ตอนที่ 6 พวกวิตถารทั้งหมดสมควรตาย! (1) โดย Ink Stone_Fantasy
เมื่อความทรงจำของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์กลับคืนมาอีกครั้ง นางก็พบว่าตนเองยืนอยู่นอกกำแพงจวนรับรอง อาภรณ์วิจิตรงดงามยังอยู่บนร่าง หยดน้ำจากการอาบน้ำยังไม่ทันระเหยไปหมด เพียงแต่… มีดวงอาทิตย์ยามโพล้เพล้เป็นฉากหลัง หุ่นอรชรของนางกลับดูเปลี่ยวเหงาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
หลังเหม่อมองอย่างว่างเปล่าอยู่พักใหญ่ สมองที่มึนงงของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น รอยยิ้มประหลาดผุดขึ้นมาที่มุมปากของหญิงสาว จากนั้นนางจึงสาวเท้าไปยังทิศทางหนึ่งในอำเภอ
ขณะเดียวกัน หวังลู่และเหวินเป่าก็กำลังนั่งขัดสมาธิสวาปามหมั่นโถวและเนื้อปรุงสุกอยู่ในตรอกเปลี่ยว
“ศิษย์พี่หวังลู่ ท่านว่าพี่หญิงหลิง…จะปลอดภัยดีหรือเปล่า”
หวังลู่กลืนชิ้นเนื้อลงคอแล้วหัวเราะ “วางใจเถอะ ผู้หญิงน่ะเกิดมาเป็นนักแสดงอยู่แล้ว เห็นไหมเล่าว่าป่านนี้แล้วยังไม่มีใครมาถามถึงตัวตนของเจ้าเลยสักคน เห็นได้ชัดว่านางแทรกซึมฐานที่มั่นของศัตรูได้แล้ว อีกไม่นานเราอาจจะเห็นผลลัพธ์ก็เป็นได้”
“…ข้าก็แค่รู้สึกว่าพี่หญิงหลิงต้องสังเวยตัวเองครั้งใหญ่เพื่อการนี้”
“มีอะไรให้ต้องสังเวยกันเล่า นางย่อมไม่ยอมถูกฉวยโอกาสอยู่แล้ว กลับกันชาวบ้านแถวนี้ต่างพากันยกย่องนางว่าเป็นนางฟ้าลงมาจุติ เพราะฉะนั้นจิตใจของตาแก่นั่นย่อมต้องหวั่นไหวแน่นอน! เจ้ารู้ไหมเหตุใดเหล่าศิษย์ที่อยู่บนเขากระบี่วิญญาณจึงไม่เคยชมนางว่างามดั่งดอกไม้เลย”
เหวินเป่านิ่งคิดไปพักหนึ่ง “ท่านพูดถูก พวกเขาไม่เคย… ทำไมกัน จะว่าไปพี่หญิงหลิงถือว่าเป็นผู้หญิงที่งดงามมาก”
หวังลู่ส่งเสียงฮึ “นางงดงามแล้วอย่างไร จากนิสัยของนางแล้ว ผู้คนที่นั่นต่อให้อยากมองว่านางเป็นผู้หญิงก็มองไม่ลงหรอก เหมือนอาจารย์ของข้าอย่างไรเล่า จะว่าไปแล้ว อาจารย์ของข้าก็งดงามไม่เบา เจ้าว่าไหม มองนางเป็นผู้หญิงยังน้อยไป เจ้ามองนางเป็นมนุษย์หรือเปล่าเถอะ”
“…ก็จริง”
“ใช่ไหมล่ะ เอาเถอะ ตราบที่เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ยอมเล่นด้วย กับอีแค่ล่อลวงตาแก่ลามกนั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก ข้าห่วงแค่ว่า…” หวังลู่ขมวดคิ้ว “รูปร่างนางออกจะผอมไปหน่อย จะว่าไปทุกวันนี้พวกวิตถารที่ชอบเด็กละอ่อนแม้จะหาได้ยากแล้ว แต่ตาแก่นั่นอาจจะเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้! แต่หมอนั่นก็ต้องยอมรับข้อด้อยที่ว่านางแบนเป็นไม้กระดานให้ได้ด้วยนะ ฮ่าๆๆ”
แม้เหวินเป่าจะฟังเข้าใจเพียงไม่กี่ส่วน แต่เมื่อเห็นศิษย์พี่หวังลู่หัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี เขาก็อดหัวเราะโง่ๆ ออกมาไม่ได้ แต่แล้วเสียงหัวเราะของเขาก็สะดุดลงในทันใด
ที่ปากตรอกปรากฏร่างของหญิงสาวยืนหันหลังให้ดวงอาทิตย์ เงาบอบบางของนางบดบังการมองเห็นของเขาเสียสิ้น
ราวกับว่าค่ำคืนได้มาเยี่ยมเยือนแล้ว
หวังลู่เงยหน้าขึ้น เขามองเห็นหญิงสาวและเกือบเปล่งเสียงหัวเราะยินดีกับชัยชนะของนาง แต่อึดใจถัดมานั้น…
“หวังลู่ ข้าจะฆ่าเจ้า ย้ากกก!”
