บทที่ 471 ข่าวดีของทามทอย

รักหวานอมเปรี้ยว

“เปล่า” มายมิ้นท์ส่ายหน้าเบาๆ “ฉันเป็นคนที่ถูกรังแกได้ง่ายขนาดนั้นเหรอ? ก่อนหน้านั้นที่เธอลงมือกับฉันได้ มันเป็นตอนที่ฉันไม่มีการระวังตัว เธอถึงโชคดีทำมันได้สำเร็จ ตอนนี้ฉันคอยระวังตัวจากเธอตลอดเวลา เธออยากรังแกฉัน มันเป็นไปไม่ได้แล้ว”

เปปเปอร์ได้ยินว่าเธอไม่ได้ถูกรังแก ก็วางใจลงในทันที “งั้นก็ดีแล้ว”

“ประธานเปปเปอร์ ที่คุณโทรมา เพื่อถามฉันเรื่องนี้?” มายมิ้นท์กะพริบตาถาม

เปปเปอร์พยักหน้ารับ “กลัวว่าคุณจะถูกรังแก”

ในใจมายมิ้นท์รู้สึกดีใจอย่างอธิบายไม่ถูกเล็กน้อย ริมฝีปากแดงก็เกี่ยวเป็นมุมโค้งที่เล็กจนยากที่จะสังเกตเห็นได้ น้ำเสียงก็อ่อนลงไปมาก “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”

“อืม” เปปเปอร์ตอบรับคำหนึ่ง

จากนั้นทั้งสองก็ไม่มีอะไรจะคุยอีก ตกอยู่ในความเงียบงัน

มายมิ้นท์พบว่า หลังจากผ่านเหตุการณ์ตกหน้าผาพร้อมกับเปปเปอร์แล้ว รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ก็เปลี่ยนไปเป็นความอึดอัดอย่างมาก

จะพูดอย่างไรดี อันดับแรกคือ ท่าทีที่เธอมีต่อเปปเปอร์ ไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อน และไม่สามารถเย็นชาแบบนั้นได้อีก ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขา ก็เลยกลายเป็นแปลกๆไป

ก็เหมือนกับในตอนนี้ หลังจากที่คุยหัวข้อสนทนากับเขาจบแล้ว ก็ไม่รู้จะคุยอะไรต่ออีก ก็เริ่มนิ่งเงียบไป

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอจะวางสายไปเลยโดยตรง โดยไม่บอกล่วงหน้า ไม่กลัวว่าจะทำให้เขาโกรธ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเขาเป็นผู้มีพระคุณของเธอ เธอเป็นหนี้บุญคุณเขา

ดังนั้นถึงแม้จะวางโทรศัพท์ ก็ต้องบอกก่อนล่วงหน้า

คิดไป มายมิ้นท์ก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็ใช้มือสองข้างจับโทรศัพท์มือถือเอาไว้ พูดกับผู้ชายที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์: “ประธานเปปเปอร์ ฉันใกล้จะถึงแล้ว ขอวางสายก่อนนะ”

ไม่รู้จะคุยอะไรจริงๆ จะนิ่งเงียบอยู่อย่างนี้ตลอดก็ไม่ได้

อย่างนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขสถานการณ์ที่น่าอึดอัดแบบนี้ ก็คือบอกก่อนแล้วก็วางสายโทรศัพท์

เปปเปอร์ก็รู้ถึงข้อนี้เหมือนกัน เปิดริมฝีปากบางขึ้นช้าๆ ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย: “ได้”

ตัดสายสนทนาแล้ว มายมิ้นท์วางโทรศัพท์ลง มองเหม่อลอยไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ไม่ช้า ก็ถึงคอนโดพราวฟ้า

มายมิ้นท์จ่ายเงินแล้วลงจากรถ ลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในคอนโด เตรียมตัวอาบน้ำพักผ่อนสักครู่หนึ่ง

แต่แล้วเธอเพิ่งจะวางกระเป๋าเดินทางลง กริ่งประตูก็ดังขึ้นมา

“ใครค่า?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วสวยขึ้นมา จากนั้นก็ยันพนักโซฟาลุกขึ้นมา เดินไปทางช่องทางเข้าของห้องโถง เปิดประตูออก

ด้านนอกประตูคือทามทอย เขายืนอยู่ตรงนั้น มือสองข้างยันหัวเข่าเอาไว้ คนทั้งคนหายใจหอบแรง ท่าทางเหนื่อยมาก

มายมิ้นท์มองดูเขาด้วยความตกตะลึง “นี่คุณ……วิ่งขึ้นบันไดมาเหรอ?”

