บทที่ 518 เก๊กหล่อจะโดนฟ้าผ่า

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ตู้ม!

เย่เทียนไม่ทันระวังจึงโดนผู้ชายเสื้อหนังชนเข้าอย่างแรง ร่างเขากระเด็นออกไปโดยควบคุมไม่ได้และกระแทกใส่รถอย่างแรง

วินาทีต่อมา เขากระเด้งหงายตัวขึ้น สีหน้าที่มองผู้ชายเสื้อหนังฉายแววสนุก

เขายอมรับว่าการทนทานต่อการโจมตีของเจ้านี่เหนือกว่าคนปกติ แต่หากเทียบกับเซวหมานจื่อยังห่างกันไกลอย่างไม่ต้องสงสัย

ยังไงซะเซวหมานจื่อมีวิชาวัชระร่างป้องกันสกิลเทพ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีจุดโจมตีเดียวเท่านั้นที่ทลายได้

กลับมามองผู้ชายเสื้อหนัง เขาแค่ใช้ร่างเลือดเนื้อของตัวเองไปทำความคุ้นชินกับความเจ็บปวดเท่านั้น ร่างกายก็ยังต้องรับผลที่ตามมา!

“เย่เทียน ฉันขอแนะนำให้นายเลิกดิ้นรนโดยเปล่าประโยชน์ได้แล้ว”

ผู้ชายเสื้อหนังไม่รู้ว่าเย่เทียนคิดอะไรอยู่ เขายิ้มเย้ยหยัน “ไม่แน่ถ้าฉันอารมณ์ดีอาจจะเหลือศพเต็มตัวให้นายก็ได้”

เย่เทียนสูดหายใจเข้าลึก ข่มความเลือดร้อนเดือดพล่านในกายลง และมองผู้ชายเสื้อหนังด้วยความเย็นชา

“ใครเหลือศพเต็มตัวให้ใครยังไม่แน่หรอกนะ!”

วินาทีที่สิ้นเสียง เย่เทียนรวบรวมชี่ทิพย์ไว้ที่สองขา พุ่งไปหาผู้ชายเสื้อหนังประหนึ่งสายฟ้า และต่อยเข้าที่หัวของผู้ชายเสื้อหนังด้วยหมัดเหล็กของตัวเองอย่างแรง

ปึ้ง!

เนื่องจากสองขามีชี่ทิพย์แล้ว ความเร็วของเย่เทียนเรียกได้ว่าเร่งถึงขีดสุด ผู้ชายเสื้อหนังไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวก็โดนต่อยเข้าที่หัว

ไม่รอให้ผู้ชายเสื้อหนังได้ตอบโต้ เย่เทียนก็กระโดดขึ้นจากจุดที่ยืนอีกครั้ง และต่อยเข้าที่หัวของผู้ชายเสื้อหนังอย่างแรงด้วยหมัดอันโหดเหี้ยม

อย่างที่เย่เทียนคาดการณ์ไว้ ผู้ชายเสื้อหนังโซเซจนเกือบล้ม

ยังไงซะสมองก็เป็นหนึ่งในจุดสำคัญของมนุษย์ เวลาที่โดนกระแทกอย่างหนักย่อมกระทบการเคลื่อนไหวของร่างกาย

“นายมันสมควรตาย!”

หลังจากโดนต่อยไปสองหมัดรัว ผู้ชายเสื้อหนังราวกับโดนยั่วโมโห ปากเขาคำรามอย่างกราดเกรี้ยว และกางแขนสองข้างพยายามจะพันธนาการเย่เทียน

แต่เย่เทียนจะยอมโดนล็อคตัวง่ายๆได้ยังไง เขางอเข่าลงเล็กน้อย หลบจากสองมือของผู้ชายเสื้อหนังได้อย่างหวุดหวิด และต่อยที่หัวเขาอย่างแรงอีกครั้ง

ปึ้ง!

หนนี้ผู้ชายเสื้อหนังทนไม่ไหวอีกต่อไปในที่สุด เขาโซซัดโซเซถอยหลังไปหลายก้าว สุดท้ายก็ทรงตัวไม่อยู่และล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้นอย่างแรง

“ฉันก็นึกว่านายมีร่างไร้เทียมทานซะอีก ดูท่าก็เท่านี้เองนี่หว่า!”

