บทที่ 519 โดนประณาม

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เดิมทีตามความต้องการของเย่เทียน ด้วยฐานะของเฉาจื้อเหา อาหารค่ำมื้อนี้ต่อให้ไม่จัดในโรงแรมห้าดาว อย่างแย่สุดก็ต้องเป็นภัตตาคารระดับมืออาชีพ ใช่ว่าจะขาดแคลนเงินแค่นี้

น่าเสียดาย ภายใต้การเรียกร้องอย่างหนักแน่นจากเฉาจื้อเหา ท้ายที่สุดแล้วอาหารค่ำมื้อนี้ถูกจัดขึ้นในห้องชุดโครงการธรรมดาแห่งหนึ่ง

เย่เทียนพอเข้าใจอยู่บ้าง ยังไงซะฐานะของอีกฝ่ายเป็นอย่างนั้น ระแวงการเข้าออกสถานที่ระดับสูงก็เป็นเรื่องปกติ

แน่นอนว่าเพื่อขอบคุณที่เฉาจื้อเหาดูแลมาในช่วงเวลานี้ เย่เทียนไม่สนคำห้าม เข้าไปทำอาหารสองอย่างเพื่อแสดงความซาบซึ้งในครัวด้วยตัวเอง

กงหย่วนที่ตั้งใจไว้แต่แรกมีการเตี๊ยมกับเฉาจื้อเหาไว้เรียบร้อย ทั้งสามคนตั้งมั่นว่าจะมอมเหล้าเย่เทียนให้ได้ ระหว่างมื้ออาหารทั้งหมดหาเหตุผลกินเหล้ากับเย่เทียนสารพัด

น่าเสียดายที่ต่อให้ทั้งคู่คอแข็งพอสมควร แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เทียนที่ใช้ชี่ทิพย์สลายแอลกอฮอลล์ได้ก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดี

นี่ไงล่ะ อาหารมื้อนี้กินกันไปชั่วโมงกว่า สุดท้ายทั้งสองก็ฟุบลงไปก่อน แต่เย่เทียนยังคงมีสีหน้าปกติ

“ท่านทั้งสอง ความหวังดีของพวกคุณ ผมเย่เทียนขอรับไว้ด้วยใจ แต่…..”

“เป็นฝ่ายรับอย่างเดียวนั้นเสียมารยาท เจ้าหยางหยงฟาให้ของขวัญผมชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เรื่องนี้ถ้าผมไม่เอาคืนผมก็ไม่ใช่เย่เทียนแล้ว”

เย่เทียนมองทั้งสองคนที่นอนหลังสนิทอยู่บนโต๊ะแล้วกรอกเหล้าในแก้วเข้าปาก ก่อนจะลุกขึ้นโดยไม่ลังเล และก้าวยาวๆออกไปข้างนอก!

…..

หน้าลานกว้างหยงฟากรุ๊ป แม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าแล้ว แต่ยังมีคนพลุกพล่าน คึกคักกว่าปกติมาก

แต่ทั้งหมดก็ยังเหลือทางเดินไปที่หยงฟากรุ๊ปไว้อย่างรู้จักสำนึก

คืนนี้พวกเขามามุงดูละครโดยเฉพาะ มีคนไม่น้อยถึงขึ้นรีบมาจองที่ตั้งแต่ได้ข่าวเมื่อบ่าย ถ้าไม่เหลือทางให้ตัวเอกในคืนนี้จะดูละครได้ยังไงกันเล่า?!

“นี่มันกี่โมงแล้ว? พวกนายว่าหมอเทวดาน้อยคนนั้นจะมาอยู่เหรอ?”

“ฉันรอมาหลายชั่วโมงแล้วนะ ถ้าเจ้านั่นไม่มาขาดทุนแย่”

“ล้อเล่นอะไรกัน ต่อให้ตอนนี้เจ้าหนุ่มนั่นพอมีชื่อเสียง แต่เทียบกับหยางหยงฟาแล้ว เขาเป็นแค่ขี้ เขากล้าไม่มาเหรอ?”

เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลานัดเข้าทุกที แต่ตัวเอกสองคนในคืนนี้ยังไม่โผล่มา ฝูงชนที่รอดูอยู่พากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างอดไม่ได้

ความจริงแล้ว ตั้งแต่ที่มีข่าวส่งออกมาเมื่อตอนบ่าย คำวิจารณ์เกี่ยวกับเย่เทียนก็ไม่เคยหยุด

อย่างแรก ยังไงซะเย่เทียนก็ช่วยคนทั้งรถไว้ได้ ชั้นตอนการช่วยเหลือก็มีคนถ่ายทอดสดอกมาจนติดการค้นหาติดเทรนด์ไปแล้ว

อย่างที่สอง ความลึกลับของหยงฟากรุ๊ปคนเมืองเอกรู้กันหมด หากทำตัวเป็นปรปักษ์กับพวกเขาต่างพบจุดจบที่ไม่ดี

เรียกได้ว่าทั้งสองฝ่ายต่างเป็นบุคคลยอดนิยมในตอนนี้ ไม่อยากติดตามยังยาก

“ทำไมไอ้หมอเทวดาน้อยนั่นยังไม่มาอีก คงไม่ได้หนีไปแล้วหรอกนะ?”

“ไอ้เวรเอ๊ย ฉันอุตส่าห์รีบมาจองที่ดีๆ คิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะขี้ขลาดขนาดนี้”

“มีอะไรให้แปลกใจกัน ยังไงซะอีกฝ่ายก็เป็นหยางหยงฟานะ”

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนตอนนี้หนึ่งทุ่มห้าสิบห้านาทีแล้ว ฝูงชนที่รออยู่เริ่มหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ

และในตอนนั้นเอง ออดี้สีดำคันหนึ่งค่อยๆเข้ามาจอดข้างถนน เย่เทียนที่อิ่มหนำสำราญลงจากรถกับจี้เหยียนหรัน

“ฉันคิดไม่ถึงเลยนะว่าจะมีคนมากันเยอะขนาดนี้ ดูท่าตอนนี้ฉันจะดังจริงๆแล้วนะ!”

เมื่อเห็นมีคนมารอดูละครที่ลานมากมาย เย่เทียนก็เกาจมูกด้วยสัญชาตญาณ มุมปากเผยรอยยิ้มเฝื่อนๆ

ก่อนหน้านี้เขาอาจยังคอยปกป้องบริษัทแซ่เฉินและเฉินหวั่นชิงจากมุมลับได้ แต่เชื่อว่าหลังจากเรื่องในวันนี้ เขาจำต้องออกมาอยู่ต่อหน้าสื่ออย่างสมบูรณ์เสียแล้ว

นี่ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ขณะเดียวกันก็ถือว่าเป็นเรื่องไม่ดีด้วย

แม้จะพอทำให้เจ้าพวกที่คิดไม่ซื่อกับบริษัทแซ่เฉินชั่งน้ำหนักตัวเองบ้าง แต่ถ้าอีกฝ่ายเลือกลงมือจริงๆ ต้องเป็นดั่งพายุโหมแน่นอน!

จี้เหยียนหรันไม่รูหรอกว่าเย่เทียนคิดอะไรอยู่ เธอมองบนใส่เขาอย่างไม่พอใจ “นี่มันเวลาไหนแล้วยังมีหน้ามาล้อเล่นอีก คนพวกนี้ตั้งใจมาเพื่อดูนายขายหน้าเลยนะ”

เย่เทียนยิ้มน้อยๆ และพูดด้วยความหวังดี “ถ้าอย่างนั้นเธอกลับไปรอในรถก่อนมั้ย?”

