1902-2 vs 1902-3 vs 1902-4 โดย Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 1902-2

และในวันเดียวกันนี่เอง ฉินมั่วเดินทางขึ้นเครื่องบินโดยไม่มีคุณตาไปด้วย เพราะหากรอต่อไปต้องรอนานถึงสิบวันถึงจะกลับไปได้ ซึ่งฉินมั่วทนรอต่อไม่ไหว ไม่ใช่เพราะเหตุอื่นใด แต่เพราะคิดว่าควรจะกลับได้แล้ว

ณ สนามบินนานาชาติเจียงเฉิง เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วเห็นเด็กน้อยเข้ามา ก็ถามเพื่อเช็คอีกครั้ง “ขึ้นเครื่องคนเดียวเหรอ?”

“ฮะ” ฉินมั่นตอบสั้นๆ ยังถือกระเป๋าเดินทางรูปแพนด้าด้วย ด้วยมันมีขนาดเล็ก ไม่จำเป็นต้องฝากใต้เครื่อง และคงเพราะบารมีที่เจิดจ้า ทำให้เจ้าหน้าที่เก็บอารมณ์ทางสีหน้าไว้

อันที่จริงคุณท่านอานได้มาส่งหลานที่สนามบินด้วย ตอนที่ลงรถ ท่านยังบอกว่า “รีบกลับอย่างนี้ เพราะคิดถึงจิ่วใช่ไหม?” ใบหน้าเล็กๆ ของฉินมั่วไม่ได้แสดงสีหน้าออกไป “แค่ได้เวลากลับแล้วเท่านั้นล่ะครับ”

“อ้อ?” คุณท่านอานพยายามอ่านสีหน้าหลาน ยิ้มร่า “ตาล่ะคิดถึงจิ่ว พอถึงแล้วหลานอย่าลืมโทรหาตาด้วยนะ ตาได้ยินแม่บ้านหลานบอกว่า ช่วงนี้หลานเฝ้าโทรศัพท์หนักมาก”

ฉินมั่วรู้ว่าคุณตาหยอกเย้า แต่ไม่ได้ว่าอะไร เมื่อนั่งบนเครื่องบิน เขาก็คิดว่ายัยเสือน้อยจะชอบของที่เขาเอามาฝากไหม เป็นขนมกินในวันตรุษจีนที่อร่อยทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นเนื้ออบแห้ง ขาหมูรมควัน แถมยังมีขนมอีกส่วนหนึ่ง

พอเหล่าท่านนายพลที่อยู่ในแดนทหารได้ยินว่าฉินมั่วให้หาของพวกนี้ ต่างก็แปลกใจ ด้วยเป็นที่รู้กันว่าฉินมั่วเป็นเด็กเย็นชา แม้จะมีมารยาทครบถ้วน หากเทียบกับหลานพวกท่านเองก็เรียกได้ว่าโตเกินวัย แต่เด็กชายไม่กินของพวกนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงสั่งให้คนไปซื้อขนมหมาฮวาที่เป็นขนมแป้งมัดเป็นเกลียวทอดกับน้ำมันถั่วลิสงมาถึงสามถุงใหญ่ แถมยังสั่งขนมลวี๋ต๋ากุ่นซึ่งเป็นขนมทำจากแป้งข้าวเจ้า ทั้งยังเป็นขนมประจำถิ่นของเมืองเจียงเฉิงมาอย่างน้อยห้ากล่อง เต็มไปด้วยกลิ่นอายของงานฉลองตรุษจีน

ว่าแต่เขาจะเอาไปให้ใครกิน?

ไม่มีใครรู้เพราะฉินมั่วขึ้นเครื่องบินไปแล้ว

อีกฟากฝั่งหนึ่งของมหาสมุทร วิลเลี่ยมจูเนียร์ดีใจมาก เขาได้ยินมาว่าเจ้าปีศาจจากเอเชียนั่นกลับไปแล้วจะไม่กลับมาในช่วงนี้ เขาจะได้คบกับจิ่วสบายๆ เสียที

ขอบอกนะว่าเขาไม่ได้กลัวมันหรอก ใช่ เขาไม่ได้กลัวมันสักนิด

“นายกำลังทำอะไร?” ป๋อจิ่วไม่เข้าใจที่วิลเลี่ยมจูเนียร์อ้อมเส้นทางข้างหน้า

วิลเลี่ยมจูเนียร์ไอเล็กน้อย “เปล่า” ไม่อยู่จริงด้วยแฮะ ดีจัง…

“เหมือนนายโล่งอกเลย” ป๋อจิ่วเอ่ยเสียจริงจังต่อหน้าวิลเลี่ยมจูเนียร์

วิลเลี่ยมจูเนียร์ “เปล่า เปล่าจริงๆ อย่าพูดเรื่องนี่ดีกว่า จิ่ว พวกเรารีบไปกันเถอะ”

