บทที่ 601 เพิ่มความหนักหน่วง

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 601 เพิ่มความหนักหน่วง

 

หลังจากครุ่นคิดอยู่ได้สักนาที ซุนจิงจิงก็พูดด้วยเสียงจริงจังว่า “บอกท่านตามจริง ข้ารู้สึกเป็นกังวล แต่มิได้เป็นไปในทางที่เลวร้าย พี่สาวลี่ชิง… เธอเป็นคนประเภทที่ว่าทําให้หญิงคนอื่นรู้สึกด้อยกว่า เธอไม่เพียงแต่สวยแต่ก็ยังคงรูปร่างดีอีกด้วย ทั้งเธอก็ยังมีกลิ่นอายของความเป็นผู้ใหญ่ที่ทําให้รู้สึกเข้าด้วยได้ง่ายและสง่าผ่าเผยอีกด้วย ถ้าข้ามิได้รับตราประจําตระกูลของท่าน ข้าคงต้องกังวลว่าเธอจะฉกท่านไปจากข้า”

 

“อย่างไรก็ตาม พี่สาวลี่ชิง ปกติแล้วเธอมิได้เป็นเช่นนี้ เธอเคยเป็นมากกว่า ข้าจักอธิบายเธอเช่นไรดี ยะโสและไว้ตัวอยู่บ้างหรือเปล่า ข้ามิได้พยายามที่จะพูดมิดีเรื่องเธอ แต่เป็นสิ่งที่ศิษย์คนอื่นมองดูเธอเป็นอยู่ในอดีต”

 

เมื่อได้ยินซุนจิงจิงอธิบายตัวตนในอดีตของซูชิง ซูหยางก็ยิ้มและกล่าวว่า “ข้ารู้ดีว่าเจ้าต้องการสื่ออะไร เมื่อตอนที่ข้าพบเธอครั้งแรก เธอก็เป็นผู้อาวุโสนิกายตามแบบอย่างทั่วไปที่มีความรู้สึกที่เหนือกว่าคนอื่นและดูถูกทุกคนที่ไม่ได้เคารพศักดิ์ฐานะของเธอ”

 

“นั่นแหละ นั่นเป็นสิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อ” ซุนจิงจิงรีบพูด “อย่างไรก็ตามเธอมิได้มีท่าทางเป็นเช่นนั้นอีกต่อไป กลับกันเธอให้ความรู้สึกของแม่บ้านที่เก่งกาจและงดงาม ข้าคิดว่าสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้ก็คือความสัมพันธ์ของเธอกับท่าน ซูหยาง ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับท่านจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และข้าก็กําลังพูดออกมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของข้าเอง”

 

“เจ้ายกความดีความชอบให้ข้ามากเกินไป” ซูหยางพูด “มีคํากล่าวว่าผู้คนสามารถที่จะเปลี่ยนกลับไปสู่ตัวตนเดิมได้เท่านั้น”

 

“ถึงแม้ว่าท่านจะพูดเช่นนั้น ข้าก็เชื่อว่าท่านเป็นเหตุผลหลักที่ทําให้พวกเราเปลี่ยนแปลง” ซุนจึงจึงกล่าว

 

“ในเมื่อพูดถึงความเปลี่ยนแปลงแล้ว พวกเรามาเปลี่ยนไปเป็นอะไรที่น่าพึงพอใจมากกว่านี้ดีกว่า…” จากนั้นเธอก็เริ่มคลายเสื้อคลุมขอเธอออกด้วยตัวเธอเอง

 

สองสามอึดใจให้หลัง พวกเขาก็เปลือยเปล่าโดยมีซุนจิงจิงทับอยู่บนตัวของซูหยาง

 

“ข้ามต้องการที่จะพ่ายแพ้ต่อพี่สาวลี่ชิง” เธอพลันกล่าวขึ้นกับเขา

 

