ภาคที่ 3 ขยายแผนการอันยิ่งใหญ่ ตอนที่ 5.2 เจ้าตายแน่! ไม่มีใครหน้าไหนจะช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น! (2)

กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ

ตอนที่ 5 เจ้าตายแน่! ไม่มีใครหน้าไหนจะช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น! (2) โดย Ink Stone_Fantasy

 

หญิงสาวที่มีท่าทีหวาดกลัวปนประหม่าก็เดินตามพ่อบ้านเข้าไปในลานบ้าน

ในลานบ้านมีอาคารอยู่หลายหลัง พ่อบ้านให้หญิงสาวเข้าไปในเรือนหลังเดี่ยว และสั่งให้เด็กรับใช้เทน้ำชาให้พวกเขาทั้งคู่ จากนั้นก็ถามอย่างกระตือรือร้น “แม่นาง เจ้าหางานทำอยู่หรือ”

หญิงสาวกล่าวตอบทันที “ใช่ ข้าหาอยู่! ข้าทำได้ทุกอย่าง! หุงหาอาหาร ล้างถ้วยชาม ได้ทั้งนั้น! แต่ข้าจำเป็นต้องเบิกค่าจ้างล่วงหน้า แถมเงินก็เป็นจำนวนไม่น้อยเลย ดังนั้น…”

“พูดช้าๆ ไม่ต้องรีบร้อน” พ่อบ้านกล่าวเรียบๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “เจ้ามีเรื่องร้อนใจหรือ”

นัยน์ตาของหญิงสาวเริ่มแดงเรื่อ “ใช่เจ้าค่ะ น้องชายของข้า เขา..”

หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งมื้ออาหาร พ่อบ้านก็ได้ฟังเรื่องราวความรักลึกซึ้งของพี่สาวและน้องชายจนจบ ทว่าทันใดนั้นก็มีเด็กรับใช้ท่าทางกระฉับกระเฉงปราดเข้ามาจากภายนอก และกระซิบบางอย่างที่หูของพ่อบ้าน

เมื่อได้ยินถ้อยคำดังกล่าว พ่อบ้านก็ยิ่งพออกพอใจมากขึ้น หลังจากที่ให้คนรับใช้ออกไปแล้ว เขาก็กล่าวกับหญิงสาว “ข้าเข้าใจสถานการณ์ของเจ้า บอกตามตรง เจ้าบอกว่าเจ้ากับน้องชายมาจากหมู่บ้านบนเขาที่อยู่ห่างไกล…ทว่าตอนนี้เราไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ตัวตนของเจ้ากับน้อง ตามกฎของจวนเรา เราไม่อาจให้ที่พักกับคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า”

หญิงสาวร้อนใจขึ้นมา “แต่…”

“เจ้าฟังข้าก่อน แม้มันจะขัดต่อกฎของจวน แต่ข้าก็เห็นใจชีวิตที่แสนขมขื่นของเจ้ามาก อีกทั้งข้ายังชื่นชมที่เจ้าอุทิศตัวให้น้องชาย เพราะฉะนั้นเรื่องบางเรื่องเราก็หยวนได้บ้าง เจ้าว่าไหม”

หญิงสาวปลาบปลื้มยิ่งนัก “ท่านช่างมีจิตใจดีงาม…”

“อย่าเพิ่งขอบอกขอบใจข้าเลย ข้ารู้ว่าเจ้าร้อนใจเรื่องเงิน แต่ตอนนี้ที่จวนเราไม่ได้ขาดคน อีกทั้งเงินค่าจ้างของสาวใช้ก็ไม่น่าเพียงพอกับความต้องการของเจ้า”

หญิงสาวตื่นตกใจ “งะ…งั้นท่านจะให้ข้าทำสิ่งใด”

“…ความจริงแล้ว ในจวนนี้ยังมีอีกหน้าที่หนึ่ง ซึ่งตอนนี้ก็กำลังต้องการกำลังคนอย่างหนัก แถมเงินรางวัลเองก็มากโข อีกทั้งเจ้ายังมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ต้องการด้วย”

“งานอะไร”

ผู้เป็นพ่อบ้านชายตามองหญิงสาว “บอกข้าสิ เพื่อที่จะได้เงินไปรักษาน้องชายเจ้า เจ้าจะยอมทำทุกอย่าง”

“เจ้าค่ะ ข้ามีน้องชายเพียงคนเดียว เพื่อเขาแล้ว ข้าทำได้ทุกอย่าง!”