“ไม่เอา”

จี้เหยียนหรันส่ายหัวปฏิเสธโดยไม่ลังเล “ยังไงซะฉันก็เป็นตำรวจ มีฉันตามไปด้วยเชื่อว่าหยางหยงฟาต้องมีความยำเกรงบ้าง ไม่ทำให้มันเกินไป”

“เธอมีความสุขก็พอ”

เห็นสีหน้าแน่วแน่ของจี้เหยียนหรันแล้ว เย่เทียนยักไหล่อย่างอ่อนใจ และก้าวยาวๆไปที่หยงฟากรุ๊ปตามเส้นทางที่ชาวมุงเหลือไว้ให้

จี้เหยียนหรันรีบตามเข้าไปโดยตามหลังเขาประมาณครึ่งก้าว

“โอ้โห เย่เทียนมาจริงๆหว่ะ”

“ผู้หญิงที่ตามหลังเขามานี่ใครกัน คงไม่ใช่เมียของเย่เทียนหรอกนะ หน้าตาสวยใช้ได้!”

“ไอ้บ้าเอ๊ย ดอกฟ้าต้องมาโดนหมาวัดเด็ดไป”

การปรากฏของทั้งคู่ทั้งให้คนรอบข้างคึกคักขึ้นมาในบัดดล ฝูงชนพากันเขย่งเท้าชะโงกคอเพราะอยากเห็นกับตาว่าบุคคลที่เล่นเอาเมืองเอกโกลาหลวุ่นวายนี้หน้าตาเป็นยังไง

เมื่อเจอกับสายตาดูถูกหรือแม้กระทั่งเหยียดหยามจากฝูงชน เย่เทียนทำเป็นไม่เห็นทั้งหมด เขายังคงยืดอกเดินหน้าต่อช้าๆ

ส่วนจี้เหยียนหรันไม่คิดแง่บวกอย่างเย่เทียน ใจเธอหล่นไปอยู่ตรงตาตุ่ม เหงื่อซึมตามือ ตึงเครียดอย่างอดไม่ได้

“วางใจเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”

แม้จะไม่ได้หันกลับไป แต่เย่เทียนก็สังเกตเห็นความลังเลในฝีเท้าของจี้เหยียนหรันได้อย่างเฉียบแหลม จึงเดินช้าลงและดึงข้อมือเพรียวของจี้เหยียนหรันมา

จี้เหยียนหรันสะดุ้ง รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทางข้อมือเรียว ความตึงเครียดในใจลดลงมาก หัวใจถูกความอบอุ่นเติมเต็มในพริบตา

“เย่เทียน นายยังเป็นผู้ชายอยู่มั้ยวะ เรื่องน่าอายขนาดนี้ยังจะลากเมียมาด้วย?”

“ยังจะมาทำเป็นหวานแหววอีก ตอนนี้จะสองทุ่มแล้วนะ นายยังไม่รีบคุกเข่าอีก!”

“ไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงคนนั้นคิดอะไรอยู่ ถึงได้ตาบอดไปรักผู้ชายอย่างนาย”

พฤติกรรมของทั้งสองคนในสายตาคนอื่นเป็นการพิสูจน์ข้อสันนิษฐานว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยาอย่างไม่ต้องสงสัย ผู้ชายจำนวนไม่น้อยพากันสบถก่นด่า

ทั้งที่คนที่อยู่ตรงนี้ไม่เกี่ยวข้องแท้ๆ แต่ด้วยการชักจูงจากความตั้งใจของใครบางคน ก็เริ่มมีคนเข้าร่วมการตำหนิฝ่ายเดียวมากขึ้นเรื่อยๆ และพากันส่งเสียงว่าเย่เทียน

คนในนี้ส่วนมากเป็นผู้ชาย พวกเขาต่างอยู่ในอารมณ์ไม่พอใจ คิดว่าเย่เทียนดีสู้ตัวเองไม่ได้ แต่กลับมีเมียที่งดงามดั่งนางฟ้าอย่างจี้เหยียนหรันได้ ยากที่จะไม่รู้สึกอิจฉา จนต้องเหยียบเย่เทียนเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้น

ไม่ว่ายังไง ในขณะที่เย่เทียนและจี้เหยียนหรันค่อยๆเดินไปที่ประตูหน้าของหยงฟากรุ๊ป ประตูที่ตอนแรกปิดสนิทของหยงฟากรุ๊ปก็เปิดออกในที่สุด ผู้ชายสวมชุดสูทสิบกว่าคนพุ่งออกมาจากข้างใน