“อื้อ” ยัยเสือน้อยไม่ได้สวมชุดนอนรูปเสือ แต่สวมชุดเทควันโดแทน สายสีดำเด่นชัดมาก นี่แหละเป็นเหตุที่วิลเลี่ยมจูเนียร์ไม่กล้าลงไม้ลงมือกับเธอ ทว่าเขาก็ไม่ชอบใจอยู่ดี ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าเจ้าปีศาจนั่น จิ่วไม่เห็นแผลงฤทธิ์บ้างเลย! คิดมาถึงตรงนี้ วิลเลี่ยมจูเนียร์ก็อดถามสิ่งที่กังขาอยู่ในใจ

ป๋อจิ่วมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบ “มั่วมั่วไม่เหมือนนายนี่ เขาสวยออก แถมยังสุภาพด้วย แถมยังขี้อายอีกต่างหาก เกิดฉันแสดงฝีมือขึ้นมา มีหวังตกใจตาย”

  ……………………………………………

ตอนที่ 1902-3

วิลเลี่ยมจูเนียร์ได้แต่คิดในใจ แล้วตอนที่เธอต่อยฉันหน้าเขียว ทำไมถึงไม่คิดว่าฉันจะตกใจตายบ้าง อีกอย่าง โปรดมองดูดวงตาของฉัน มันเป็นสีฟ้าเชียวนะ! พวกคนเอเชียชอบตาสีน้ำทะเลแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?

ว่าแล้วไง แดดดี้หลอกเขา จิ่วไม่เหมือนกับพวกนักแสดงที่มาเอาดีที่ต่างประเทศพวกนั้นเลย วิลเลี่ยมจูเนียร์เจ็บปวดไม่ใช่น้อย ยังดีที่เป็นเด็กก็เลยหายไว ไม่ถึงสิบนาทีก็เริ่มเป็นเพื่อนซี้กับเจ้าหล่อนได้อีก

ทุกครั้งที่ป๋อจิ่วมายังกองถ่ายหนัง เธอจะช่วยจัดการความยุ่งยากให้เพื่อนคนนี้เสมอ วิลเลี่ยมจูเนียร์ไม่ชอบพวกที่มาประจบเอาใจเขาเพราะพ่อเขา แต่ด้วยอุปนิสัยส่วนตัวจึงพูดไม่ออก จิ่วที่ยืนด้านข้างเห็นแล้วจะเข้ามาชวนเขาว่า ไปนั่นกันไหม ไปเล่นกันเถอะ ซึ่งก็แก้ไขปัญหาได้เรียบร้อย

ครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่ที่ต่างจากเดิมคือ วิลเลี่ยมจูเนียร์ยังคงเดินเล่นไปทั่ว แม้จะสนใจต่อความศรัทธาของคนเอเชีย แต่ก็หวั่นเกรงไม่น้อย อีกทั้งเขายังไม่ได้อยากขอพร ส่วนป๋อจิ่ววิ่งไปวิ่งมาจนเหงื่อออก ทว่าเจ้าหล่อนกลับไม่ใส่ใจ ทำตัวเหมือนลูกเสือ เวลาเธอนั่งบนเบาะไหว้พระ พนมมือ ดวงตากลมโตไม่กะพริบสักนิด เด็กน้อยคนจะทำได้อย่างเธอ เว้นแต่สามเณรน้อยในวัด

ด้วยความที่อายุน้อยมาก ภิกษุชราที่เดินผ่านมาพอดี เอ่ยอมิตตาพุทธ ท่านเคยพบเห็นผู้คนมากมาย แต่น้อยครั้งที่จะเห็นคนที่มีชะตาเช่นนี้ เหี้ยมโหดเหลือคณา ทว่ามีดวงทางพระธรรม ไม่รู้ว่าต่อไปจะกลายเป็นเช่นไร

คงเพราะได้ยินเสียงดังกล่าว ป๋อจิ่วจึงเอียงศีรษะ กะพริบตาเหมือนลูกเสือเลยทีเดียว “ท่านไต้ซือ”

ภิกษุชรามองเธออย่างตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องที่ใฝเสน่ห์ใต้ตา เอื้อมมือไปด้วยอยากจะลูบศีรษะอีกฝ่าย ส่วนป๋อจิ่วยังคงนั่งนิ่งดังเดิม สีหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ท่านไต้ซือคะ หนูขอฮู้สองอันได้ไหมคะ?”

