Dual Cultivation บทที่ 600 เรียนรู้เรื่องช่องโหว่
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ซูหยางก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ช่องโหว่ร… เจ้าพูดถึงเรื่องอะไร”
“เอ๋” ถังหลิงซึมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ดูเหมือนจะประหลาดใจกับปฏิกิริยาของเขา
“เจ้ามิรู้ว่าข้าพูดถึงเรื่องอะไร” เธอถามเขา
เขาส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “แม้ว่าข้าอาจจะได้อาศัยอยู่ที่ตําหนักจันทราศักดิ์สิทธิ์เป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่การเคลื่อนไหวของข้าในที่แห่งนั้นก็จํากัดมาก จนถึงขั้นที่ว่าข้ามิอาจที่จะจากตําหนักหลักไปได้หากมิได้รับการอนุญาตจากเทพจันทรา”
เหตุผลเดียวที่ข้าได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นั่นก็เพราะว่าวิชาที่ข้ามีนั้นสามารถที่จะเพิ่มความบริสุทธิ์ของสายเลือดได้ซึ่งเป็นที่สนใจจากเทพจันทรา นอกจากเยวให้กับชิวเยว่แล้วข้าก็ยากจะได้พบกับคนอื่นในที่แห่งนั้น ส่วนเรื่องที่ว่าพวกเขามีความลับอะไรนั้นข้าก็จะรู้ตามที่เยว่ไห่ยินดีที่จะบอกข้าเท่านั้น”
“ไม่น่าเชื่อ…” ถึงหลิงซีพึมพัมด้วยเสียงตกตะลึง และเธอก็พูดต่อไปในภายหลังว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้ารู้ถึงเรื่องสถานะ “กระตุ้น” ของพวกเขาหรือไม่”
“เจ้าหมายความถึงเมื่อตอนที่พวกเขามีความต้องการทางเพศที่ควบคุมไม่ได้อย่างนั้นใช่หรือไม่ข้ารู้เรื่องนั้นตั้งแต่เยวให้ได้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นสองสามครั้งในขณะที่ข้าอยู่ที่นั่น และข้าก็ได้ประสบกับความก้าวร้าวของเธอด้วยตัวของข้าเองในช่วงเวลานั้น” ซูหยางกล่าว และเขาก็พูดต่อไปอีกว่า “แม้ว่าปกติแล้วเธอจะต่อต้านความต้องการนั้น เหตุผลเดียวที่เธอรุนแรงขึ้นมานั้นก็เพราะว่าข้าอยู่ที่นั่น ซึ่งนั่นทําให้เธอนั้นทนไม่ได้”
“อะไรนะ เยวไร่สามารถที่จะควบคุมความต้องการได้รี” ถังหลิงซีประหลาดใจเมื่อได้ ยินเช่นนั้น“เธอทําเช่นนั้นได้อย่างไร เทคนิคประเภทไหนกันที่เธอใช้”
“มิได้มีเทคนิคใดอยู่เบื้องหลัง เธอทนมันด้วยพลังใจของเธอเอง เยวไม่เป็นผู้หญิงแกร่งที่มีจิตใจเข้มแข็ง”ซูหยางถอนหายใจ
“ว่าแต่ว่า อะไรคือช่องโหว่ที่เจ้าเอ่ยถึงรี มีช่องโหว่สําหรับคําสาปของเธอด้วยรี เจ้ารู้ได้อย่างไรในเรื่องประเภทนี้” เขาถามเธอ
“ช่องโหว่จะยอมให้ชิวเยว่หรือใครก็ตามจากตําหนักจันทราศักดิ์สิทธิ์มีเพศสัมพันธ์กับคนภายนอกได้” เธออธิบาย
“อะไรกัน มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นด้วยรี” ซูหยางเกิดความตระหนกขึ้นมาจริงๆในคราวนี้
ถังหลิงซีพยักหน้าและอธิบายให้กับเขาว่า “คําสาปนั้นจักมทํางานตราบเท่าที่เจ้ามิได้ทะลวงช่องคลอดของเธอ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือตราบเท่าที่เจ้าเพียงแค่ทะลวงประตูหลังเธอเท่านั้นเจ้าก็จักมีเพศสัมพันธ์กับเธอได้”
ซูหยางจ้องมองดูเธอโดยที่ปากอ้าจนคางจรดพื้น เขาไม่คาดว่าช่องโหว่สําหรับคําสาปนั้นจะเป็นอะไรที่เรียบง่ายอย่างเช่นการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
ไหนกัน” เขาถามเธอหลังจากผ่านไปชั่วขณะ
“บางทีเจ้าอาจจะมิรู้ในเรื่องเธอ ในเมื่อเธอปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เจ้าสิ้นไปแล้ว แต่ก็มีหญิงงามเมืองเลื่องชื่อที่มาจากตําหนักจันทราศักดิ์สิทธิ์”
“อะไรกัน มีคนจากตําหนักจันทราศักดิ์สิทธิ์ทํางานเป็นหญิงงามเมืองด้วยรี มิมีทางที่เทพจันทราจักปล่อยให้อะไรทํานองนี้เกิดขึ้น” ซูหยางกล่าวด้วยใบหน้าประหลาดใจ