ซูหยางเผยรอยยิ้มให้กับเธอและพูดขึ้นมาในขณะที่ลูบไล้ไปบนใบหน้าเธอว่า “มิว่าเจ้าจะมีความแตกต่างกันอย่างไร ข้าก็รักพวกเจ้าทั้งหมดเท่าเทียมกัน เจ้ามิต้องเปรียบเทียบกับเธอเพราะว่าข้าจักให้ความสนใจกับเจ้ามากเท่าเทียมกับที่ข้าให้กับทุกคน”

 

“ข้ารู้ว่าท่านจักทําเช่นนั้น แต่นี่เป็นความภาคภูมิใจในฐานะหญิงคนหนึ่ง ข้าอาจจะมิมีประสบการณ์มากมายเช่นเดียวกับหญิงคนอื่น หรือว่าข้ามีความสามารถพิเศษอื่นใด แต่ข้าก็ยังต้องการที่จะทําให้ดีที่สุด”ซุนจิงจิงกล่าวก่อนที่จะจูบลงไปที่ปากของเขา

 

“อืมมมม…”

 

หลังจากที่จูบกันด้วยความเสน่หาไปอีกสองสามนาที่แล้ว ซุนจิงจิงก็ขยับจากปากของเขาไปสู่ส่วนที่แข็งปูดโปนอยู่ที่หว่างขาของเขาและก็เริ่มจูบลงไปที่ตรงนั้น

 

“อืมมมม”

 

ซุนจิงจิงดูดแก่นกายอันแกร่งกล้านั้นอย่างอ่อนโยนในขณะที่ใช้ชิวหาลูบไล้อยู่ด้านใน

 

“ท่านสามารถปลดปล่อยออกมาจากภายในปากของข้าได้ ซูหยาง” เธอกล่าวกับเขา

 

“อืมม..”

 

“อืมมมมม”

 

หลังจากผ่านการดูดดื่มไปอีกสองสามนาที ซุนจิงจิงก็สามารถที่จะรู้สึกได้ว่าแก่นกายนั้นเริ่มร้อนขึ้นและเกร็งตัวขึ้น

 

สองสามอึดใจหลังจากนั้นปราณหยางอันรุ่มร้อนก็พวยพุ่งออกมาจากแก่นกายตรงเข้าสู่ปากของเธอ

 

“อืมม”

 

ซุนจิงจิงเริ่มกลืนปราณหยางที่ท่วมท้นออกมาทันที ความรู้สึกรุ่มร้อนนั้นไหลผ่านลําคอของเธอเข้าสู่ท้องของเธอ

 

“ฮาา…. ฮาาา…. ฮาาาา…” ซุนจิงจิงหอบหายใจหนักหน่วงหลังจากนั้น

 

“นอนลง ข้าจักมอบความสุขให้เจ้าเดี๋ยวนี้” ชูหยางพลันยืนขึ้นแล้วกล่าวกับเธอ

 

ซุนจิงจิงพยักหน้าและนอนลงไปบนเตียงโดยปล่อยให้ขาเรียวยาวของเธอกางออกกว้างเปิดเผยให้เห็นทุกตารางนิ้วในหลืบถ้ําของเธอ

 

เมื่อเห็นร่องหลืบสีชมพูที่แสนสวย ซูหยางก็ตรงเข้าไปหาพร้อมกับปางของเขาและเริ่มโลมเลียเนินเนื้อด้วยลิ้นอย่างมีชั้นเชิง

 

“อาาา”

 

ซุนจิงจิงครวญครางด้วยเสียงกระเส่า และร่างของเธอก็บิดไปมาด้วยความยินดีพร้อมกับความเสียวซ่านที่แล่นผ่านไปทั่วทุกตารางนิ้วบนร่างของเธอ

 

เสียงจ๊วบจ๊าบเติมเต็มห้องอย่างรวดเร็วขณะที่ซูหยางลิ้มลองสวรรค์อันหยาดเยิ้มของซุนจิงจิง

 

“ข้ากําลังจะออกแล้ว ซูหยาง”

 

ซุนจิงจิงกล่าวกับเขาก่อนที่ถ้ําของเธอจะหลั่งทะลักของเหลวที่เป็นประกายออกมา

 

