บทที่ 472 เลี้ยงข้าวเขา

รักหวานอมเปรี้ยว

เพราะฉะนั้น เธอกังวลมากว่าเทนเดอร์จะถูกเบื้องบนตรวจสอบอย่างละเอียด

ถึงแม้ว่าหลังจากที่เธอเข้ามารับช่วงต่อในเทนเดอร์ จะไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อกฎหมายมาก่อน แต่ว่าเมื่อก่อนมีอย่างแน่นอน

หลังจากที่คุณพ่อกระโดดตึกฆ่าตัวตายแล้ว เทนเดอร์ก็ตกอยู่ในการดูแลจัดการของเตชิตมาตลอด

เตชิตคนนั้นเธอรู้จักเป็นอย่างดี ละโมบโลภมากประจบสอพลอแถมยังใจดำ ไม่มีอะไรที่ทำออกมาไม่ได้

สี่เดือนก่อนหน้านี้ ตอนที่ชาหวานเข้ารับตำแหน่งในฝ่ายการเงิน ก็เจอบัญชีปลอมเยอะมาก อีกทั้งปัญหาการเลี่ยงภาษี และสิ่งเหล่านี้ ก็คือสิ่งที่เตชิตทำ

ตอนนี้บัญชีปลอมถูกลบออกจากระบบไปแล้ว ภาษีที่หลบเลี่ยง เธอก็ให้ชาหวานจ่ายไปนานแล้ว แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าจะไม่มีปัญหาอย่างอื่นอีก

ถึงอย่างไรเตชิตก็บริหารบริษัทนานกว่าเธอถึงหกปี กำลังคนในบริษัท ก็เยอะกว่าเธอมาก ปะปนอยู่ในแผนกต่างๆ ใครจะรู้ว่ายังมีเรื่องผิดกฎหมายอย่างอื่นอยู่อีกหรือเปล่า

แต่ว่าดูจากที่เธอรู้จักเตชิตคนนี้ จะต้องยังมีอีกแน่นอน แค่เธอยังตรวจสอบไม่เจอเท่านั้น

แต่ทันทีที่ถูกเบื้องบนตรวจสอบเจอ เทนเดอร์ก็จบเห่แน่

มองดูคิ้วที่ขมวดกันแน่น และสีหน้าที่ตึงเครียดของมายมิ้นท์ ทามทอยรู้เลยว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า: “ไม่ต้องเป็นกังวลขนาดนั้นหรอก ดูท่าทางจริงจังของคุณนั่นสิ เหมือนยายแก่คนหนึ่งเลย ผมก็บอกแล้วว่าเป็นข่าวดี เพราะงั้นผ่อนคลายลงหน่อยเถอะ ครั้งนี้บริษัทในเมืองเดอะซีที่เบื้องบนจะสุ่มตรวจสอบ คือเอสซีกรุ๊ปกับวีจีกรุ๊ป”

“เอสซีกรุ๊ปกับวีจีกรุ๊ป?” ได้ยินว่าเป็นสองบริษัทนี้ ไม่มีเทนเดอร์กรุ๊ป มายมิ้นท์ถอนหายใจโล่งอกในทันที หัวใจที่กำลังเต้นแรง ก็ค่อยๆกลับเข้าสู่จังหวะปกติ

เธอตบไปที่หน้าอกเบาๆ สงบสติอารมณ์ลงมา จากนั้นก็ถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย “เอสซีถูกเลือกเข้าไปอยู่ในรายชื่อบริษัทที่ถูกสุ่มตรวจสอบฉันไม่แปลกใจเลย เพราะถึงอย่างไรในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ เอสซีก็เกิดปัญหาค่อนข้างมากอยู่ แต่ทำไมวีจีกรุ๊ปถึงถูกสุ่มตรวจสอบได้? ตามหลักแล้ว โอกาสที่เทนเดอร์กรุ๊ปฉันจะถูกเลือกน่าจะสูงที่สุดถึงจะถูก”