“แน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนั้น เทพจันทราได้พยายามที่จะเข้าไปแทรกแซงหลายครั้ง แต่ด้วยว่าเธอได้รับการหนุนหลังจากการทํางานเป็นหญิงงามเมืองปกป้องเธอไว้ กระทั่งเทพจันทราก็ยังถูกขัดมือขวางเท้า อย่างไรก็ตามข้าเคยได้พูดกับเธอครั้งหนึ่ง และเธอก็ได้บอกข้าในเรื่องช่องโหว่
ซูหยางพูดไม่ออกเป็นเวลานานหลังจากที่ได้เรียนรู้ข้อมูลใหม่นี้
“ข้าสามารถที่จะกอดชิวเยวโดยมิจําเป็นต้องที่จะจัดการกับเทพจันทราอย่างงั้นรี” เขา คิดในใจ
หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาก็ถามเธอว่า “ชิวเยวรู้เรื่องช่องโหว่นี้แล้ว”
“ใช่ข้าได้บอกเธอไปในวันนี้
“ข้าเข้าใจ…”
“เจ้ามิอยากให้เธอรู้เรื่องนี้” เมื่อเห็นท่าทางของเขา ถังหลิงซีก็ถามเขาพร้อมกับเลิกคิ้ว
“ไม่ มิใช่เช่นนั้น ถ้าเจ้ายังมิได้บอกกับเธอ ข้าก็จะบอกเธอด้วยตัวของข้าเองเมื่อข้ารู้เรื่องนี้แล้วในตอนนี้ แต่ทว่า ชิวเยว่ มิได้เหมือนแม่ของเธอ เธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่ละเอียดอ่อนมากข้ามิต้องการให้เธอรู้สึกกดดันและรีบตัดสินใจในเมื่อตอนนี้เธอมีทางเลือกจริงที่จะทําได้”
“ส่วนในเรื่องที่ว่าคนของตําหนักจันทรากับความต้องการทางเพศนั้น ข้ามีแผนที่จะบอกความจริงกับเธอยามเมื่อพวกเราไปถึงยังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้วในเมื่อเธอได้รับความกดดันมากพอแล้ว”
“ข้าเข้าใจ… ที่ว่าทําไมเจ้าจึงมิได้บอกกับเธอในเรื่องนี้” ถังหลิงชีพยักหน้าด้วยท่าทางเข้าใจ
“มิว่าอย่างไร ช่องโหว่นี้ มันอาจจะเป็นจุดพลิกผันในความสัมพันธ์ของเจ้ากับชิวเยว”
“ทั้งหมดนั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับเธอ ตามจริงแล้วข้าจักทําตัวเหมือนกับว่าข้ามิรู้อะไรเพื่อที่ว่าเธอจะมิได้รู้สึกอึดอัด”
“ตามที่เจ้ารู้สึกว่าถูกต้อง ซูหยาง”
เช้าวันถัดมา ซูหยางก็ออกจากศาลาหยินหยางไปร่วมฝึกกับศิษย์อีกครั้ง
หลังจากที่ฝึกกับศิษย์แล้ว เขาก็ไปฝึกกับผู้อาวุโสนิกาย
“สุดท้ายท่านก็นึกขึ้นได้ว่าข้ายังมีตัวตนอยู่” ซุนจิงจิงกล่าวขึ้นพร้อมกับทําสีหน้าไม่มีความสุขหลังจากที่เห็นเขาที่ประตูห้องของเธอ
“ขออภัย ข้าวุ่นวายอยู่ในช่วงก่อนหน้านี้”
“ข้าเพียงล้อท่านเล่น ซูหยาง” เธอพลันหัวเราะ “มิว่าอย่างไร อะไรที่ชักนําท่านมาที่นี่ในวันนี้ท่านกําลังหวังที่จะมาร่วมฝึกกับข้าร์”
“เจ้ามต้องการข้ารี”
“ ข้ามิได้กล่าวเช่นนั้น” เธอรีบตอบก่อนที่จะกอดแขนเขาและดึงเขาเข้าไปในบ้านสู่ห้องของเธอ
ยามเมื่อพวกเขาอยู่ภายในห้องของเธอแล้ว ซุนจิงจิงก็ล้มตัวลงไปบนเตียงโดยที่ยังมีซูหยางติดอยู่กับแขนของเธอ
“เจ้าก้าวร้าวมากกว่าปกตินะ หรือว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น” ซูหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตามซุนจิงจิงไม่ได้ตอบคําถามของเขาในทันทีแต่กลับให้จูบที่เปี่ยมไปด้วยความหลงไหลแทน
“อืมม”
หลังจากที่จูบกันเป็นเวลาชั่วขณะ ซุนจิงจิงก็กล่าวว่า “ข้าพบกับหลานสี่ชิงตามที่ท่านได้บอกไปแล้ว หรือว่าข้าควรจะเรียกเธอว่าซูลี่ชิงดี ท่านควรจะบอกข้าก่อนหน้านี้ว่าเธอก็ได้รับประทับประจําตระกูลเช่นเดียวกัน”
“นั่นคงมิสนุกนักหากว่าข้าบอกเจ้าไปทุกสิ่ง ใช่ไหม”
“มันน่าประหลาดใจเกินไป เมื่อมาคิดว่าท่านได้ร่วมฝึกกับผู้อาวุโสนิกายในขณะที่ยังเป็นศิษย์นอกทั้งยังเป็นถึงผู้อาวุโสหลานซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้อาวุโสนิกายพรหมจรรย์เพียงคนเดียวจากทั่วทั้งนิกาย”
“งั้นรี แล้วเจ้าคิดอย่างไรกับเธอ” ซูหยางถามเธอ
“อืมม…” เมื่อได้ยินคําถามของเขา ซุนจิงจิงก็เริ่มครุ่นคิดด้วยสีหน้าจริงจัง