อย่างไรก็ตาม ซูหยางไม่ได้ขยับไปไหน เขายังคงโลมเลียน้องสาวของเธอ ยอมให้ปราณหยินของเธออาบไปบนร่างของเขา

 

“ฮาาา…. ฮาาา…” ซุนจิงจิงหอบหายใจหลังจากนั้น

 

ครั้นเมื่อฝนศักดิ์สิทธิ์ผ่านพ้นไปแล้ว ซูหยางก็ยืนขึ้นและลูบแก่นกายอวบหนาของเขาเข้ากับร่องของซุนจิงจิง เคลือบกระบี่ของเขาด้วยปราณหยินของเธอ

 

“ข้าจะสวมเข้าไปแล้ว” ซูหยางกล่าวกับเธอขณะที่เขาสอดปลายแก่นกายเข้าไปในถ้ําคับแคบของเธอ แหวกหลืบเร้นนั้นให้กว้างขึ้น

 

“อาาา” ซุนจิงจิงเหลือกตากลับไปด้านหลัง จากเพียงแค่การลิ้มลองหัวของแท่งแกร่ง รู้สึกว่าถ้ําแคบเล็กของเธอแหวกกว้างขึ้นและกว้างขึ้นขณะที่กระบี่ของซูหยางแทงลึกลงไปในร่างของเธอ

 

ครั้นเมื่อตลอดทั้งแท่งแกร่งเข้าไปภายในร่างของซุนจิงจิงหมดแล้ว ซูหยางก็เริ่มขยับสะโพกของเขาดันเข้าไปและดึงกลับมาเป็นจังหวะ

 

“เจ้ารัดแน่นดังเช่นปกติ” เขากล่าวกับเธอด้วยรอยยิ้ม รู้สึกถึงผนังภายในของเธอที่บีบรัดแก่นกายของเขา

 

“ข้าได้ฝึกฝนเป็นสองเท่า เท่านั้นเอง”

 

“โอ เช่นนั้นมาดูกันว่าการฝึกฝนนั้มคุ้มค่าหรือไม่”

 

ซูหยางพลันเปลี่ยนวิธีการเคลื่อนไหว เขาได้ขยับดุเดือดยิ่งกว่าเดิม

 

“อาาาา นี่ช่างน่ามหัศจรรย์” ซุนจิงจิงพูดพร้อมกับแสดงออกถึงความรื่นรมย์ยินดี

 

“ข้าจักเพิ่มความหนักหน่วงขึ้นแล้ว” ซูหยางกล่าวกับเธอ

 

ไม่กี่วินาทีต่อมา ซุนจิงจิงก็เริ่นครวญครางดังขึ้น ดังมากกว่าทุกครั้งที่เธอเปล่งออกมา

 

“ค-ความรู้สึกนี้คืออะไรกัน เกิดอะไรขึ้น นี่มันแตกต่างไปจากสิ่งอื่นใดที่ข้าเคยได้ลิ้มลองมาก่อน” ตอนแรกชุนจิงจิงคิดว่าเธอจินตนาการไปเอง แต่หลังจากที่ได้รับรู้เป็นเวลานานขึ้นกว่าเดิมเธอก็มั่นใจว่าแก่นกายของซูหยางนั้นพลันใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

 

ซุนจิงจึงตัดสินใจที่จะเงยหน้าขึ้นมองไปที่ท้องของเธอ และใช่แล้ว รอยปูดบนท้องของเธอนั้นใหญ่ขึ้นกว่าปกติ

 

“เจ้าเห็นว่าเป็นเช่นไร เจ้าชอบมันหรือไม่” ซูหยางถามเธอพร้อมรอยยิ้ม

 

“ข้ารักมัน ข้ารักมันมาก อะไรก็ตามที่ท่านทํา ข้าต้องการให้ท่านทําต่อไป” ซุนจิงจิงกล่าวด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และเธอก็ถึงกับเริ่มขยับสะโพกเธอรับ