“สองอันหรือ?” ภิกษุชราถาม “ให้ตัวเองหรือเปล่า? สีกาน้อย ขอฮู้กันภัยมากไป จะไม่ศักดิ์สิทธิ์นะ”

ยัยเสือน้อยส่ายหน้า “ไม่ได้ให้ตัวเองค่ะ อันหนึ่งให้พ่อกับแม่ อีกอันให้มั่วมั่ว หนูอยากให้พวกเขาสุขสงบ ท่านไต้ซือ หนูขอพรแค่อย่างเดียวเอง จะไม่ศักดิ์สิทธิ์หรือคะ?”

ภิกษุชรามองดูแววตากลมโตนั่นอยู่นานกว่าจะเอ่ยขึ้น “สีกาน้อยขอพรอย่างอื่นได้นี่ นอกจากคุณพ่อคุณแม่แล้ว ทำไมถึงขอความสุขให้คนอื่น แต่ไม่ขอให้ตัวเองล่ะ?”

“ขอแค่มั่วมั่วมีความสุขสงบ ถือเป็นความสุขสำหรับหนูแล้วล่ะค่ะ” ยัยเสือน้อยตาโต ทำให้คนเอ็นดู แม้จะมีชะตากรรมโหดร้าย ทว่าคำพูดดังกล่าวทำให้ภิกษุชราตะลึง “ในเมื่อจะเอาอย่างนี้ อาตมาจะให้ฮู้กับสีกาน้อยสองอัน ถ้าสีกาน้อยเสียดายภายหลัง ก็ไม่ต้องให้เขานะ”

ยัยเสือน้อยถือฮู้กันภัยไว้สองอัน นัยน์ตาสว่างโรจน์ “หนูไม่เสียดายภายหลังหรอกค่ะ ขอบคุณท่านไต้ซือมากนะคะ” พูดจบยังไหว้คารวะตามมารยาททางศาสนา

ภิกษุชรายืนพูดอมิตตาพุทธอยู่ที่เดิม จนเมื่อเสียงของยัยเสือน้อยหายไป ท่านจึงได้ถอนสายตากลับมา ควรจะเรียกได้ว่า เด็กน้อยมีจิตพิสุทธิ์ใช่ไหม ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น แค่คนคนหนึ่งเห็นค่าของอีกคนมาก เลยเอาความสุขสงบของเขามาตั้งเป็นความสุขของตน ภิกษุชราเงยหน้ามองดูพระพุทธรูปที่อยู่ตรงกลาง สามเณรน้อยมาเชิญท่านไปยังอุโบสถด้านหน้า แจ้งว่าศิษยานุศิษย์ต่างมากันหมดแล้ว ท่านจึงโบกมือ “วันนี้อำนวยพรจนหมดแล้ว ให้พวกเขาทั้งหลายมาเดือนหน้าเถอะ”

 ……………………………………………

ตอนที่ 1902-4

อวยพรจนหมดแล้ว? สามเณรน้อยเกาศีรษะที่ล้านโล่งของตัวเอง อวยพรไปตั้งแต่เมื่อไร? ท่านอาจารย์เพิ่งออกมาเองไม่ใช่หรือ? อีกทั้งเดือนหนึ่งจะอำนวยพรได้สามครั้ง ท่านเพิ่งจะอนุญาตเอง แต่พอออกมากลับเลื่อนให้มาเดือนหน้า? สามเณรน้อยไม่เข้าใจ “ท่านอาจารย์ ท่านเพิ่งจะอำนวยพรไปครั้งเดียวเอง ยังเหลืออีกสองนี่ขอรับ”

“ไม่เหลือแล้ว” ท่านพูดจบก็ลูบๆ ศีรษะลูกศิษย์ “ไปเถอะ บอกพวกเขาตามตรง”

สามเณรน้อยรับคำสั่ง แต่ไม่เข้าใจว่าใครกันนะที่ได้รับการอำนวยพรจากท่านอาจารย์ถึงสามพรด้วยกัน เนื่องจากคำให้พรของท่านศักดิ์สิทธิ์มาตลอด จึงเป็นเหตุให้หลายต่อหลายคนมายังที่นี่ ดังนั้นต่อมาทุกคนต่างรู้แต่ว่าฉินมั่วเขียนลงในฮู้ว่า ขอให้ยัยเสือน้อยมีความสุขและปลอดภัยตลอดไป ช่างไม่รู้เลยว่าป๋อจิ่วขอพรอะไรให้เขา

