ตอนที่ 164 คนบงการหลังฉาก / ตอนที่ 165 ไม่กล้าพูด

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 164 คนบงการหลังฉาก 

 

 

 

 

 

“เวยเอ๋อร์” 

 

 

คนที่ปลอมเป็นผีปรากฏว่าเป็นถังเวย ถังเฉียนไม่เชื่อว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือนาง นางก็แค่เด็กหญิงที่มารับใช้ซูซินเหลียน เหตุใดจึงจึงต้องหลอกนางด้วย แม้ในใจจะมีข้อสงสัยมากมายแต่พอเห็นซูซินเหลียนเข้ามาใกล้ ถังเฉียนก็อุ้มถังเวยซ่อนไว้ 

 

 

“คนเล่า อยู่ที่ใด” 

 

 

ซูซินเหลียนมาถึงแต่ไม่เห็นใคร จึงรู้สึกแปลกใจมาก ถังเฉียนบอกว่า 

 

 

“จับตัวไม่ได้ เจ้านั่นลื่นอย่างกับปลาไหล ข้าเอาชนะเขาไม่ได้” 

 

 

“โธ่เอ๊ย จะทำอย่างไรดี เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่า ถ้าพรุ่งนี้เขามาอีก ข้าจะทำอย่างไร ข้าไม่รู้แล้ว เจ้าต้องช่วยข้าจัดการเรื่องนี้” 

 

 

ถังเฉียนได้ยินนางมีท่าทีเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ก็อดถามไม่ได้ 

 

 

“ซูซินเหลียน ท่าทีเจ้าก่อนนี้กับตอนนี้เปลี่ยนไปมากเหลือเกิน เจ้ายังสบายดีหรือไม่” 

 

 

ซูซินเหลียนมองถังเฉียนด้วยแววตาที่แปลกใจมาก แล้วพูดว่า 

 

 

“ข้าคือซูซิน ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าข้าเป็นคนที่มาจากโลกอื่น โลกนี้จะมีผีได้อย่างไร จะต้องมีคนแกล้งทำผีมาหลอก ให้จับได้เถอะ จะตีให้หัวแบะเลย” 

 

 

ถังเฉียนได้ฟังก็หัวเราะ คนหนึ่งกลัวจนตัวสั่น ต้องถูลู่ถูกังกว่าจะยอมออกมา ส่วนอีกคนดูเหมือนจะทำตัวกล้าหาญชาญชัยอยากจะจับผีเสียให้ได้ การเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฝ่ามือเช่นนี้ชวนให้สับสน ณ ตอนนี้ถังเฉียนยังไม่เข้าใจว่าเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ที่นางเป็นอย่างนี้ดูเหมือนป้ำๆ เป๋อๆ 

 

 

“ช่างเถอะ คืนนี้คาดว่าคงจับตัวไม่ได้แล้ว ข้าจะกลับไปพร้อมเจ้า” 

 

 

ซูซินมองซ้ายขวาแล้วพูดว่า 

 

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่ผู้หญิงของจวนนี้ เจ้าบอกข้าหน่อย ในจวนนี้ผู้หญิงคนไหนบ้างที่ชอบสามีข้า” 

 

 

“สามีคือ…” 

 

 

ถังเฉียนรู้สึกว่านางพูดจาแปลกมาก แต่ก็รู้สึกว่าซูซินผู้นี้น่าสนใจมาก พูดจาโผงผางและกล้ามาก 

 

 

“ก็คือผัวไง ใช้ชีวิตด้วยกัน คนที่จึ้กๆกับข้า…แฮ่ๆ…”  

 

 

“ก็คือผู้ชายที่นอนเตียงเดียวกับข้าอย่างไรเล่า” 

 

 

ถังเฉียนฟังที่นางพูดก็ชักหน้าแดง แต่ก็ยิ้มอย่างรวดเร็ว 

 

 

“เจ้าหมายถึงจินซิวอ๋องใช่หรือไม่ เขามีพระชายารองคือเจ้าเพียงคนเดียว ไม่มีสนมอื่นอีก” 

 

 

ถังเฉียนเม้มปากแน่น นางต้องซ่อนถังเวยไว้ ไม่เช่นนั้นถ้าเรื่องเปิดเผยออกมา ไม่รู้ว่าถังเวยจะถูกโบยหรือถูกไล่ออกจากจวน ไม่ว่าจะอย่างไร นางล้วนไม่อยากให้เกิดผลเช่นนั้น 

 

 

