ตอนที่ 166 จวนอ๋องเต็มไปด้วยอันตรา / ตอนที่ 167 สภาพเถิงเฟิงระยะนี้

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 166 จวนอ๋องเต็มไปด้วยอันตราย 

 

 

 

 

 

ถังเฉียนออกมาจากห้องจื่อเย่ว์ นางหวังว่าจื่อเย่ว์จะยอมถอยเมื่อเจออุปสรรค นางบอกว่าเพื่อฉู่จิ่งเหยาก็จริง แต่ถังเฉียนเข้าใจดี ที่จริงแล้วนางวิตกว่าซูซินเหลียนจะคุกคามสถานะของนาง 

 

 

วุ่นวายมาทั้งคืน สุดท้ายเรื่องนี้ก็วกมาหาตนเอง ก็คาดเดาได้ไม่ยากนัก ที่ฮว่าเหยียนทำเรื่องนี้ก็เพื่อช่วยจื่อเย่ว์กำจัดซูซินเหลียน ทั้งยังฉวยโอกาสพาถังเวยเข้ามา หลังจากเสร็จเรื่องนี้ซูซินเหลียนคงไม่สามารถอยู่ในจวนอ๋องต่อไปได้ ก็จะไม่เป็นภัยต่อถังเฉียนอีก 

 

 

จวนอ๋องเต็มไปด้วยอันตราย ต่างคนต่างมีแผนการของตนเอง 

 

 

ถังเฉียนคิดถึงตรงนี้ก็เพียงมองดูห้องของฮว่าเหยียนแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก คิดว่าพรุ่งนี้เช้าจื่อเย่ว์คงถ่ายทอดคำพูดนางให้ฮว่าเหยียนรู้  

 

 

หลายวันนี้หากถังเฉียนว่างก็มักจะแวะเวียนมาที่เรือนเซียงหาน ไปหาถังเวยเพื่อพูดคุยด้วย หาเสื้อผ้าสวยๆ ให้ใส่ และขนมอร่อยๆ มาให้ 

 

 

ถังเฉียนค่อยๆ เข้าหาน้องสาว ทำให้นางเลิกกลัวตนเอง คุยกับนางบ่อยๆ ไม่ให้นางรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย แต่ยิ่งถังเฉียนมาที่เรือนเซียงหานนานเข้า ก็ยิ่งรู้สึกว่าซูซินเหลียนนั้นผิดปกติจริงๆ ในร่างนางเหมือนมีสองคนอาศัยอยู่ คนหนึ่งคือซูซินเหลียนที่ขี้ขลาด อีกคนคือซูซินที่แปลกพิลึก 

 

 

“พระชายารองช่างแปลกจริงๆ เมื่อวานให้ข้าเทน้ำหอมดอกมะลิให้ วันนี้กลับบอกว่าไม่ชอบกลิ่นมะลิ หรือนางไม่ชอบข้า” 

 

 

แม้แต่ถังเวยก็รู้ปัญหานี้ ถึงนางจะพูดติดอ่างบ้าง แต่ถังเฉียนให้นางกินสมุนไพรสงบประสาท ปกติทั้งยังช่วยฝังเข็มเพื่อรักษาอาการทางประสาท แต่โรคนี้นั้นรักษาหายยาก ทำให้นางขาดความมั่นใจ อ่านตำราแพทย์หลายเล่ม สอบถามหลายคน ก็ยังคงไม่ได้เข้าใจขนาดนั้น 

 

 

หลายวันก่อนมีคนมอบเครื่องหอมเสวี่ยหนิงเซียงให้นาง เพื่อช่วยรวบรวมสมาธิ แต่น่าเสียดายที่นางยังไม่ได้ใช้ ของที่เถิงเสวี่ยให้นางไว้ยังมีอีกมาก แต่กลับทำให้คนที่รอให้นางจุดเครื่องหอมต้องลำบาก หาคนช่วยพาเข้ามาดิบดี นั่งรออยู่ข้างนอกหลายวันก็ยังไม่ได้ดมกลิ่นเครื่องหอม สุดท้ายจนปัญญาจึงเข้ามาโดยไม่รับเชิญ เดินเข้าประตูใหญ่จวนจินซิวอ๋อง 

 

 

ถังเฉียนเพิ่งฝึกกระบี่กับฉู่จิ่งเหยาเสร็จ เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อ ยังไม่ทันจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ถูกเจิ้งจยาเฉิงพาคนจากเผ่าพีส่ามาขวางไว้ในห้องหนังสือ 

 

 

“ผู้น้อยเค่ออี้ เป็นคนรับใช้ของท่านทวด ท่านทวดบอกว่าคุณหนูอาหรูน่าได้รับพรศักดิ์สิทธิ์จากคุณชายเถิงเฟิง จึงส่งผู้น้อยมา ให้พาคุณหนูอาหรูน่าไปยังเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อพบท่านผู้อาวุโส หากแต่ได้ยินว่าอาการป่วยของท่านอ๋องยังต้องให้คุณหนูอาหรูน่าเป็นคนช่วยรักษา จึงตั้งใจมาสอบถามว่าอาการป่วยของท่านอ๋องว่าหายดีหรือยัง ผู้น้อยจะได้กลับไปรายงานได้” 