วิลเลี่ยมจูเนียร์ไม่ได้มองมาทางนี้ เขารู้สึกว่าดูลึกลับจึงไม่กล้าเดินเข้าไป ที่นี่ช่างไม่เหมือนสิ่งปลูกสร้างและสไตล์ของฝรั่งสักนิด ยังมีที่คุณตาพ่อบ้านอยู่ด้วย จะว่าไปก็แปลก ก่อนหน้านี้เวลาจิ่วออกมาข้างนอกกับเขาก็ไม่เคยพาใครมาด้วย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหน จะต้องมีคุณตาคอยติดตาม? ดีที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวเล่นของพวกเขา

วิลเลี่ยมจูเนียร์สงสัยในสิ่งที่จิ่วขอ “จิ่ว เธอเข้าไปขอพรอะไรกับเทพเจ้าของคนเอเชียเหรอ พวกเขาแกว่ง แกว่งอะไรนี่แหละ จำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าขอพรเรื่องคู่”

“ฉันมีมั่วมั่วแล้ว จะไปขอพรเรื่องคู่ทำไม” เสียอย่างเดียวคือ จนถึงตอนนี้มั่วมั่วก็ยังไม่ตกลงปลงใจขายตัวเองให้เป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอสักที

วิลเลี่ยมจูเนียร์กลายเป็นหินไป จิ่วพูดแบบนี้ คิดถึงความรู้สึกฉันบ้างไหม? ไม่เลยสักนิด

เด็กสองคนกินไอศกรีมภายใต้การดูแลของคุณตาพ่อบ้าน วิลเลี่ยมจูเนียร์รู้ทันทีว่าอะไรคือความหมายของคำว่ากินไม่หยุดปาก ของอร่อยๆ มาถึงปากพวกเขาเสมอ แถมยังไม่กำหนดเวลาอีก พวกเขาเล่นกันอย่างนี้จนถึงค่ำ

ฉินมั่วลงเครื่องในตอนเที่ยง โดยมีโชเฟอร์ที่คุณตาเตรียมไว้มารับ สำหรับใครจะมารับเขานั้นไม่สำคัญ ยัยเสือน้อยยังเล็กมาก ไม่น่าจะมารับเขาได้ แถมจนมาถึงตอนนี้ เธอยังไม่รู้เลยว่าเขาจะกลับมาแล้ว

เด็กน้อยมองดูถุงของฝากที่อยู่ที่นั่งตอนหลัง ส่ายศีรษะเล็กน้อย พอจะจินตนาการออกว่าเดี๋ยวยัยเสือน้อยเห็นกองขนมกับตัวเขาเข้าจะมีสีหน้าเป็นอย่างไร เธอต้องกระโจนเข้ามาหา กอดเอวเขา พร่ำบอกว่าคิดถึงเขามากแน่ๆ เขาคุ้นเคยกับวิถีทางของเจ้าหล่อนดี

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินมั่วก็เบือนหน้าไปอีกทาง หลุดยิ้มนิดๆ ออกมา โชเฟอร์มองดูผ่านกระจกส่องหลังไม่เข้าใจ “คุณชายยิ้มอะไรหรือครับ?” ด้านนอกมีเรื่องอะไรน่าตลกหรือ? ไม่มีสักหน่อย มันเป็นแค่สะพานยาว รอบข้างก็มีแต่รถทั้งนั้น แล้วคุณชายยิ้มอะไร?

ฉินมั่วย่อมไม่ตอบว่าแค่คิดถึงยัยเสือน้อยเขาก็กลั้นยิ้มไม่ได้แล้ว ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “เปล่า” ทว่ายิ่งใกล้ถึงบ้านเท่าไร มุมปากยิ่งเผยรอยยิ้มอย่างหุบไม่อยู่ เป็นยิ้มบางๆ ที่ผุดขึ้นเป็นระยะ

เขาใกล้จะได้เห็นยัยเสือน้อยแล้ว เวลาอย่างนี้เธอน่าจะทำภารกิจที่พ่อเธอสั่งอยู่ ดังนั้นเมื่อลงจากรถ ฉินมั่วไม่ได้รีบเข้าบ้านตัวเอง แต่เดินไปกดกริ่งที่หน้าบ้านตระกูลป๋อ

………………………………………