“งั้นก็ดี งานก็เป็น…เช่นนี้”

พ่อบ้านไม่ได้คาดหวังจะเห็นสีหน้างุนงงของหญิงสาวหลังจากที่เขาอธิบายให้นางฟังอย่างนุ่มนวล ทว่ายิ่งตอบสนองช้าก็ยิ่งเป็นสัญญาณที่ดี ยิ่งนางไม่ประสีประสามากเท่าไร นางก็ยิ่งมีค่ามากขึ้นเท่านั้น… แม้ตอนนี้ทั้งตัวของนางจะเต็มไปด้วยฝุ่นซึ่งไม่น่าพิสมัย แต่คนเป็นพ่อบ้านที่มีสายตาเฉียบคม จะไม่เห็นความงามตามธรรมชาติที่ชวนสะกดสายตาของนางได้อย่างไร หลังจากขัดสีฉวีวรรณจนเรียบร้อย นางจะต้องโดดเด่นกว่าหญิงสาวทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องของอาจารย์เซียนอย่างแน่นอน

ผ่านไปพักใหญ่ หญิงสาวก็ขบริมฝีปาก “ตราบใดที่ข้าได้เงิน ข้า…ข้ายอมทำทุกอย่าง!”

“ดี ได้ยินดังนี้ข้าก็วางใจ หลังจากลงชื่อในสัญญาแล้ว ข้าจะให้เงินเจ้า แต่ว่าข้าไม่อาจตัดสินใจเรื่องนี้เองได้ นายของข้าจะเป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้าย ตอนนี้ข้าอยากให้เจ้าตามสาวใช้ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าดีๆ นายของข้าจะได้ประทับใจในตัวเจ้า หลังจากนั้น…หึๆ เงินที่เจ้าจะได้ย่อมไม่สิ้นสุดแน่”

จากนั้นพ่อบ้านก็ละทิ้งกิริยาสุขุม และยื่นมือออกไปหวังสัมผัสแก้มของหญิงสาว

เห็นดังนั้นหญิงสาวจึงรีบโค้งให้อย่างงดงาม เลี่ยงการสัมผัสของพ่อบ้านได้พอดิบพอดี

“ขอบคุณเจ้าค่ะ! ขอบคุณที่เมตตาข้า!”

พ่อบ้านทำเสียงไม่พอใจจากนั้นก็ส่ายศีรษะ “เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว” ——

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ด้วยการช่วยเหลือจากสาวใช้หลายนาง หญิงสาวก็ออกจากห้องอาบน้ำพร้อมอาภรณ์ที่ประณีตงดงาม หลังจากที่ขัดสีฉวีวรรณตามที่ได้รับคำสั่ง ความงดงามของหญิงสาวก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดแจ้ง ไม่ต่างอะไรจากดอกบัวที่บานพ้นน้ำ

หัวหน้าสาวใช้ที่มีหน้าที่ดูแลนางกล่าวด้วยน้ำเสียงอิจฉา “ท่านดูสิ นางเหมือนนางฟ้าลงมาจุติบนโลกไม่มีผิด อาจารย์เซียนจะต้องหลงใหลนางอย่างแน่นอน”

พ่อบ้านจ้องมองนางอย่างไม่คิดปิดบัง แต่ก็ยังควบคุมตัวเองได้อยู่ “ตามข้ามา อาจารย์เซียนรอเจ้าอยู่ในห้อง”

หญิงสาวมีสีหน้าเคร่งเครียด “อาจารย์เซียน… ตอนนี้เลยหรือ”

“ถ้าไม่ใช่ตอนนี้แล้วจะเมื่อไร ของดีๆ เช่นนี้นาทีเดียวก็ไม่ควรล่าช้า”

ดังนั้นหญิงสาวจึงต้องเดินเข้าไปในห้องของอาจารย์เทพเซียน ด้วยใบหน้าแดงเรื่อและลำตัวแข็งเกร็งราวกับเจ้าสาวก่อนเข้าพิธีแต่งงาน โดยมีพ่อบ้านเดินตามหลังเข้ามา

——

ขณะเดิน จิตใจของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

จนถึงตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามที่หวังลู่วางแผนเอาไว้

แม้การแสดงของนางจะมีที่ติอยู่ไม่น้อย ทั้งเรื่องที่เล่าก็มีช่องโหว่ไม่เบา แต่… ในยามที่ต้องการคนอย่างเร่งด่วน ตำหนิต่างๆ จึงถูกมองข้ามไป

ในฐานะนักผจญภัยมืออาชีพ เจ้าหมอนั่นนับว่าเชื่อถือได้อย่างแท้จริง

คนที่เชื่อถือไม่ได้คือนางต่างหาก… ‘เวรเอ๊ย! นี่ข้าทำอะไรอยู่เนี่ย แทนที่จะดูแลกิจการที่มีรายรับวันละหมื่นๆ ตำลึง ข้ากลับเตร่มาถึงบ้านนอกนี่เพื่อมารับบทสาวน้อยที่ต้องขายตัวหาเงินไปรักษาน้องชาย แถมยังต้อง… ‘สยายผมกรุยกราย’ต่อหน้าตาแก่บ้ากามนี่อีก!’