ก้มตัวเอาไว้แล้วส่ายหน้า เปิดปากออกมา ราวกับต้องการจะพูดอะไร

แต่เป็นเพราะเหนื่อยเกินไป ไม่สามารถเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดได้เลย พูดอะไรออกมาไม่ได้เลย กังวลจนกระทืบเท้า

มายมิ้นเห็นท่าทางแบบนี้ก็รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเล็กน้อย บีบมือเอาไว้ “เอาล่ะเอาล่ะ คุณพักผ่อนสักครู่ก่อนเถอะ สงบสติอารมณ์ลงมาแล้วค่อยคุยกัน”

ทามทอยมองดูเธอ พยักหน้าซ้ำๆ จากนั้นก็หลับตาแล้วหายใจเข้าลึกๆ

ผ่านไปสักพัก ในที่สุดเขาก็สงบสติอารมณ์ลงมา ลมหายใจก็สงบลง ถึงได้ยืนตัวตรงขึ้นมา จากนั้นก็รีบร้อนถามว่า: “มายมิ้นท์ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“หา?” มายมิ้นท์เอียงศีรษะ “ฉันจะเป็นอะไรได้ คุณถามเรื่องนี้ทำไม?”

“ไม่ใช่ ผมได้ยินมาว่า คุณกับเปปเปอร์ตกหน้าผา” ทามทอยพูดไป สายตาก็มองพิจารณาเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า อยากดูว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า

มายมิ้นท์ถึงได้เข้าใจ ที่เขาถามเธอว่าเป็นอะไรไหมหมายความว่าอย่างไร ส่ายหน้าเล็กน้อย “ฉันไม่เป็นไร ว่าแต่คุณไปได้ยินมาจากไหนว่าฉันกับเปปเปอร์ตกหน้าผา?”

เรื่องที่เธอกับเปปเปอร์ตกลงมาจากหน้าผา เต้กับผู้ช่วยเหมันตร์ปิดข่าวเอาไว้ตั้งแต่ช่วงเวลาแรกแล้ว ไม่ได้กระจายออกไป ดังนั้นทามทอยรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?

“ผมเพิ่งกลับมาจากเมืองปักษา จะไปหาเปปเปอร์มีธุระนิดหน่อย หลังจากที่ติดต่อเปปเปอร์แล้ว ถึงได้รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับพวกคุณสองคน แล้วผมก็รีบมาหาคุณเลย” ทามทอยพูดพร้อมกับยกมือขึ้น แล้วปาดเหงื่อตรงหน้าผาก

มายมิ้นท์เข้าใจในทันที “ที่แท้ก็เป็นเขาที่บอกคุณ”

ทามทอยพยักหน้า “มายมิ้นท์ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมคุณกับเปปเปอร์ถึงตกหน้าผาได้?”

หลายวันก่อนเขาไปทำธุระที่เมืองปักษา ไม่ได้กลับมาเลย คิดไม่ถึงว่าทันทีที่กลับมา จะได้ยินว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเธอและเปปเปอร์

และเปปเปอร์ก็ยังไม่ยอมบอกเขา ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้

ช่วยไม่ได้ เขาก็เลยต้องถามเธอ

“คู่แข่งของราเม็งลักพาตัวฉันไป เปปเปอร์ทำเพื่อช่วยฉัน ดังนั้นฉันกับเขาก็เลยตกหน้าผาไปทั้งคู่” มายมิ้นท์เอียงกายหลบทางตรงหน้าประตู ตอบอย่างรวบรัดคำพูดแต่ความหมายครอบคลุมทั่วถึง

ทามทอยเดินเข้าไปในห้อง “คู่แข่งของราเม็ง? ใครกัน?”

“เป็นแค่คนไม่มีบทบาทอะไรเท่านั้น อย่าไปพูดถึงเลย” มายมิ้นท์ส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะพูดไปมากกว่านี้

ทามทอยยักไหล่ “ก็ได้ แต่ว่าคุณไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆใช่ไหม?”

เปปเปอร์ได้รับบาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว เธอก็ตกหน้าผาลงมาพร้อมกัน ความเป็นไปได้ที่จะได้รับบาดเจ็บก็สูงมากเหมือนกัน

แต่แล้วมายมิ้นท์กลับส่ายหน้าแล้วตอบว่า: “ไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ เปปเปอร์ปกป้องฉันลงมาตลอดทาง อย่างมากฉันก็แค่เป็นแผลถลอกเท่านั้น ตอนนี้หายดีแล้ว คนที่สาหัสจริงๆ คือเปปเปอร์”

“คุณไม่ได้รับบาดเจ็บก็ดีแล้ว” หลังจากที่ทามทอยมั่นใจว่าเธอไม่เป็นอะไรจริงๆ ก็โล่งใจอย่างมาก รับเอาแก้วน้ำที่เธอยื่นมาให้ ดื่มน้ำไปหนึ่งคำแล้วก็พูดต่ออีกว่า: “ส่วนเปปเปอร์ ผมถามการันต์ดูแล้ว เขาก็บาดเจ็บไม่สาหัสมาก ส่วนที่สาหัสที่สุดก็คือแขน พักผ่อนสักสองสามเดือน ก็จะหายเป็นปกติ”