“เป็นแบบนั้นไม่ผิด สองชื่อที่เบื้องบนกำหนดเอาไว้ในตอนแรก ก็คือเทนเดอร์กรุ๊ปกับเอสซีกรุ๊ป เพราะถึงอย่างไรช่วงนี้คุณกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์มีเรื่องกันอย่างอึกทึกครึกโครม รู้กันทั้งประเทศ แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้วีจีกรุ๊ปเกิดคดีฆาตกรรมขึ้น เนื่องจากคดีมีความพิเศษ เลยไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่เบื้องบนก็รู้เรื่องแล้ว ดังนั้นจึงตัดสินใจเลือกแค่หนึ่งในรายชื่อระหว่างเอสซีกับเทนเดอร์ในการสุ่มตรวจ เพื่อเว้นพื้นที่รายชื่อไว้ให้กับวีจีกรุ๊ป” ทามทอยดื่มน้ำแล้วอธิบาย

มายมิ้นท์พยักหน้า “จากนั้นเทนเดอร์ก็เลยโชคดีที่ไม่ได้ถูกเลือกใช่ไหม”

“ประมาณนั้นแหละ แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะคุณพ่อผมแอบดำเนินการบางอย่างลับๆ คุณก็รู้ว่า เรามีความแค้นต่อตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ย่อมต้องอยากเห็นเอสซีของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถูกตรวจสอบอย่างละเอียดมากกว่าอยู่แล้ว ผมไม่เชื่อว่าเอสซีจะขาวสะอาดขนาดนั้น ดังนั้นรอจนกว่าเบื้องบนตรวจสอบเจอความผิดของเอสซีแล้ว ตระกูลภักดีพิศุทธิ์กับเอสซีก็จบเห่แน่ ถึงเวลานั้นเราก็สามารถลงมือกับเยี่ยมบุญได้เลย ไม่ต้องคอยคำนึงถึงเรื่องอื่นๆอีก”

พูดไป ทามทอยก็ยักคิ้วหลิ่วตามาทางเธอ “เป็นอย่างไรบ้างมายมิ้นท์ นี่เป็นข่าวดีใช่ไหม?”

มายมิ้นท์กำฝ่ามือแน่น พยักหน้าด้วยความตื่นเต้นที่ยากจะปิดบังในดวงตา “เป็นข่าวดีแน่นอนอยู่แล้ว ข่าวดีที่ใหญ่หลวงมาก!”

เธอกับทามทอย พยายามหาหลักฐานการทำผิดกฎหมายของเอสซีมาตลอด ดังนั้นถึงได้จัดการให้เจินเจินเข้าไปในตระกูลภักดีพิสุทธิ์

เพราะมีเพียงการหาหลักฐานการทำผิดกฎหมายของเอสซีให้เจอ และหลังจากที่พวกเขาส่งมอบขึ้นไปแล้ว ตอนที่ลงมือกับเอสซีและตระกูลภักดีพิสุทธิ์ เบื้องบนถึงจะไม่เข้ามาขัดขวาง อีกทั้งยังจะยื่นมือเข้ามาช่วยจัดระเบียบอีกด้วย

เพียงแต่ว่าหลักฐานการทำผิดกฎหมายของเอสซีถูกซ่อนไว้ลึกเกินไป นานขนาดนี้แล้ว เธอกับทามทอยยังรวบรวมอะไรไม่ได้เลยสักนิด

คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ทางเลี้ยวเคี้ยวคดสถานการณ์พลิกกลับ เบื้องบนจะลงมือตรวจสอบเอง

และการตรวจสอบของเบื้องบน ก็คือการเข้าไปในเอสซีโดยตรง ตรวจสอบอย่างเปิดเผย ไม่ต้องแอบสืบอย่างเงียบๆ เหมือนเธอกับทามทอยแบบนี้ เพราะกลัวว่าจะไปทำให้เยี่ยมบุญรู้ตัว แล้วเยี่ยมบุญจะไปทำลายหลักฐาน

แต่ถ้าเบื้องบนตรวจสอบ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องพวกนี้แล้ว เพราะถึงอย่างไรคนคนเดียว จะเอาชนะเครื่องมือของประเทศชาติได้อย่างไร

ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น มายมิ้นท์รีบถาม: “ทามทอย เบื้องบนจะตรวจสอบลงมาเมื่อไหร่?”