เย่เทียนไม่ได้ฉวยโอกาสนี้ไล่บี้ แต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับกำลังรอ นัยน์สีนิลเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“ไอ้สารเลว! ฉันจะฆ่านาย!”

ผู้ชายเสื้อหนังได้ยินดังนั้นก็รีบคลานขึ้นมา คำรามเสียงเกรี้ยวกราดด้วยความพาล และพุ่งเข้าไปหาเย่เทียนประหนึ่งคนบ้า

เขาอ้าแขนออกเสมือนอินทรีโบยบิน ปิดตายสองข้างซ้ายขวาของเย่เทียน ไม่ให้โอกาสเขาหลบ

“คิดว่าฉันกลัวนายจริงๆรึไง?”

เย่เทียนหัวเราะเย็นๆ หลอมรวมชี่ทิพย์ไว้ที่เท้าสองข้าง วิ่งเสริมแรงสองสามก้าวและกระโจนขึ้นกลางอากาศ สองขาของเขาราวกับนิวเคลียร์ ถีบเข้าที่หน้าของผู้ชายเสื้อหนัง

ถ้าเป็นคนอื่นๆทั่วไปคงไม่กล้าเข้ารับกระบวนท่าของเย่เทียนตรงๆ

ยังไงซะสองขาของเย่เทียนก็มีชี่ทิพย์หลอมรวมอยู่ ถ้าโดนถีบเข้าจังๆต่อให้เป็นแผ่นเหล็กก็คงทะลุ

แต่น่าเสียดาย ผู้ชายเสื้อหนังนตอนนี้ดูเหมือนจะถูกยั่วโมโหอย่างสมบูรณ์ เขาที่บันดาลโทสะเพียงแต่เอียงหัวเล็กน้อย ไม่ได้ดึงสองแขนที่ยื่นออกมากลับ และพยายามจะจับเย่เทียนด้วยการฝืนท่านี้ไว้

“โง่เง่า!”

เย่เทียนหัวเราะเย็นๆ สองขาเปลี่ยนมุมเล็กน้อยและถีบเข้าที่หน้าอกของผู้ชายเสื้อหนังอย่างแรง

ตู้ม!

แต่ทั้งๆที่โดนเข้าหนักขนาดนี้ ผู้ชายเสื้อหนังกลับถอยหลังแค่สองก้าว ไม่มีสีหน้าเจ็บปวดเลยสักนิด

และตรงกันข้าม มุมปากเขาฉายรอยยิ้มโหดเหี้ยม

ไม่มีเหตุผลอื่น เขาจับสองขาของเย่เทียนได้!

“ไปตายซะ!”

นัยน์ตาสีนิลของเย่เทียนฉายแววอำมหิต เขารีบโค้งตัวและใช้สองมือจับแขนของผู้ชายเสื้อหนัง ก่อนจะกระชากอย่างแรง

แคว่ก!

คล้อยตามเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายเสื้อหนัง เย่เทียนถึงขั้นกระชากแขนของผู้ชายเสื้อหนังหลุดจากไหล่อย่างโหดเหี้ยม!

“เวรจริง!”

เย่เทียนก็คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะกลายเป็นแบบนี้ สองขาที่ค้ำหน้าอกของผู้ชายเสื้อหนังอยู่ออกแรงอีกครั้ง เขาหมุนตัวและลงพื้นได้อย่างมั่นคง

ซ่าซ่า!

เลือดสีแดงฉานเปรียบดั่งแม่น้ำลำธาร ไหลทะลักทะลวงออกจากจุดที่สองแขนของผู้ชายเสื้อหนังเคยอยู่ไม่หยุด กระเด็นเต็มพื้น อนาถจนไม่น่ามอง เห็นแล้วน่าหวั่นพรึง!

หันกลับมามองที่ผู้ชายเสื้อหนัง เขาโดนถีบจนถอยหลังรัวอย่างช่วยไม่ได้ และในที่สุดก็ล้มก้นจ้ำเบ้าลงพื้น

“อัปมงคลชิบ”

เย่เทียนรีบโยนแขนสองข้างของผู้ชายเสื้อหนังทิ้ง และใช้มือเช็ดเลือดที่กระเด็นเปื้อนหน้าโดยไม่ทันระวัง

กลิ่นคาวเลือดทำให้เย่เทียนขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ เขามองผู้ชายเสื้อหนังที่ล้มอยู่ในกองเลือดด้วยสีหน้าเย็นชา ประหนึ่งเทพสงครามที่ไร้ความรู้สึก

การมีเมตตาต่อศัตรูเป็นการโหดร้ายกับตัวเองโดยไม่ต้องสงสัย!