‘นี่ข้าถูกผีเข้าหรืออย่างไรเนี่ย ยอมตกลงทำเรื่องหน้าไม่อายเช่นนี้กับเจ้าหวังลู่ได้ หรือจะเป็นช่วงนั้นของเดือน!?’

‘โอ๊ยช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ข้าจะซัดตาแก่ลามกนี่ให้ลืมวิธีหายใจ แล้วค่อยกลับไปซัดเจ้าหวังลู่ระบายอารมณ์ต่อ’

‘อีกอย่าง… จะว่าไป ถูกคนพวกนี้ชมว่าเป็นสาวงามก็ดีไม่หยอกเหมือนกัน ตอนที่ข้าอยู่ที่เขากระบี่วิญญาณ พวกศิษย์โง่เง่าพวกนั้นไม่เคยพูดถึงรูปโฉมของข้าเลย พวกมีตาแต่ไร้แวว!’

‘หึๆ งั้นข้าจะยอมให้ผู้บำเพ็ญเซียนบ้านนอกได้ยลโฉม ‘นางฟ้าลงมาจุติ’ คนนี้ด้วยตาตัวเองสักหน่อยแล้วกัน!’

เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ที่เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจของการเป็นอิสตรีเดินตรงไปยังอาคารหลัก โชคดีที่ครั้งนี้ชายผู้นั้นแต่งกายเรียบร้อยดี จึงไม่มีอะไรให้อุจาดสายตา

เมื่อได้เห็นใบหน้าของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ ผู้อาวุโสหกดาวก็ตะลึงตาค้างในทันที

พอเห็นปฏิกิริยาของเขาที่มีต่อความงามของนาง เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ก็อดภูมิใจไม่ได้ ‘หึๆ ติดกับข้าเข้าแล้ว! ไม่มีใครต้านทานเสน่ห์ของข้าได้หรอก! เจ้า สารเลวอย่างเจ้าไปรอด้านนอก เดี๋ยวข้าค่อยออกไปจัดการกับเจ้าต่อ!”

‘ส่วนเจ้า ตาแก่ลามก ฮ่าๆ ไหนๆ เจ้าก็ตาแหลมไม่เบา ข้าจะไม่ทุบเจ้าจนอ่วมก็ได้’

เมื่อชายแก่เลิกตกตะลึงกับดวงหน้าของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ เขาก็ไล่สายตาลงมาด้านล่างที่ลำคอเพรียวระหงอย่างช้าๆ และมองต่อไปที่กระดูกไหปลาร้างดงามเย้ายวน หลังจากชื่นชมได้สักพัก เขาก็เลื่อนสายตาลงต่ำอีกครั้ง เพื่อมองดูอกอวบนุ่มขาวกระจ่าง

ผิวของนางขาวราวหยกไขมันแพะชั้นดี มันวับวาวกระจ่างใสดึงดูดสายตา ทันใดนั้น จิตของผู้บำเพ็ญเซียนเฒ่าก็ดูราวจะย้อนกลับไปหลายทศวรรษยามที่เขาออกเรียนรู้หาประสบการณ์อยู่ในแคว้นธาราคราม ในครั้งนั้นเขาได้รับอภิสิทธิ์ในการได้ยลภูมิทัศน์ที่งดงามแห่งหนึ่ง นั่นคือที่ราบโล่งซึ่งปูด้วยหยกขาวยาวเหยียดไปจนจรดขอบฟ้า ระยิบระยับนัยน์ตาของเขายิ่งนัก…

หือ? ที่ราบ…หยกขาว?

ชายแก่ยกมือขึ้นหยิกดั้งจมูกของตนจากนั้นจึงลืมตาขึ้น

อึดใจถัดมา เขาก็ระเบิดโทสะดังก้องไปทั้งห้อง

“…เจ้าโง่! นี่เจ้าไปเอาหญิงโง่เง่าหุ่นท่อนฟืนนี่มาจากไหนเนี่ย!? อกก็ไม่มีก้นก็ไม่มี แค่หน้าสวยๆ จะไปมีประโยชน์อะไร!? ข้าพร่ำบอกเจ้าตั้งกี่ครั้งแล้ว ข้าอยากได้ที่หน้าอกใหญ่ๆ! เอาตัวนางผู้หญิงอกฟีบนี่ออกไปเสีย แล้วอย่าได้พาพวกแบบนี้มาอีกเด็ดขาด!”

ตู้ม!

เสี่ยวหลิงเอ๋อร์รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ภาพเบื้องหน้ากลายเป็นสีดำไปหมด

นางจำไม่ได้แม้สักนิดว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น

………………………………………….