“ไม่มีคนอื่น เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่เข้าสูตรกับการต่อสู้ชิงดีชิงเด่นกันในวัง จะต้องมีนางคนนั้นมีนางคนนี้ออกมาคอยก่อกวน ไม่ยอมให้เราสองคนอยู่กันดีๆ” 

 

 

เฮ้อ…ถังเฉียนไม่รู้จะอธิบายเช่นไร แต่นางก็ยังเลือกที่จะดึงซูซินกลับมาที่ห้อง จากนั้นก็ค่อยรับฟังความคิดประหลาดของนาง 

 

 

ถังเฉียนลำบากแทบแย่กว่าจะกล่อมให้ซูซินนอนหลับ ยังจุดกำยานสงบจิตไว้ในห้อง จากนั้นก็แอบออกมา ไปที่โถงทางเดินนั่นแล้วปลุกถังเวยที่สลบอยู่ 

 

 

“ท่าน ท่านหมอ…” 

 

 

ถังเวยกลัวมาก พอเห็นถังเฉียนก็กอดแขนตัวเองตัวสั่นระริก ถังเฉียนดึงถังเวยกลับมาที่ห้องของนาง 

 

 

“บอกมา เหตุใดต้องแกล้งทำเป็นผีหลอกให้ซูซินเหลียนกลัว นี่เป็นความคิดเจ้าหรือแม่นางจื่อเย่ว์ หรือคนอื่น” 

 

 

ถังเวยหลบอยู่ที่มุมห้องด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองถังเฉียน ร่างสั่นเทา 

 

 

“ไม่ต้องกลัวหรอก หากข้าคิดจะทำอะไรเจ้า ตอนที่จับเจ้าได้ก็ส่งตัวเจ้าไปก็ได้แล้ว” 

 

 

ถังเฉียนขยับเข้าไปใกล้ถังเวย จับแขนนางเบาๆ ขยับเข้าใกล้ทีละนิด ทำให้ถังเวยรู้สึกว่าปลอดภัย 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 165 ไม่กล้าพูด 

 

 

 

 

 

ถังเฉียนถามนางสองรอบ แต่ถังเวยได้แต่ตัวสั่น ไม่กล้าพูดกับนาง พอร้อนใจก็ร้องไห้ ถังเฉียนรู้สึกว่าเช่นนี้ไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไหร่ ในเมื่อคนคนนี้ต้องการให้ถังเวยทำเรื่องให้ ย่อมต้องเผยพิรุธออกมาบ้าง 

 

 

“ในเมื่อเจ้าไม่ออกมา ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปหาเจ้าเอง” 

 

 

ถังเฉียนไม่อยู่รอที่เรือนเซียงหาน แต่ไปหาจื่อเย่ว์โดยตรง ในที่นี้คนที่สามารถคิดและทำเรื่องนี้ได้ ถังเฉียนนึกถึงนางเพียงคนเดียว เวลานี้จื่อเย่ว์นอนหลับนานแล้ว ตะเกียงในห้องดับไปแล้ว 

 

 

ก๊อกก๊อกก๊อก 

 

 

ถังเฉียนเคาะประตู มีเสียงผู้หญิงร้องถามดังขึ้นในห้อง ถังเฉียนตอบคำหนึ่ง ประตูจึงเปิดออกอย่างรวดเร็ว 

 

 

“ท่านหมอ ดึกเช่นนี้มีเรื่องใดหรือ” 

 

 

ถังเฉียนมองคนที่กำลังบิดขี้เกียจ แต่เสื้อผ้าที่นางใส่อยู่ยังดูเรียบร้อย ถังเฉียนเดินมาที่เตียงแล้วคลำผ้าปูเตียง จากนั้นจึงยิ้มแล้วว่า 

 

 

“เพิ่งนอนหรือ” 

 

 

“ใช่แล้ว ข้าเพิ่งกลับมาจากทางท่านอ๋อง เพิ่งเข้านอน ระยะนี้ท่านอ๋องไม่ชอบให้ใครคอยรับใช้ตอนกลางคืน จึงให้ข้าแยกออกมาพัก” 

 

 

นางฟังคำอธิบายก็หันมา มองดูจื่อเย่ว์ด้วยดวงตาที่ล้ำลึก เมื่อสายตาจื่อเย่ว์ประสานกับถังเฉียนก็ก้มหน้าลงทันที 

 

 

“เมื่อครู่ข้าไปช่วยพระชายารองจับผี ทายดูซิว่าข้าจับใครได้” 

 

 

