เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 652
เขารู้ดีว่าชีวิตนี้ไม่ใช่ของตนเองอีกต่อไปแล้ว
ผู้คุมกฎสิบสั่งให้ทำอะไร เขาก็ต้องทำตาม
ไม่เช่นนั้น
เขาจะเหมือนกับตายทั้งเป็น
ฉับ!
ฉับ!
ฉับ!
……
เย่ชิวกับสาวกหนึ่งร้อยคน มาที่ด้านหน้าโลงศพหิน
เห็นแค่เพียงซากศพที่กองอยู่เต็มพื้น
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลไปทุกทิศทาง
แม้ว่าทุกคนของกุ่ยเหมินจะเคยชินกับชีวิตและความตาย
แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าสลดใจเช่นนี้ ก็อดที่จะขนหัวลุกไม่ได้
เย่ชิวสูดหายใจเข้าลึกๆ
ระมัดระวังในการพาคนเดินไปด้านหน้า
ก้าวที่หนึ่ง!
ก้าวที่สอง!
ก้าวที่สาม!
……
เย่ชิวและคนอื่นค่อยๆเข้าใกล้โลงศพหิน
ในโลงศพเย่เวิ่น เงียบสงบ
ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่มีอะไรผิดปกติ
ในขณะเดียวกัน
สีหน้าของผู้คุมกฎสิบก็เต็มไปด้วยความกังวล
หากยังมีกลไก
หากเย่ชิวและลูกสมุนตาย
ถ้าเป็นเช่นนั้น การเปิดโลงศพหิน
จะต้องจ่ายด้วยราคาแพงเพียงใด
ดีที่
ทุกอย่างราบรื่น
เย่ชิวและคนอื่นๆก็สามารถมาถึงโลงศพหินได้สำเร็จ
เขาส่งสัญญาณมือให้กับผู้คุมกฎสิบ เพื่อเป็นการบอกว่าทุกคนปลอดภัยดี
เมื่อเห็นดังนั้น ผู้คุมกฎสิบก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ดูเหมือนว่าปืนใหญ่เหล่านั้นยังมีประโยชน์อยู่
เมื่อคิดได้ดังนั้น
ผู้คุมกฎสิบก็พยักหัวให้เย่ชิว
เย่ชิวกัดฟันพลางพูดว่า “เปิดโลงศพหิน!”
เมื่อสิ้นสุดเสียงคำสั่ง
ลูกสมุนนับร้อย เริ่มเปิดฝาโลงศพหิน
เย่ชิวค่อยๆถอยห่างไปทีละก้าว
ถึงแม้เขาจะเข้าร่วมกุ่ยเหมินแล้ว
แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเขาไม่กลัวตาย
ด้วยความพยายามร่วมกันของลูกสมุนกุ่ยเหมินนับร้อย
เห็นแค่เพียงโลงศพหินขยับเล็กน้อย
ย้าก!
ย้าก!
ย้าก!
สายตาของทุกคน
จับจ้องไปที่โลงศพหิน
“นายท่าน”
หยางเฟิงดึงชายเสื้อของเย่หลง
เย่หลงรู้ดีถึงสิ่งที่หยางเฟิงกังวล เขาหัวเราะเบาๆพลางพูดว่า “ไว้ใจเถอะ ที่นี้เป็นที่พำนักของบรรพบุรุษ หากมันเปิดง่ายดายเช่นนั้น ก็เหมือนเป็นการดูถูกบรรพบุรุษมากเกินไป!”
เมื่อได้ยินดังนั้น
หยางเฟิงก็รู้สึกโล่งใจ
แม้ว่าชายชราคนนี้จะไม่น่าเชื่อถือ
แต่เย่เวิ่นก็เป็นบรรพบุรุษของเขา
เขาไม่ควรปล่อยให้เย่ชิวและคนอื่น ๆ ทำลายซากศพของบรรพบุรุษเขาอย่างง่ายดาย!
แคร่ก!
แคร่ก!
ในเวลานั้น
กระดานโลงศพของเย่เวิ่นสั่นอยู่แล้ว
ไม่มีใครกล้าปริปาก
ทุกคนล้วนกำลังเตรียมตัวดู
เสี้ยวนาทีที่เปิดโลงศพ
โลงศพหินเปิดออก
ภาพมกุฎมังกรพลันปรากฏขึ้น
มันเป็นช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ที่ดุเดือด!
พลั่ก!
ในที่สุด
โลงศพหินก็ถูกเย่ชิวและคนอื่นๆเปิดออก
เสียงดังกังวาล
กระดานโลงศพทั้งหมดล้มลงไปกองกับพื้น
“รีบพุ่งเข้าไป!”
“เร็วเข้า!รีบไปแย่งชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร!”
“ใครแย่งชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร ข้าให้รางวัลหนึ่งพันล้าน! ”
คนของศูนย์พันธมิตรบู๊ก็เริ่มขยับตัวแล้ว
เหลิงฉานตะโกนเสียงดัง
“เร็วเข้า รีบหาภาพมกุฎมังกร!”
“บุกเข้าไป!ปกป้องเย่ชิว!”
“ลูกสมุนกุ่ยเหมิน สู้!”
กุ่ยเหมินก็ขยับตัวแล้ว
ผู้พิทักษ์กฎสิบตกตะลึง
ณ เวลานี้
เหลิงฉานมองหน้าผู้คุมกฎสิบพลางพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า “ผู้คุมกฎสิบ คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้างั้นรึ?”
“เหลิงฉาน เจ้ารนหาที่ตาย!”
เมื่อเห็นว่าเหลิงฉานกล้าปิดโอกาสตนเอง
สีหน้าของผู้คุมกฎสิบก็ซีดลง
แต่ไหนแต่ไรมา
เขาไม่เคยเห็นเหลิงฉานในสายตา
ตอนนี้เหลิงฉานกล้าดีอย่างไรมาขัดขวางตนด้วยร่างกายที่บาดเจ็บ?
นี่เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ!
แค่เพียงชั่วพริบตาเดียว
ยกเว้นหยางเฟิงที่ยังคงอยู่กับที่
สงครามครั้งใหญ่ก็เกิดการปะทะขึ้น
ในเวลานี้
มันสายเกินไปแล้ว
ควันสีเขียวหนาลอยออกมาจากโลงศพหิน
ควันสีเขียวนี้แปลกประหลาดมาก
ไม่กี่วินาที ลูกสมุนกุ่ยเหมินหลายร้อยคนก็ถูกปกคลุมไปด้วยควันนี้
ชั่วเวลาพริบตาเดียว
“อ้าก!หน้าของข้า!”
“เจ็บปวด เจ็บเหลือเกิน!”
“ช่วยข้า!ช่วยข้าด้วย!”
……
ลูกสมุนกุ่ยเหมินหลายร้อยคน กรีดร้องอย่างโหยหวน
ควันร้ายนี้
มีฤทธิ์กัดกร่อนเนื้อหนังที่รุนแรง!