แม้ว่าเหตุการณ์ตอนนี้จะเกินกว่าที่เขาคาดไว้ แต่ก็ไม่คุ้มค่าที่จะให้เขาเห็นใจผู้ชายเสื้อหนังคนนี้!

“อ๊าก!”

ผู้ชายเสื้อหนังครวญครางไม่หยุด ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่โดนดึงแขนขาดทั้งสองข้างกระตุ้นโสตประสาของเขาอยู่ทุกวินาที หน้าผากเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ

“นายไม่เคยได้ยินคำนี้เหรอ: อย่าเก๊กหล่อ เก๊กหล่อจะโดนฟ้าผ่า”

เผชิญหน้ากับผู้ชายเสื้อหนังที่แขนขาดสองข้าง เย่เทียนชนะอย่างไม่ต้องสงสัย ร่างกายที่ตึงเครียดก็ค่อยๆผ่อนคลายลง

“ไม่ เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”

ผู้ชายเสื้อหนังฝืนทนกับความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ลึกเข้าวิญญาณจากการที่แขนขาดสองข้าง สีหน้าที่มองเย่เทียนเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”

เย่เทียนส่ายหัวเล็กน้อย ลูบคางด้วยสัญชาตญาณและคาดเดา “ฉันคิดว่าไม่แน่ร่างกายของนายอาจจะโดนทรมานมากเกินไป จึงอยู่ในสภาพแบกรับอะไรไม่ไหวอีกแล้ว ถึงได้แขนขาดทั้งที่ฉันกระชากเบาๆ”

“มัน….”

ผู้ชายเสื้อหนังเลิกคิ้ว แอบเดาว่าเป็นไปได้ แต่ความเจ็บปวดจากแขนทั้งสองข้างส่งผลให้เขาไม่อาจไตร่ตรองด้วยความใจเย็นได้ เขาเจ็บเจียนตาย

“ช่างเถอะ เห็นแก่ที่นายทรมานขนาดนี้ ฉันช่วยนายหน่อยแล้วกัน”

เห็นท่าทางเจ็บปวดของผู้ชายเสื้อหนังแล้ว เย่เทียนทนมองไม่ได้ เขาส่ายหัวและถอนหายใจเบาๆ

ฟึ่บ!

นาทีต่อมา เขาขยับเท้าฉับพลัน และพุ่งมาอยู่ตรงหน้าผู้ชายเสื้อหนังด้วยความเร็วแสง รวบรวมชี่ทิพย์ไว้ที่ขา เล็งไปที่คอหอยของผู้ชายเสื้อหนังก่อนจะกระทืบลงไป

แกร่ก!

เสียงกระดูกหักดังก้อง คอหอยของผู้ชายเสื้อหนังโดนเย่เทียนกระทืบยุบในบัดดล และหลุดพ้นจากความเจ็บปวดที่แขนขาด ลงไปคุยสัพเพเหระกับยมบาลแล้ว

ผู้ชายเสื้อหนังคนนี้ไม่ใช่ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดที่เย่เทียนเคยเจอ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นคนที่สะเทือนใจเขาที่สุด

จินตนาการภาพได้ยากจริงๆว่าการต้องเป็นคนที่โดนทรมานมาสารพัดตั้งแต่เด็กอย่างผู้ชายเสื้อหนังและถูกฝึกจนเป็นเครื่องจักรฆ่าคน ต้องเป็นเรื่องที่โชคร้ายขนาดไหน

จมูกเขาได้กลิ่นคาวเลือดหนักขึ้นเรื่อยๆ เย่เทียนส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เขาดึงศพของผู้ชายเสื้อหนังมาและโยนกลับไปบนรถตู้ที่เขาขับมา

ก่อนจะเข็นรถตู้ไปข้างทาง ใช้ลูกไม้นิดหน่อยทำให้รถตู้ระเบิดเพื่อปลอมหลักฐานให้ดูเป็นรถชน ก่อนจะกลับไปที่รถเก๋งและออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว…..