“ฉันรู้” มายมิ้นท์นั่งลงไปตรงข้ามเขา ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “แต่ไม่ว่าอย่างไร ที่เขาบาดเจ็บขนาดนี้ก็เพื่อช่วยฉัน ในใจฉันรู้สึกเสียใจมาก”

ทามทอยมองดูเธอ “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ตอบแทนบุญคุณที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้ก็พอ ส่วนเรื่องที่ว่าจะตอบแทนอย่างไร ไว้ค่อยว่ากันอีกที เพราะถึงอย่างไรเรื่องการตอบแทนบุญคุณ ก็ใช่ว่าอยากจะทำก็สามารถทำได้เลย”

มายมิ้นท์ยิ้มออกมา “ที่คุณพูดก็ถูก”

บุญคุณในการช่วยชีวิตที่เปปเปอร์มีต่อเธอ หนี้บุญคุณที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เธอดูแลเขา จนเขาแข็งแรงดีแล้วก็จะถือว่าตอบแทนหมดได้

การดูแลของเธอ ยังห่างไกลมากนัก

ดังนั้นการจะตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตของเปปเปอร์ ยังต้องลงมือจากด้านอื่น ส่วนจะลงมือจากด้านไหน ตอนนี้เธอยังคิดไม่ออก คงมีแต่ตอนที่เปปเปอร์ต้องการความช่วยเหลือในภายภาคหน้าเท่านั้น เธอถึงจะมีโอกาสได้ตอบแทน

“เอาเถอะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว คุณมาหาฉันที่นี่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” มายมิ้นท์ยกแก้วของตัวเองขึ้นมา จิบน้ำไปคำหนึ่งแล้วถาม

ทามทอยเอนหลังพิงโซฟา “ไม่มีอะไร ผมได้ยินว่าคุณตกหน้าผา ก็เลยมาเยี่ยมคุณ เพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณ”

ถึงแม้เปปเปอร์เองก็บอกแล้วว่าเธอไม่เป็นไร แต่เขาไม่ได้เห็นเธอกับตาตัวเอง ก็ยังวางใจไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงวางสายและมาที่นี่ ภายใต้น้ำเสียงเย็นชาของเปปเปอร์

“อย่างนี้นี่เอง” มายมิ้นท์พยักหน้า ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณ ฉันสบายดี”

“นี่มีอะไรให้ต้องขอบคุณ” ทามทอยโบกมือ จากนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ โน้มตัวไปข้างหน้าและยิ้มให้เธออย่างลึกลับ “ใช่แล้ว บอกข่าวดีให้คุณเรื่องหนึ่ง”

“ข่าวดีอะไร?” มายมิ้นท์เลิกคิ้ว สนใจขึ้นมา

ทามทอยหรี่ตาเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นมาว่า: “ครั้งนี้ผมไปประชุมที่เมืองปักษา จากนั้นก็ได้ยินว่าเบื้องบนเตรียมการสุ่มตรวจบริษัทสิบแห่งทั่วประเทศ”

“หมายความว่าอย่างไร?” ในดวงตาของมายมิ้นท์เผยให้เห็นถึงความสับสนเล็กน้อย

ทามทอยเลื่อนตัวมานั่งข้างหน้า ดึงระยะห่างจากเธอให้ใกล้เข้ามาเล็กน้อย “ความหมายก็คือ ประเทศชาติเตรียมพร้อมจะลงมือ จัดระเบียบบริษัทที่มีชื่อเสียงไม่ดีสิบแห่ง และบริษัทที่มีปัญหาที่มักจะสร้างปัญหา จากนั้นก็ใช้ข่มขวัญและตักเตือนธุรกิจอื่นๆ สรุปก็คือการกำจัดม้าที่ก่อความวุ่นวายในฝูงม้าในโลกธุรกิจ”

“ฉันเข้าใจแล้ว” มายมิ้นท์กัดริมฝีปากในทันที

ทามทอยยกนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “เมืองเดอะซีของเรา ก็มีสองบริษัทที่ถูกหมายหัวเอาไว้แล้ว”

ได้ยินคำพูดประโยคนี้ ในใจของมายมิ้นท์กระตุกขึ้นมาหนึ่งที “สองบริษัทไหน?”

หนึ่งในนั้น คงไม่ใช่เทนเดอร์หรอกนะ?

หลายเดือนมานี้ เพราะการต่อสู้กับพวกตระกูลภักดีพิศุทธิ์ เทนเดอร์ถูกชาวเน็ตขุดออกมาตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงอยู่ไม่น้อย ในแง่ของชื่อเสียง ถือได้ว่าไม่ดีอย่างแน่นอน