นางพุ่งมาข้างหน้าด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ รูปร่างของนางดูพร่าราวกับเป็นคลื่นไฟฟ้า จากนั้นลมแรงก็ปะทะเข้าที่หน้าของหวังลู่
ตู้ม!
เด็กหนุ่มปลิวไปราวกับเป็นลูกปืนใหญ่ จากนั้นก็ชนเข้ากับกำแพงดินที่อยู่ด้านข้างพร้อมเสียงตู้มดังกึกก้อง แล้วร่างของเขาก็ติดแหง่กอยู่ตรงนั้น
หมัดทรงพลังของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์แขวนหวังลู่ไว้บนกำแพงราวกับเป็นภาพวาดก็ไม่ปาน! ——
“…เรื่องมันเป็นเช่นนี้นี่เอง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นอย่างที่ข้าพูดจริงด้วย”
หวังลู่ที่ดวงตาข้างหนึ่งดำเป็นวงใหญ่แสดงสีหน้าขมขื่น จากนั้นก็ถอนหายใจ
เมื่อครู่เสี่ยวหลิงเอ๋อร์เพิ่งเล่าเรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นกับตนในจวนรับรองให้หวังลู่ฟัง แน่นอนว่าเหวินเป่าวิ่งไปตั้งหลักเสียไกลโพ้น ปล่อยให้หวังลู่พูดคุยกับนางเพียงลำพัง เรื่องน่าขายหน้าชั่วชีวิตเช่นนี้ไม่ควรมีใครอื่นได้ฟังอีก มิเช่นนั้นนางอาจลุกขึ้นมาปิดปากคนผู้นั้นก็เป็นได้
หวังลู่เองก็ตกใจไม่น้อยกับเรื่องที่ได้ฟัง เขานิ่งอึ้งไปพักใหญ่ แม้เขาจะเป็นนักผจญภัยมืออาชีพที่เชี่ยวชาญขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่พลิกผันได้ถึงเพียงนี้ ตาแก่ลามกนั่นนอกจากกจะชั่วช้าแล้ว ยังวิตถารและไร้รสนิยมอีกด้วย!
กล้าดีอย่างไรถึงมีอคติกับสาวไม้กระดานกัน!
หวังลู่ถอนหายใจ “พี่หญิงหลิง ท่านคงลำบากน่าดู…หึๆ!”
ตอนแรกเขาตั้งใจปลอบประโลมอัตตาที่บอบช้ำของหญิงสาว ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
แน่นอนผลก็คือเขาถูกซัดอัดกำแพงอีกรอบ
“หากเจ้าหัวเราะอีก ข้าจะอัดเจ้าที่เป็นตัวการหลักของเรื่องนี้ให้ยืนไม่ขึ้นเลย!”
หวังลู่จับดวงตาที่ดำเป็นวงอีกข้างของตน จากนั้นก็รีบกลั้นขำที่เกือบจะหลุดออกมา “ไม่หัวเราะแล้ว ข้าไม่หัวเราะแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ…หลังจากกลับไป ข้าจะชดเชยให้ท่านแน่นอน”
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์กัดฟัน “ใครต้องการให้เจ้าชดเชยกัน! เจ้าจะชดเชยอย่างไรให้สาสม!?”
หวังลู่นิ่งคิดไปพักหนึ่ง “ความจริง ข้ารู้ตัวยาพื้นบ้านที่ช่วยขยายขนาดหน้าอกท่านได้ พี่หญิงหลิง ท่านน่ะ…”
ตู้ม!
