บทที่ 517 คนโรคจิตที่ไม่กลัวความเจ็บปวด

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

จากการหยั่งเชิงก่อนหน้านี้ ผู้ชายเสื้อหนังพอจะจับทางเรี่ยวแรงกำลังของเย่เทียนได้แล้ว บัดนี้เห็นเย่เทียนพุ่งเข้ามา เขาไม่ถอยกลับบุกกลับ ยกแขนขึ้นปัดหมัดของเย่เทียน

แต่ไม่รอให้เขาได้ทำอะไรเพิ่มเติม มือซ้ายของเย่เทียนก็กำเป็นหมัดและจู่โจมเข้าไป

ตู้ม!

ผู้ชายเสื้อหนังรู้สึกแค่เจ็บท้อง ก่อนที่คนทั้งคนถอยหลังไปหลายก้าวอย่างอดไม่ได้

“นายก็แค่เท่านี้นี่หว่า!”

เย่เทียนไม่เลือกที่จะไล่จี้จู่โจมต่อเช่นกัน เขายืนอยู่ที่เดิมจัดแจงตัวให้เรียบร้อยและมองผู้ชายเสื้อหนัง ใบหน้าฉายรอยยิ้มจางๆ

ผู้ชายเสื้อหนังบันดาลโทสะในบัดดล นี่เป็นคำพูดที่เขาใช้แดกดันเย่เทียน คิดไม่ถึงว่าจะโดนย้อนไวขนาดนี้

เขาแค่นเสียงเย็น ใต้เท้าขยับรัวๆ และพุ่งไปจู่โจมเย่เทียน

ไวดุจแสง ดุดันราวสายฟ้า!

เปรี๊ยะ!

นิ้วดุดันราวกรงเล็บพยัคฆ์ราวกับข่วนทะลุมิติ ส่งเสียงทะลวงอากาศแสนน่ากลัวเป็นพักๆ เพื่อพุ่งไปคว้าเย่เทียนอย่างทรงพลัง

แป๊ะ!

เย่เทียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาเห็นผู้ชายเสื้อหนังบุกเข้ามา จึงยื่นมือขวาออกไปด้วยความเร็วแสง ปัดกรงเล็บคมที่ผู้ชายเสื้อหนังจู่โจมมาอย่างแม่นยำ

แต่เหมือนผู้ชายเสื้อหนังจะคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ส่วนมืออีกข้างกลับฉวยโอกาสนี้จับไปที่แขนของเย่เทียน

แคว่ก!

เมื่อเป็นเช่นนี้ เสื้อผ้าช่วงแขนของเย่เทียนโดนข่วนจนขาด และข่วนเขาจนมีแผลสี่แผล เลือดสีแดงฉานซึมออกมาทันตา

“ซี้ด!”

เย่เทียนอดสูดหายใจเข้าลึกไม่ได้ เขารีบขยับฝีก้าวเพื่อดึงระยะห่างออกจากผู้ชายเสื้อหนัง

เขารู้สึกเพียงความเจ็บแสบที่ส่งมาจากแขน จึงอดก้มมองไม่ได้ และได้เห็นแขนที่ราวกับโดนสัตว์ป่าข่วนมา อนาถาจนทนมองไม่ได้

“ไอ้เวรเอ๊ย….”

ตาเย่เทียนกระตุกเล็กน้อย ผู้ชายเสื้อหนังเลียนแบบตัวเองอย่างเห็นได้ชัด แค่ตัวเองบาดเจ็บหนักกว่าเยอะ

“ไอ้หนุ่ม ฉันขี้เกียจจะอยู่เล่นกับนายแล้ว ไปตายซะ!”

ผู้ชายเสื้อหนังแค่นเสียงเย็น ไม่ให้เย่เทียนได้พักหายใจเลยแม้แต่น้อย ห้านิ้วของเขารวมเข้ากันดั่งมีด ฟันเข้าไปที่คอหอยของเย่เทียน

“อยากจะฆ่าฉัน? ยังเร็วไปโว้ย!”