“น่าจะภายในสามเดือน รายละเอียดเฉพาะเจาะจงผมก็บอกไม่ได้เหมือนกัน เพราะถึงอย่างไรก็ต้องตรวจสอบถึงสิบบริษัท” ทามทอยโบกมือแล้วตอบ

มายมิ้นท์ยิ้มแล้วพูดอย่างมีความสุข: “สามเดือนก็โอเคอยู่ ก็ถือว่าเร็วมากแล้ว ต้องรู้ว่าถ้าเราสืบกันเอง อย่างน้อยต้องใช้เวลาเป็นปีหรือไม่ก็ครึ่งปี”

“ก็จริงนะ” เอามือทั้งสองข้างของทามทอยไปด้านหลัง วางไว้บนพนักพิงโซฟา ตอบกลับมาอย่างเกียจคร้าน

เพราะดีใจมากจนเกินไป ร่างกายของมายมิ้นท์สั่นเทาเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยคู่นั้น ยิ่งเปล่งประกายพราวแพรวสดใส

สามเดือน รออีกแค่สามเดือน เธอก็สามารถล้างแค้นให้พ่อได้แล้ว

นี่เป็นข่าวดีที่ทำให้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังจริงๆ

มายมิ้นท์รู้สึกหน่วงๆที่ปลายจมูก ดวงตาเริ่มแดงขึ้นมา

ทามทอยเห็นแล้ว พูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ: “มายมิ้นท์ คุณร้องไห้ทำไม?”

“ฉันไม่ได้ร้องไห้” มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นมา เช็ดไปที่มุมตา พูดด้วยรอยยิ้ม: “ฉันดีใจมากเกินไปหน่อย”

ทามทอยมองดูดวงตาที่สดใสของเธอ เชื่อว่าน้ำตาเธอไหลเพราะความดีใจจริงๆ ใจที่เป็นกังวลขึ้นมาก็ปล่อยวางลง “ผมตกใจแทบแย่ ผมนึกว่าคุณ……”

“ฉันเลี้ยงข้าวคุณแล้วกัน” จู่ๆมายมิ้นท์ก็ขัดจังหวะการพูดของเขา

ทามทอยกะพริบตาอย่างตกตะลึง “เลี้ยงข้าวผม?”

“อืม ขอบคุณที่คุณนำข่าวดีขนาดนี้มาบอกฉัน” มายมิ้นท์พูดพร้อมกับยืนขึ้นมา

ทามทอยยิ้มออกมา “ได้ ในเมื่อเชื้อเชิญผมอย่างจริงใจขนาดนี้ ถ้าผมจะปฏิเสธก็จะเป็นการไม่ให้เกียรติ ไปกันเถอะ”

เขาวางมือลงจากโซฟาพนักพิง ก็ลุกยืนขึ้นมา

ทั้งสองออกจากประตูก่อนหลังตามกันมา ขับรถไปที่ร้านอาหารยุโรปหรูหราแห่งหนึ่ง

“จะกินอะไรบ้าง?” ทามทอยยื่นเมนูอาหารให้กับมายมิ้นท์

มายมิ้นท์รับมาแล้วเปิดออกดู เลือกสเต็กเนื้อสันนอกและสลัดผลไม้ “เท่านี้แล้วกัน”

“กินแค่นี้เองเหรอ?” ทามทอยขมวดคิ้ว

มายมิ้นท์ยกน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มคำหนึ่ง “พอประมาณแล้ว กลางคืนกินอิ่มมากไม่ดี อ้วนได้ง่าย”

“ผู้หญิงอย่างพวกคุณช่างลำบากจริงๆ” ทามทอยเปิดเมนูอาหารออก พูดพร้อมกับส่ายหน้าอย่างจนใจ

มายมิ้นหัวเราะเบาๆ “ช่วยไม่ได้ เพื่อรูปร่างที่ดีไง”

“รูปร่างคุณดีขนาดนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องพวกนี้หรอก” พูดไป ตาของทามทอยมองไปทางหน้าอกของเธอ

มายมิ้นท์สังเกตเห็นสายตาของเขา ก้มมองลงไป แก้มเล็กดำมืดลงมาในทันที ยกมือขึ้นมาปิดตรงหน้าอก พูดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์: “ทามทอย คุณมองอะไรอยู่?”