 

 

เค่ออี้ค้อมคารวะฉู่จิ่งเหยา แม้จะเป็นเพียงคนรับใช้ แต่ก็มีหน้าตาท่าทางหยิ่งผยอง ถังเฉียนได้ยินว่าเป็นคนของบ้านเถิงเฟิง ในใจนางพอมีภาพประทับเกี่ยวกับท่านทวดอยู่บ้าง เพราะเถิงเฟิงเคยบอกนางว่าท่านทวดรักและเอ็นดูเขาที่สุด มักจะให้ของที่ดีที่สุดแก่เขาเสมอ แต่สองสามปีมานี้สุขภาพท่านทวดไม่สู้ดีนัก ไม่เช่นนั้นท่านชอบท่องเที่ยวยังที่ต่างๆ อย่างที่สุด 

 

 

“ท่านทวดสุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง ข้ามาที่นี่ ได้ยินนานแล้วว่าท่านผู้อาวุโสเป็นคนที่อายุยืนยาว คิดอยากหาเวลาไปเยี่ยมคารวะ แต่เพราะที่หล่งชวนงานยุ่งมาก ไข้ป่าระบาดก็เพิ่งผ่านไป ใกล้การเก็บเกี่ยวสารทฤดูแล้ว จึงไม่อาจปลีกตัวได้จริงๆ อาหรูน่าเป็นแขกคนสำคัญของจวนอ๋อง ไม่เคยมีข้อจำกัดใดใด หากนางอยากไปก็ไปได้เลย แต่ถ้านางไม่อยากไป ทุกท่านก็อย่าทำให้นางลำบากใจต่อหน้าข้าเลย” 

 

 

หลังจากทุกคนฟังคำพูดฉู่จิ่งเหยาแล้วต่างมีรอยยิ้มด้วยความแปลกใจ มีเพียงเค่ออี้ที่พูดตอบ 

 

 

“ท่านอ๋องคงไม่รู้ฐานะในเวลานี้ของคุณหนูอาหรูน่าในเผ่าพีส่า นางเป็นว่าที่ฮูหยินของหัวหน้าผู้บวงสรวงในอนาคตของเผ่าพีส่า ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าข่มเหงนาง ไม่กล้าทำให้นางไม่พอใจ ถ้าคนรอบข้างจะรังแกนาง พวกเราจะเป็นคนแรกที่จะขัดขวาง” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 167 สภาพเถิงเฟิงระยะนี้ 

 

 

 

 

 

ถังเฉียนได้ยินที่เค่ออี้พูดก็รู้สึกตื้นตันใจมาก นางขยับปากแต่ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา เค่ออี้หันมาทางนาง ค้อมคารวะแล้วพูดว่า 

 

 

“คุณหนูอาหรูน่า คุณชายเถิงเฟิงคิดถึงท่านมาก ก่อนหน้านี้คุณหนูป่วยได้รับบาดเจ็บ เขาใช้วิชาลับเพื่อช่วยท่าน ตอนที่เราออกจากเขาศักดิ์สิทธิ์ เขายังคงสลบไม่ฟื้น ท่านผู้อาวุโสจึงอยากเชิญคุณหนูอาหรูน่าไปยังเขาศักดิ์สิทธิ์ ข้อแรกเพราะผู้อาวุโสในครอบครัวอยากพบท่าน ข้อสองหวังว่าท่านจะสามารถปลุกให้คุณชายเถิงเฟิงฟื้นขึ้นมาได้” 

 

 

คำพูดเค่ออี้นั้นไม่มีช่องโหว่ ถึงถังเฉียนอยากปฏิเสธก็ไม่มีโอกาส แต่ทำให้นางฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที ตอนที่นางป่วยหนัก จู่ๆ ก็ฝันยาวมากแล้วก็หายป่วย เวลานี้เมื่อได้ฟังที่เค่ออี้พูดจึงไขข้อสงสัยในใจนางได้ ที่แท้เป็นเถิงเฟิงที่ช่วยชีวิตนาง แต่เขาศักดิ์สิทธิ์… 

 

 

นางยังไม่ได้เตรียมพร้อมเลย 

 

 

“เหตุใดจู่ๆ เถิงเฟิงก็สลบไป เหตุใดข้าจึงไม่รู้สึกเลย ไม่ใช่ว่าเราสองคน…” 

 

 

ถังเฉียนแปลกใจมาก หากเถิงเฟิงป่วยหนักขนาดนั้น ถ้าตามที่เถิงเสวี่ยบอก ตนเองก็ควรช่วยแบ่งปันอาการป่วยกับเขาไม่ใช่หรือ เหตุใดตนจึงไม่รู้สึกถึงสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย 

