลับไปที่จวนอ๋องเย่ก่อน” อาอวี่รีบส่งฉีเฟยอวิ๋นกลับไปที่จวนอ๋องเย่โดยมีเว่ยหลินชวนกับเวยฉือตามไปด้วย
อู๋ซังถามเฟิงอู๋ชิง “นายท่าน แล้วเราล่ะขอรับ”
“ไปดูกันเถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อกลับมาถึงจวนอ๋องเย่ นางบอกคนอื่นๆ ว่าได้รับบาดเจ็บและจำเป็นต้องรักษาตัว
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา ราชครูจวินก็มาพบ
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น “เป็นข้าที่ประมาท ทุกอย่างนั้นคงต้องให้ท่านราชครูกราบทูลให้ฝ่าบาทฟัง”
ราชครูจวินกุมมือของตนเองไว้และหลับตาลงอยู่เป็นเวลานาน เขาออกไปโดยไม่พูดอะไรและตรงเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ
เมื่อราชครูจวินจากไป ฉีเฟยอวิ๋นจึงหันไปมองฮูหยินรอง
ทั้งสองคนคุยกันถูกคอ แม้ว่าฮูหยินรองจะไม่เห็นพวกเด็กๆ แต่นางก็อารมณ์แจ่มใสขึ้นตั้งมาแต่ถึงจวนอ๋องเย่ ดังนั้นนางจึงฟื้นตัวได้ดี
หลังจากฉีเฟยอวิ๋นอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินรองอยู่สองชั่วยาม ราชครูจวินก็กลับมา
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นยืน จากนั้นราชครูจวินจึงกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงทราบเรื่องที่จวินโม่ซ่างหลบหนีแล้ว เวลานี้พระองค์ส่งคนออกไปไล่ตามแล้ว พระชายาเย่พักอย่างสบายใจได้
เกี่ยวกับเรื่องที่จวินโม่ซ่างหลบหนีออกจากคุกและเข้ามาที่จวนอ๋องเย่ มีข้ากับฮูหยินรองเป็นพยาน ดังนั้นจึงไม่มีใครว่าอะไรได้”
เพื่อปกป้องชื่อเสียงของฉีเฟยอวิ๋นและเพื่อปกป้องเกียรติของอ๋องเย่ ราชครูจวินทำได้แค่ต้องรายงานเช่นนี้
จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
คนที่ไม่หลบหนีมาตลอดสองเดือน วันนี้ได้หนีออกไปแล้ว และนั่นย่อมมีเรื่องที่ไม่มีใครรู้
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวขอบคุณและเป็นฝ่ายออกไปก่อน
ราชครูจวินเหลือบมองไปทางประตูและเดินไปหาฮูหยินรอง เขานั่งลงและจับมือของฮูหยินรองไว้ “ได้คุยกับนาง มีความสุขหรือไม่”
“มีความสุขสิเจ้าคะ นางไม่ได้มีเจตนาร้าย เวลาพูดคุยก็ไม่มีอะไร แค่พูดเรื่องทั่วๆ ไปเท่านั้น ข้าใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวมาตั้งแต่เด็ก ต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน ถึงแม้จะเป็นพ่อแม่ก็ยังทำหน้าตาโศกเศร้าทุกครั้ง ข้าใช้ชีวิตมาทั้งชีวิต ในที่สุดก็มีคนมาพูดคุยกับข้า นั่นไม่นับว่าดีหรอกหรือ” ฮูหยินรองดึงมือกลับ นางไม่เข้าใจ อายุก็เท่านี้แล้ว เวลาทำอะไรเหตุใดจึงยังยึดติดอยู่อีก
ราชครูจวินร้องอ้อ “ถ้าเจ้าชอบ เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่ดีกว่า อันที่จริงที่จวนอ๋องเย่ก็สงบกว่าจวนราชครูจริงๆ ”
“…..” ฮูหยินรองไม่อยากจะพูดอะไรมาก คนที่ประพฤติตัวอยู่ในกฎเกณฑ์มาทั้งชีวิต แต่จะเลิกเมื่อแก่ตัวนะหรือ
ไม่มีอะไรจะพูด
แค่ตัวเองก็ดูแลไม่ได้แล้ว
ราชครูจวินมองใบหน้าของฮูหยินรองอย่างพินิจ “วันนี้สีหน้าของเจ้าดีขึ้นมาก”
“อื้ม”
ฮูหยินรองเงยหน้ามองราชครูจวินนิดหนึ่งและก้มหน้าลงอีกครั้ง
ราชครูจวินถอนหายใจ “ข้าจำได้ว่าตอนที่เจ้ายังเด็กเจ้ามีใบหน้าที่กลมเล็ก ดวงตากลมโต รูปร่างก็กลมๆ
ปกติเจ้าจะตามมาข้างหลังข้า ถ้าข้าทำผิด เจ้าก็จะถูกเฆี่ยนตี”
ความทรงจำของราชครูจวินยังคงแจ่มใสเหมือนใหม่เมื่อนึกเหตุการณ์ในวัยเด็ก
เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าตนเองยังจำเรื่องที่ก่อนหน้านี้คิดว่าลืมไปแล้วได้
ฮูหยินรองพยักหน้า “อื้ม”
ราชครูจวินนั่งกุมมืออยู่ตรงนั้น “ถ้าเกษียณแล้วเราย้ายไปชนบทกันเถิด แค่เราสองคน!”