เย่เทียนหรี่ตาลง ยกมือป้องกันมีดมือที่ผู้ชายเสื้อหนังฟันมา ขณะเดียวกันยื่นมือขวาออกไปด้วยความเร็วแสง ต่อยเข้าไปหน้าอกของผู้ชายเสื้อหนังอย่างหนัก

แต่ผู้ชายเสื้อหนังกลับทำเหมือนไม่เห็น ไม่หลบหรือไม่มีทีท่าว่าจะป้องกันเลยสักนิด

ภายใต้ความประหลาดใจของเย่เทียน เจ้านี่ยกแขนซ้ายขึ้นเช่นกันและต่อยเย่เทียนกลับ

เย่เทียนเห็นท่า ไม่ตกใจแต่ดีใจด้วยซ้ำ เขาไม่เชื่อว่าความทนทานของผู้ชายเสื้อหนังจะเท่ากับเซวหมานจื่อ

หน้าอกแลกกับไหล่ ดูยังไงก็ต้องเป็นหน้าอกที่บาดเจ็บหนักกว่า

เย่เทียนเชื่อว่าขอเพียงหมัดนี้โดน อย่างแย่สุดผู้ชายเสื้อหนังก็ต้องบาดเจ็บสาหัส

ตู้มตู้ม!

เวลานั้นเอง เสียงทุ้มต่ำสองเสียงดังขึ้นติดต่อกัน หมัดของทั้งสองคนต่างกระแทกใส่ตัวอีกฝ่ายอย่างหนัก

เย่เทียนรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสตรงไหล่ทันที จนถอยหลังไปหลายก้าวอย่างอดไม่ได้

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่มุมปากเย่เทียนกลับฉายรอยยิ้มสะใจ เขาเงยหน้ามองผู้ชายเสื้อหนังตรงหน้า

เขาเชื่อว่าผู้ชายเสื้อหนังต้องอนาถกว่าเขาแน่นอน!

แต่ภาพที่ตาเห็นกลับทำให้เย่เทียนอึ้งจนคางแทบหลุดออกมา

ไม่มีสาเหตุอื่น อย่าว่าแต่สีหน้าเจ็บปวดเลย ผู้ชายเสื้อหนังไม่แม้แต่จะถอยหลังสักก้าว ราวกับหมัดของเย่เทียนไม่เจ็บไม่คันเลยสักนิด!

“ทำไม? ผิดหวังมากเลยใช่มั้ย?”

ผู้ชายเสื้อหนังหัวเราะเย็นๆ สบจังหวะที่เย่เทียนเสียสมาธิ ก้าวออกไปข้างหน้าฉับพลันและต่อยเย่เทียนอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง

พรวด!

หน้าอกของเขาโดนต่อยอย่างหนักอีกครั้ง เย่เทียนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขารู้สึกหวานในคอก่อนจะกระอักเลือดออกมา

แต่เย่เทียนไม่มีเวลามามัวเจ็บอยู่ จึงรีบถอยหลังออกไป ดึงระยะห่างกันถึงสามเมตรถึงได้ยืนนิ่ง

เขามองผู้ชายเสื้อหนังอย่างระแวง นึกแปลกใจ

ต่อให้เป็นเซวหมานจื่อ ถ้าโดนหมัดเขาเข้าจังๆแบบนั้นก็ต้องมีปฏิกิริยาบ้าง แต่ผู้ชายเสื้อหนังคนนี้กลับแปลกประหลาดมาก ประหนึ่งว่าไม่รู้จักความเจ็บปวด ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เลยสักนิด!

“รู้สึกแปลกใจมากเลยใช่มั้ย?”

อาจเพราะเขาเห็นความฉงนในสายตาเย่เทียน ผู้ชายเสื้อหนังกล่าวเรียบๆ “เห็นแก่ที่นายกำลังจะตายแล้ว ฉันก็ไม่กลัวที่จะบอกนาย ตอนฉันเด็กๆ พ่อของฉันส่งฉันไปเรียนวิชานินจาที่ญี่ปุ่น”

“ฉันคุ้นเคยกับความเจ็บปวดมาตั้งแต่เด็ก แรงแค่นี้ของนายยังไม่หนักเท่าแรงที่ฉันต้องทนตอนฝึกเลย!”

“หืม?!”

เย่เทียนฟังแล้วขมวดคิ้วเป็นปมทันที นัยน์ตาฉายแววตะลึงออกมาจางๆ

หมัดเต็มแรงของตัวเองนี้ ต่อให้ไม่ใช้ชี่ทิพย์แต่อย่างน้อยก็พอจะฝากรอยกำปั้นบนกำแพงปูนได้แล้ว กลับสู้แรงที่ผู้ชายเสื้อหนังต้องเจอตอนฝึกอีกเหรอ?

นี่มันพ่อประสาอะไรกันวะ ถึงใจไม้ไส้ระกำขนาดที่ปล่อยให้ลูกของตัวเองต้องทรมานกับความเจ็บปวดตั้งแต่เด็ก?

“อึ้งมากเลยใช่มั้ย?”