หลังจากโดนอัดไปสามรอบเขาก็ถอยออกมาให้ไกลจากกำแพง แล้วก็ถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง “พี่หญิงหลิง นี่ท่านคิดจะฝึกเขียนพู่กันวิเศษของหม่าเหลียง[1]หรืออย่างไรกัน หากท่านยังเอาแต่อัดข้าแบบนี้ ข้าต้องแบนเป็นข้าวเกรียบแน่!”
“ข้า ข้า…” เสี่ยวหลิงเอ๋อร์อับจนคำพูด เพราะจู่ๆ นางก็คิดขึ้นได้ว่า ตอนที่หวังลู่คิดแผนนี้ขึ้นมาเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายนางสักหน่อย ทว่าความขุ่นเคืองในใจของนางนั้นยากที่จะทำให้เบาบางลงได้ แล้วนางจะทำอย่างไรได้เล่า
ใบหน้าของหวังลู่ขรึมลงขณะที่พูดเสียงเข้ม “แน่นอนว่าต้องมีคนชดใช้ให้กับความอยุติธรรมนี้ เพราะงั้นเราต้องรีบหาคนร้ายตัวจริงแล้วแก้แค้นเขาเสีย”
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์หมดความกระตือรือร้น “ยังไงเล่า แผนลอบโจมตีของเจ้าก็ล้มไม่เป็นท่าแล้ว”
หวังลู่เองก็อับอายไม่น้อย “ใช่ ไม่คิดเลยว่าหมอนั่นเป็นพวกวิตถาร รสนิยมจึงผิดธรรมดา… หากเราไม่ใช้วิธีนี้ ก็คงยากที่จะบุกเข้าไปได้ เหวินเป่ากับข้าเองก็ไม่ถนัดลอบจู่โจมกับปลอมตัวเสียด้วย”
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ตะคอกเสียงเย็น “หากเข้าด้านหน้าไม่ได้ งั้นก็อ้อมไปเข้าด้านหลัง ทำเช่นนี้ข้าเองก็ลำบากใจเหมือนกัน”
หวังลู่คิดในใจ ‘ข้าว่าต้องมีเหตุผลอื่นที่ทำให้ท่านลำบากใจ… ตอนแรกที่ท่านยอมรับบทขายร่างกายแลกเงิน ท่านก็สุขกายสบายใจดีไม่ใช่หรือ’
ทว่าหากพวกเขาคิดจะเข้าทางประตูหน้าอีกรอบ… หวังลู่เองก็ลังเล จากกำลังคนที่มี การจะเอาชนะผู้อาวุโสหกดาวกับทูตสี่ดาวยังพอเป็นไปได้ แต่จะให้จับตัวไว้ก็คงยากไม่น้อย
แต่หากไม่จับตัวไว้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องทำให้สำนักเจ็ดดาราสงสัยแน่ ต่อไปเมื่อต้องหาฐานที่มั่นของพวกเขา การจะจับตัวหัวหน้าสำนักต้องยากมหันต์แน่นอน อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นอาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามคิดแก้แค้น ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ยุ่งยากเข้าไปใหญ่ ท้ายที่สุด การลอบโจมตีก็ยังเป็นหนทางที่เป็นไปได้ที่สุด เพราะจนป่านนี้พวกเขาก็ยังได้เปรียบที่อยู่ในที่ลับ ส่วนศัตรูนั้นอยู่ในที่แจ้ง
ดังนั้นปัญหาก็กลับมาสู่จุดเดิม นั่นคือจะแทรกซึมเข้าในจวนและจับตัวชู้รักสองคนนั้นโดยที่พวกผู้คุ้มกันไม่ทันรู้ตัวได้อย่างไร
กับดักสาวงามยังเป็นวิธีที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด โชคร้ายที่เถ้าแก่เนี้ยนั้นหน้าตาดีก็จริงแต่เสียทีอกแบนไปหน่อย ทว่านอกจากเถ้าแก่เนี้ยแล้ว พวกเขาจะไปหาผู้บำเพ็ญเซียนหน้าตาดีที่มีพลังมากพอจะเอาชนะผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานได้จากที่ไหนอีก หรือเขาต้องกลับไปที่เขากระบี่วิญญาณเพื่อรวบรวมกำลังพลอีกครั้ง ศิษย์คนอื่นๆ ก็กระจายตัวกันออกเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์อยู่ทั่วแคว้นแล้ว ดังนั้นการจะตามหาสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
จริงสิ หากศิษย์น้องเยวี่ยซินเหยาที่อยู่ในใจของคนแถวนี้ตลอดเวลาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะก็ เขาอาจจะคิดแผนการอื่นออกก็เป็นได้ แต่ตอนนี้คนในกลุ่มของเขามีเพียงแม่สาวอกกระดาน เจ้าอ้วน แล้วก็…
หวังลู่ถอนใจ ก้มศีรษะลง ทันใดนั้นสายตาเขาก็ไปบรรจบกับแอ่งน้ำที่อยู่บนพื้น ผิวน้ำนั้นราบเรียบราวกระจก สะท้อนใบหน้าที่ฉายแววกังวลเล็กน้อยของเขาพอดิบพอดี
เฮ้! เดี๋ยวนะ นี่แหละ!