จื่อเย่ว์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ท่าบิดชายเสื้อยิ่งชัดเจนขึ้น แสดงว่าใจนางกำลังว้าวุ่น 

 

 

“ฮุ่ยฮุ่ยบอกว่า ถ้าข้ามีปัญหาอะไรก็ให้มาถามแม่นางจื่อเย่ว์ เจ้าว่า ข้าควรจะอธิบายกับพระชายารองอย่างไร จะอธิบายกับท่านอ๋องอย่างไร” 

 

 

จื่อเย่ว์ได้ยินเช่นนั้นก็คุกเข่าลงทันที นางดึงกระโปรงถังเฉียนแล้วพูดว่า 

 

 

“ท่านหมอโปรดไว้ชีวิตด้วย บ่าวแค่เป็นห่วงว่าซูซินเหลียนจะทำให้งานใหญ่ของท่านอ๋องเสียหาย ท่านคงไม่รู้ว่าทางเจาหยางมีข่าวว่าจะให้ซูซินเหลียนกลับไป เวลานี้นางป้ำๆ เป๋อๆ กลับไปแล้วไม่รู้ว่าจะพูดอะไรบ้าง ถึงตอนนั้นถ้าฝ่าพระบาททรงกริ้ว ท่านอ๋องของเราก็ยากจะฟื้นกลับมาได้ สู้…” 

 

 

ถังเฉียนเห็นว่าจื่อเย่ว์ไม่อาจพูดต่อให้จบ จึงเป็นฝ่ายพูดแทนนาง 

 

 

“สู้ฆ่านางเลยจะดีกว่า ถึงตอนนั้นก็แค่โยนความผิดมาให้เผ่าหมอผีเรา หมอผีทำตัวแปลกๆ โดยเฉพาะแม่ข้ามอบยาที่ใช้สังหารคนได้ให้แก่เจ้า” 

 

 

เมื่อถังเฉียนพูดจบ จื่อเย่ว์ก็รู้ว่าปิดเรื่องนี้ไม่อยู่แล้ว 

 

 

“ท่านหมอ โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าสติเลอะเลือนไป วันหลังข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว ได้โปรดอย่าบอกท่านอ๋อง ท่านอ๋องเป็นคนที่มีจิตใจดี เพราะจิตใจดีจึงมักถูกผู้อื่นให้ร้าย ข้าแค่ไม่อยากให้ใครทำร้ายท่านอ๋องได้ก็เท่านั้น” 

 

 

ถังเฉียนคร้านที่จะฟังคำแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เหล่านี้ เพียงแต่ถามว่า 

 

 

“เจ้าบอกกับฮุ่ยฮุ่ยอย่างไร เหตุใดนางถึงเชื่อฟังเจ้า ทั้งยังปลอมเป็นผีไปหลอกพระชายารองจริงๆ” 

 

 

จื่อเย่วชะงัก ท่าทางเหมือนไม่กล้าพูด ถังเฉียนร้องหึ นางทำท่าจะผละไป จื่อเย่ว์จึงรีบบอกทันที 

 

 

“เป็นท่านหมอฮว่าเหยียน นางให้ยาที่ทำให้คนอื่นยอมเชื่อฟัง เพียงแต่…เพียงแต่เหตุใดท่านหมอถึงรู้ว่าข้าเป็นคนทำ” 

 

 

ถังเฉียนคาดแต่แรกแล้วว่าเรื่องนี้จื่อเย่ว์คนเดียวทำไม่ได้เด็ดขาด นางถอนหายใจแล้วพูดว่า 

 

 

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครมาตามข้าให้ไปรักษาซูซินเหลียน เจิ้งจยาเฉิง! นี่แสดงว่าท่านอ๋องรู้ว่าเจ้าทำอะไรลับหลังตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ไม่อยากพูดออกมาอย่างเปิดเผย หวังว่าเจ้าจะรู้จักจัดการด้วยตัวเอง ในเมื่อเจ้าพูดออกมาหมดแล้ว เช่นนั้นขอให้ยุติเรื่องนี้ลงเพียงเท่านี้ หากวันหลังถ้าเจ้าจะทำร้ายซูซินเหลียนอีก ข้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ท่านอ๋องก็ย่อมรู้เอง” 

 

 

ถังเฉียนออกมาจากห้องนาง ที่จริงคำพูดนางฟังไม่ขึ้น แต่มีจุดหนึ่งที่นางพูดไม่ผิด นั่นคือฉู่จิ่งเหยารู้นานแล้วว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจื่อเย่ว์ เพียงแต่ไม่พูดออกมาเท่านั้น