ฮูหยินรองเงยหน้ามองราชครูจวินโดยไม่พูดอะไร
ฉีเฟยอวิ๋นไปเยี่ยมสวีกงกง เมื่อสวีกงกงเห็นฉีเฟยอวิ๋นเขาก็พร่ำพูดถึงเด็กๆ แต่ฉีเฟยอวิ๋นเองก็มีเวลาที่เบื่อการพูดคุยไปเรื่อยเปื่อย หลังจากฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ผละจากสวีกงกงไปอย่างเหงาหงอย
ฉีเฟยอวิ๋นพักผ่อนอยู่สองสามวัน นางอ้างว่าพักฟื้นที่จวนแม่ทัพและไม่ออกไปไหนเลยระยะหนึ่ง
ไม่กี่วันมานี้มารดาชราของพ่อบ้านหายดีแล้ว ไม่เพียงแต่สบายดี แต่นางยังลุกจากเตียงไปไหนมาไหนได้อีกด้วย
ช่วงไม่กี่วันมานี้พ่อบ้านมีความสุขมาก ที่จวนอ๋องเย่เองก็มีความสุขเช่นกัน
ปีนี้ย่างเข้าวสันตฤดูเร็วกว่าปกติ หลายวันมานี้ฉีเฟยอวิ๋นพักผ่อนจนร่างกายผ่อนคลายขึ้น ดังนั้นจึงอยากลองหยั่งเชิงอวิ๋นจิ่น
หลังจากกินอาหารแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็อุ้มลูกๆ กลับไป แม่ทัพฉีตั้งใจว่าจะรออีกสองสามวัน แต่ฉีเฟยอวิ๋นพาลูกกลับไปก่อน
เมื่อกลับมายังเรือนจวินจื่อก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ที่นี่จะคึกคักขึ้นมา
คนที่น่าจะมาเยี่ยมต่างมาเยี่ยมเด็กๆ แม้แต่อวิ๋นหลัวฉวนก็ยังมา
ตอนนี้อวิ๋นหลัวฉวนมาเป็นแขกประจำ ที่ไหนมีอวิ๋นหลัวฉวน ที่นั่นจะต้องมีคนติดตามอีกราวๆ ยี่สิบคน และอ๋องตวนก็จะต้องอยู่ที่นั่นด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นกินข้าวและรอให้อวิ๋นหลัวฉวนกลับไป ไม่เช่นนั้นที่เรือนจวินจื่อก็จะมีแต่คนของจวนอ๋องตวน
“ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเย่ใกล้จะกลับมาแล้ว” อวิ๋นหลัวฉวนสงสัยใคร่รู้ ที่ข้างนอกมีคนมากมายพูดกันว่าจวินโม่ซ่างเข้ามาลักพาตัวฉีเฟยอวิ๋นไปจากจวนอ๋องเย่และเขาต้องการจะหนีไป
แต่ไม่ใช่ว่าเขาเสียสติแล้วหรอกหรือ ถ้าจะหนีแล้วมาทำอะไรที่จวนอ๋องเย่ ออกมาจากคุกแล้วก็หนีไปไกลๆ เสียก็เป็นอันสำเร็จแล้วมิใช่หรือ
ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าจะเผยความลับออกมา ดังนั้นนางจึงรีบเปลี่ยนไปคุยเรื่องมู่เหมียน
เมื่อพูดถึงมู่เหมียน อวิ๋นหลัวฉวนก็กลัดกลุ้ม “ได้ยินมาว่ามู่เหมียนร้อนใจอยากจะมีลูก แต่ยิ่งร้อนรนก็ยิ่งไม่มี ไม่รู้เหมือนกันว่าส่งพระสนมไปที่ไหนแล้ว”
“ช่วงนี้ท่านเข้าไปในวังแล้วหรือยัง” ฉีเฟยอวิ๋นถาม
อวิ๋นหลัวฉวนส่ายหน้า “ยังเลย ช่วงนี้ข้าก็เป็นเช่นนี้ ไม่ค่อยได้ออกมาบ่อยๆ เพราะในเรือนยังมีหลายสิ่งต้องจัดการ เรื่องการค้าขายข้าก็ต้องไปจัดการ ท่านอ๋องเย่ยังไม่กลับมา ท่านอ๋องตวนเองก็ไม่มีเวลาพักผ่อน คนที่จวนอ๋องตวนต้องทำงานเหมือนคนสองคน ปลีกตัวไปไหนไม่ได้เลย”
ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า “หมายความว่าตอนนี้ท่านกำลังเรียนรู้เรื่องการค้าอยู่ใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่แค่นั้น ข้าจะบอกอะไรให้…” อวิ๋นหลัวฉวนกำลังจะพูด แต่คิดว่าพูดไปคงไม่ดีเท่ากับการแสดงฝีมือให้ฉีเฟยอวิ๋นดู ดังนั้นนางจึงหันไปกวักมือเรียกคนที่อยู่ข้างหลัง และคนที่อยู่ด้านหลังก็หอบลูกคิดเข้ามา
ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจ “ท่านนำสิ่งนี้มาทำไม”
“ท่านลองดูก็รู้เอง” อวิ๋นหลัวฉวนนำขึ้นมา แล้วก็มีคนนำสมุดบัญชีมาให้อวิ๋นหลัวฉวน อวิ๋นหลัวฉวนมีมือที่เล็กเรียวดูเข้ากับรูปลักษณ์ของนางเป็นอย่างดี
อวิ๋นหลัวฉวนนำลูกคิดขึ้นมาขณะพลิกหน้าสมุดบัญชี นางดีดลูกคิดคิดบัญชี ในชั่วพริบตาก็มีเสียงดังป้อกแป้กรัวขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นเลิกคิ้ว “ที่ท่านคิดนั้นถูกหรือ”
อวิ๋นหลัวฉวนขยับลูกคิดและผลักสมุดบัญชีให้ “ท่านนับดูสิ”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่นับ หลังจากหาคนมาช่วยนับอยู่นานก็ปรากฏว่าตรงกับที่อวิ๋นหลัวฉวนคิดและต่างกันไม่มากน้อย
ฉีเฟยอวิ๋นยกนิ้วหัวแม่มือให้ “ท่านยอดเยี่ยมมาก!”
อวิ๋นหลัวฉวนพูดอย่างอิ่มอกอิ่มใจ “นั่นก็ใช่”
แต่ทันทีหลังจากนั้นอวิ๋นหลัวฉวนก็ทอดถอนใจ “บอกตามตรง ข้ายังหวังว่าท่านอ๋องตวนจะอยู่ที่เรือนทำการค้า เขามีงานค้าขายมากมาย ข้าต้องเมื่อยมือทุกวันเลย”
อวิ๋นหลัวฉวนบ่น
ฉีเฟยอวิ๋นไม่พูดอะไร ทุกคนต่างเป็นคนที่ทำการค้าและก็ไม่เห็นว่าอวิ๋นจิ่นจะยุ่งแบบนี้ เรื่องที่ว่ารักนักคิดคำนวณนั่นเกรงว่าจะเป็นความจงใจของอ๋องตวนเสียมากกว่า
เรื่องหัวใจ มีปัญหาน้อยก็ยิ่งมีความทุกข์น้อย ดังนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงไม่ได้เปิดเผยเรื่องของอ๋องตวน
หลังจากรอทั้งสองคนอยู่สองชั่วยาม อ๋องตวนจึงพาอวิ๋นหลัวฉวนกลับไป จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงกินอาหารและไปพักผ่อน
อาอวี่มาจากข้างนอกในเวลากลางดึก ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเสียงจึงลุกขึ้น และคนจากจวนแม่ทัพก็รีบมาที่เรือนจวินจื่อ
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นถามว่าเกิดอะไรขึ้นจึงบอกว่าท่านแม่ทัพฉีได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดมาก
ฉีเฟยอวิ๋นรีบร้อนจากไปและให้อวิ๋นจิ่นอยู่ที่เรือน
อวิ๋นจิ่นชะงัก!