 

 

“คุณหนูอาหรูน่า นี่เป็นวิชาลับของเผ่าพีส่าเรา ทั้งเป็นพรและเป็นการคุ้มครอง” 

 

 

สายตาเค่ออี้ชำเลืองมองฉู่จิ่งเหยา ความหมายก็คือเขามีคำพูดมากมายที่ไม่สะดวกจะกล่าวต่อหน้าฉู่จิ่งเหยา ถังเฉียนจึงเชิญพวกเขาไปยังเรือนหานต้านของตน หลังจากพุดคุยถึงความเป็นมาแล้ว ถังเฉียนจึงเลิกลังเล 

 

 

“ได้ ข้าจะไป” 

 

 

“ไปไม่ได้” 

 

 

ถังเฉียนเพิ่งตกลง คิดไม่ถึงว่าฮว่าเหยียนจะถึงกับบุกเข้ามา พอมาถึงก็ขัดขวางการตัดสินใจของนาง ฮว่าเหยียนถอดหน้ากากออก หันมามองเค่ออี้ สีหน้าเคร่งขรึม 

 

 

“ท่านนี้คงเป็นฮว่าเหยียนสิ เรารับคำสั่งมาจากท่านอาวุโส…” 

 

 

ฮว่าเหยียนยื่นมือไปห้ามไม่ให้ถังเฉียนพูด กดให้นางนั่งลงบนม้านั่ง ส่วนตัวนางเดินไปตรงหน้าเค่ออี้แล้วพูดว่า 

 

 

“ไม่ต้องบอกหรอกว่ารับคำสั่งจากผู้ใดมา พวกเจ้ามาครั้งนี้จะเอาสินสอดมาให้หรือมาถามฤกษ์ยาม แม้จะบอกว่าสองคนนี้ไม่ได้ขออนุญาตทางจากทางผู้ใหญ่ คนหนึ่งมอบพรให้โดยพลการ อีกคนรับไว้โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่ก็อย่าทำอะไรเกินเลย อาหรูน่ามาจากครอบครัวที่มีฐานะและชื่อเสียง สืบทอดมานานนับร้อยปี ไม่มีเหตุผลที่อยู่ดีๆ ก็จะพาตัวไป” 

 

 

เค่ออี้ได้ยินเช่นนี้ก็พูดทันที 

 

 

“ท่านหมอฮว่าเหยียนเข้าใจผิดแล้ว ท่านเองน่าจะรู้ดี คนหนึ่งมอบให้อีกคนรับไว้ก็เท่ากับหมั้นหมายกันแล้ว เพียงแต่เวลานี้เจ้านายทั้งสองยังเยาว์นัก ที่พบปะกันผลัดกันมาเยือนก็เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น อีกอย่างท่านอาวุโสก็อายุมากแล้ว อยากเห็นเหลนสะใภ้ว่าหน้าตาและนิสัยใจคอเป็นเช่นไร ท่านหมอฮว่าเหยียนคงจะไม่ปฏิเสธนะขอรับ” 

 

 

ถังเฉียนอยากบอกว่าเถิงเฟิงป่วยอยู่ นางก็อยากจะไปเยี่ยม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะระยะนี้ฮว่าเหยียนช่วยเหลือนางหลายครั้งหรือไม่ นางจึงเริ่มไว้ใจการตัดสินใจของฮว่าเหยียนมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนางเข้ามาแล้วถอดหน้ากากออกต่อหน้าคนแปลกหน้า ไม่กลัวเสียหน้าเช่นนี้ แสดงว่าเรื่องนี้นั้นสำคัญมาก 

 

 

“พูดเช่นนี้เท่ากับหาว่าเราไม่รู้จักธรรมเนียม ถ้าเช่นนั้นข้าจะส่งเทียบคารวะไป รบกวนท่านสักครั้ง นำเทียบไปส่ง จากนั้นฮว่าเหยียนจะพาลูกสาวไปเยี่ยมคารวะท่านอาวุโส ดีหรือไม่” 

 

 

“นี่…” 

 

 

เค่ออี้ได้ฟังเช่นนี้ก็ลังเล แต่เมื่อเห็นว่าฮว่าเหยียนไม่ยอมอ่อนข้อก็รู้ว่าเรื่องนี้ยากแล้ว ในเมื่อท่านอาวุโสบอกว่าเชิญและสถานะถูกกำหนดชัดแล้ว พวกเขาจึงไม่กล้าบีบคั้น จึงพูดว่า 

 

 

“ขอรับ อย่างไรท่านหมอฮว่าเหยียนก็เป็นผู้อาวุโส เค่ออี้จะส่งข่าวถึงเขาศักดิ์ศิทธิ์ทันที แต่ไม่รู้ว่าท่านกับคุณหนูอาหรูน่าจะออกเดินทางเมื่อไหร่ ไปถึงเวลาไหน ทางเราจะได้เตรียมพร้อมขอรับ”