ทามทอยได้ยินเสียงตะคอกของเธอ สะดุ้งและได้สติกลับคืนมา รู้ตัวว่าเมื่อครู่ตัวเองเสียมารยาทไป จับไปที่ปลายจมูกด้วยความอาย “ขอโทษขอโทษ เหม่อลอยไปชั่วขณะ”

เขาไม่เอ่ยเลยว่าตัวเองมองอะไรถึงได้เหม่อลอย

แต่มายมิ้นท์จะไม่รู้ความคิดของเขาได้อย่างไร ยิ้มเย้ยหยันออกมา “คุณนี่มันจริงๆ……”

“น้อง” ทามทอยดีดนิ้ว รีบขัดจังหวะการพูดของเธอทันที “เอาแค่นี้ก่อน รีบเสริ์ฟด้วยนะ”

“ได้ครับคุณผู้ชาย” พนักงานเสริ์ฟรับเมนูอาหารกลับไป หันหลังจากไปด้วยรอยยิ้ม

มายมิ้นท์มองดูทามทอยอย่างเย็นชา “คุณจงใจใช่ไหม?”

“คุณพูดอะไร?” ทามทอยแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายของเธอ

มายมิ้นท์เม้มปาก “คุณจงใจขัดจังหวะการพูดของฉัน”

“เปล่านะ ผมหิวแล้ว เลยอยากจะให้รีบเสริ์ฟอาหารเร็วหน่อย” ทามทอยพูดด้วยรอยยิ้มที่ร้อนตัว

ก็ได้ เขายอมรับ เขาจงใจริงๆ

เพราะเขารู้ว่าเธอจะพูดอะไร ต้องบอกว่าเขาหน้าไม่อาย ลามกอนาจาร ฯลฯ

เขาไม่อยากจะทำให้ตัวเองเป็นผู้ชายลามกคนหนึ่งจริงๆ ก็เลยรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาดีกว่า

มายมิ้นท์มองดูท่าทางแกล้งโง่แกล้งเซ่อของทามทอย ทั้งโกรธทั้งจนใจ สุดท้ายก็ก่ายหน้าผาก “ช่างเถอะ ครั้งนี้จะปล่อยคุณไป ครั้งหน้าถ้าคุณยังกล้ามองไปเรื่อยอีก ฉันจะควักลูกตาของคุณ”

พูดไป เธอก็งอนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว ทำท่าทางควักลูกตาไปทางตรงหน้าของเขา

ทามทอยแกล้งทำเป็นหวาดกลัวแล้วเอนตัวไปด้านหลัง “โอ้โห คุณนี่มันโหดร้ายจริงๆ”

มายมิ้นท์ฮึออกมาคำหนึ่ง “ฉันยังมีที่โหดร้ายมากกว่านี้ คุณอยากลองไหมล่ะ?”

ทามทอยรีบส่ายหน้า “ไม่แล้วไม่แล้ว แม่เจ้าประคุณทูนหัวผมผิดไปแล้ว ต่อไปไม่กล้าอีกแล้วครับ”

เห็นท่าทางที่แกล้งทำเป็นขาสุนัขของเขา มายมิ้นท์อดที่ไม่ได้ถูกเขาทำให้หลุดขำออกมา กุมปากแล้วหัวเราะขึ้นมา ดวงตาก็โค้งจนกลายเป็นรูปพระจันทร์

และในห้องพิเศษที่อยู่ชั้นสองของร้านอาหาร เปปเปอร์ก้มหน้ายืนมองดูฉากนี้อยู่ตรงด้านหน้าของหน้าต่าง ความเย็นยะเยือกรอบตัวแผ่ซ่านไปทั่ว ใบหน้าหล่อเหลาดำมืดจนไม่น่าดู