“พี่หญิงหลิง ท่านกับเจ้าอ้วนรอข้าอยู่ที่นี่เดี๋ยวหนึ่งสิ ข้ามีบางสิ่งต้องไปทำ”
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์คิดว่าเขาจะไปปลดทุกข์ จึงโบกมือไล่เบาๆ “ไปเถอะ”
ชั่วเวลาหนึ่งมื้ออาหารผ่านไป เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ยืนรออยู่หน้าปากตรอกอย่างเบื่อหน่าย นางพร้อมเดินจากไปได้ทุกเมื่อ แต่ทันใดนั้นนางก็เห็นร่างร่างหนึ่งเดินมาจากระยะไกล
คนผู้นี้เป็นสาวน้อยหน้าตาสะสวยสูงปานกลาง นางใส่ชุดกระโปรงหรูหราตัวยาว ซึ่งขับความงามและเสน่ห์ให้โดดเด่นขึ้นมาอีกหลายจุด เด็กสาวเดินยักย้ายสะโพกราวกับเป็นท่าเดินปกติ ใบหน้ายั่วยวนนั้นเกินจะบรรยายจริงๆ
เมื่อเห็นคนผู้นี้ เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ และยิ่งเห็นหน้าอกหน้าใจที่เด่นตระหง่านสองข้างนั่นแล้ว อารมณ์ของนางก็ยิ่งขุ่นมัวลง ความเป็นปรปักษ์ที่อธิบายไม่ได้ก่อตัวขึ้นในจิตใจ
นรกเถอะ! คนประเภทนี้จู่ๆ มาปรากฏตัวในอำเภอบ้านนอกเช่นนี้ได้อย่างไร คนที่อยู่ที่นี่ต้องผอมแห้งขาดสารอาหารต่างหาก! ชาวบ้านในอำเภอเล็กๆ ก็ควรมีรูปร่างหน้าตาเหมาะสมกับที่อยู่ในอำเภอเล็กๆ สิ! แล้วทำไมหน้าอกหน้าใจของนางถึงมหึมานัก หรือนางจะเป็นแม่นมมืออาชีพกันนะ!?
ภายใต้ดวงตาที่สับสนของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ หญิงแปลกหน้าผู้นั้นก็หันมายิ้มให้และเดินตรงมาที่นาง
“…เจ้าต้องการอะไร” เสี่ยวหลิงเอ๋อร์กำลังหงุดหงิด โดยเฉพาะเมื่อแม่สาวคนงามมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้านางราวกับตั้งใจอวดหน้าอกอวบอิ่มของตน แบบนี้มันยั่วโมโหกันชัดๆ!
“เฮ้ ข้าเอง”
“เจ้าเป็นใคร ข้ารู้จักเจ้าด้วยรึ” เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ตอบสวนไปทันควัน แต่แล้วนางก็ตัวแข็งทื่อ
เพราะเสียงของคนตรงหน้าช่างคุ้นนัก! ชัดเจนว่า…
“ข้าเองไง ข้าไม่ได้ปลอมเสียงสักหน่อย ท่านจำไม่ได้หรือ”
เถ้าแก่เนี้ยอ้าปากค้าง
“หวังลู่! นี่เจ้า! @!@!?”
……………………………………………………..
[1] เป็นชื่อตัวละครในนิทานพื้นบ้านของจีน ผู้มีพู่กันวิเศษที่พอวาดสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะปรากฏขึ้นจริง