ผู้ชายเสื้อหนังหัวเราะเฝื่อนๆและส่ายหัว “ถ้าฉันบอกนายว่านอกจากการฝึกให้ทนต่อการโจมตีขั้นพื้นฐานแล้ว ฉันยังโดนพ่อแท้ๆโยนเข้าไปในถ้ำของสิ่งมีชีวิตที่มีพิษต่างๆ หิวน้ำต้องดื่มเลือดงูพิษ หิวข้าวต้องจับพวกแมงมุมพิษ ตะขาบพิษมากิน…..”

“หยุดๆๆ นายไม่ต้องพูดต่อไปแล้ว”

เย่เทียนรีบโบกมือ “ฉันรู้ว่านายเป็นโรคจิต ทั้งบ้านนายเป็นโรคจิต”

“บางทีฉันอาจจะเป็นโรคจิตจริงๆ”

ผู้ชายเสื้อหนังยักไหล่ สีหน้าเย็นยะเยือกขึ้นมา “เถ้าแก่หยางเป็นคนพาฉันออกจากบ้านนั้น ทุกสิ่งที่ฉันมีในตอนนี้ล้วนแล้วมาจากที่เถ้าแก่หยางมอบให้”

“เพราะฉะนั้น ในเมื่อเถ้าแก่หยางต้องการให้นายตาย นายก็ต้องตาย!”

สิ้นเสียง ผู้ชายเสื้อหนังก็ไม่พูดมากอีกต่อไป เขาขยับเท้าและพุ่งไปหาเย่เทียนอีกครั้ง

ตู้ม!

เมื่อเห็นผู้ชายเสื้อหนังที่พุ่งเข้ามาอย่างดุดัน เย่เทียนมีสีหน้าอึมครึมลง หมุนเวียนคัมภีร์หวงในร่างอย่างรวดเร็ว พายุโหมออกมาจากตัวในบัดดล และพัดไปรอบๆ

“ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ?”

ผู้ชายเสื้อหนังกระตุกยิ้มเย้ยหยันมุมปาก ระหว่างที่บุกเข้าไปโจมตีก็เปล่งพลังแกร่งกล้าออกมาเช่นเดียวกัน และพุ่งไปหาเย่เทียนโดยไม่หยุดฝีเท้า

ฟิ้วฟิ้ว!

ภายใต้การห่อหุ้มด้วยกำลังภายใน หมัดของเขาดูจางขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งระเบิดมิติไปแล้ว พร้อมส่งเสียงคำรามอย่างน่าใจสั่น

แป๊ะ!

เย่เทียนในตอนนี้กลัวผู้ชายเสื้อหนังที่ไหน เขายื่นมือซ้ายออกไปฉับพลัน หยุดหมัดของเขาด้วยความแม่นยำ

ขณะเดียวกัน มือขวาของเย่เทียนกำหมัดและต่อยหน้าผู้ชายเสื้อหนังอย่างแรง

ตู้ม!

จมูกของผู้ชายเสื้อหนังเลือดทะลักในบัดดล แต่เขาไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด ประชิดตัวเข้าไปอีกครั้ง ตั้งมั่นจะฉีกเย่เทียนให้เป็นชิ้นๆประหนึ่งหมาป่าหิวโหย

เย่เทียนหัวเราะเย็นๆในใจ จิ้มเท้าเบาๆและกระโจนตัวขึ้นสูง พริบตาเดียวก็ถีบออกไปสามครั้ง เล็งไปที่หัวของผู้ชายเสื้อหนังทั้งหมด

ยังไงซะสมองก็เป็นส่วนสำคัญ ผู้ชายเสื้อหนังรีบถอยหลังไปหลายก้าว ยื่นมือหมายจะป้องกัน

ปึ้งปึ้ง!

ทว่า เขาป้องกันได้แค่สองทีด้วยความทุลักทุเล แล้วก็โดนลูกถีบที่สามของเย่เทียนเข้าที่หน้าอก จนต้องถอยหลังอีกสองก้าวอย่างควบคุมไม่ได้

นาทีต่อมา ไม่รอให้เย่เทียนเผยรอยยิ้ม ผู้ชายเสื้อหนังก็เร่งความเร็ว ใช้ไหล่ชนใส่เย่เทียนอย่างแรง

ปึ้ง!

เย่เทียนไม่ทันระวัง พลันรู้สึกถึงความเจ็บที่หน้าอก และคนทั้งคนกระเด็นกลางอากาศ โดนผู้ชายเสื้อหนังชนไปไกลถึงสามเมตรและกระแทกลงบนรถอย่างแรง…