ดังนั้น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และ เล้ยวูเบ้ย รีบเร่งตรงไปยังสมรภูมิด้วยความเร็วชั้นเลิศ ดึงพลังทั้งหมดออกมาเนื่องด้วยกลัวจะเสียหน้า พวกเขาจึงความพยายาม ปราณเชวียนของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เริ่มก่อกำเนิดคลื่นเสียงขณะเขาบินไป ความเร็วของเขาอยู่ในระดับชั้นเลิศเสมอ มิอาจยินยอมให้ เล้ยวูเบ้ย เอาชนะได้
เล้ยวูเบ้ย มาเพื่อล้างแค้นแก่ศิษย์ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่ยอมให้ฝีมือได้รับการดูหมิ่น ดังนั้น จึงไล่ตาม เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ด้วยกำลังสูงสุด
จากมุมนี้ เคล็ดอิสระหยินหยางของ จวินโม่เซี่ย ควรค่าให้ขนานนามว่า น่าเกรงขามและอัศจรรย์ แต่ ความสามารถของมันยังอ่อนด้อยนัก เขายังมิได้ค้นพบความลึกลับของ เคล็ดอิสระหยินหยาง เขาจักแข่งขันกับ ปรมาจารย์ผู้ทรงพลังทั้งสองได้เช่นไร ?
แต่ เขาสามารถติดตามยอดปรมาจารย์เหล่านั้นได้ เป็นความจริงที่อัศจรรย์และสะเทือนโลกา เนื่องด้วยอายุและขั้นการบำเพ็ญของเขา
เงาชายทั้งสองส่องประกายติดกันราว ดาวตก พวกเขาข้ามผ่านบ้านแต่ละหลังไป ไม่นานก็ออกไปนอกนคร จากนั้นหายไปยังดินแดนอันกว้างใหญ่
นครนี้ไม่ถือวาเล็กเนื่องด้วยมีผู้คนอาศัยอยู่นับล้าน แต่ อาจารย์ทั้งสองข้ามผ่านใจกลางนครในเพียงช่วงลมหายใจ จวินโม่เซี่ยคาดว่า แม้แต่เครื่องบินขับไล่ เอฟสี่ จากชีวิตก่อนของเขาก็มิอาจเทียบชั้นความเร็วนี้ได้ …
คุณชายน้อยจวินรู้สึกท้อใจเล็กน้อยขณะเห็นทั้งสองหายไปจากสายตา ผู้ที่เขากำลังติดตามหลบหนีเขาไปได้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่สิ่งเช่นนี้เกิดแก่เขา เขามิอาจกลั้นรอยยิ้มขณะเหลือบตาขึ้น
เป็นเรื่องของโชคชะตาแท้จริง ! ข้าเข้ามายังสถานที่นี้เมื่อเย็นวันนี้ และเพิ่งจะดึงตัวเองออกจากปัญหาใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น และตอนนี้ ข้าได้กลับมาอีกหน … ในช่วงกลางดึก !
สถานที่แห่งนี้ มีสัมพันธ์อันใดกับข้า ?
จวินโม่เซี่ย มองไปรอบๆเพื่อยืนยันความเห็นนี้
สถานที่แห่งนี้ เป็นชนทบไร้ผู้คน ล้อมรอบไปด้วยป่าทึบ เหมาะสมจะสังหารผู้คน
เขายืนอยู่บนยอดไม้ สายลมลูบไล้ร่างเขาราวกับเสียงกระซิบเชื่องช้า จวินโม่เซี่ย รู้สึกพึงพอใจชั่วครู่ แท้จริงแล้ว เขารู้สึกห้าวหาญ ราวกับมิอาจกลั้นตัวเอาจากการร้องเพลง
” สวมเสื้อผ้า และก้าวข้ามผ่านหิมะปกคลุมป่าเขา … โอ้ว โทสะซัดสาดดั่งนาวา .. โอ้ว อี้ ..! “
เสียงร้องเหล่านี้ไม่หลุดผ่านคอหอยเขาออกมา ทันใดนนั้น เเสียงดังลั่นสองครั้งดังขึ้นจากกลางป่าลึก พวกมันท่วมท้นส่วนนั้นของป่าราวคลื่นซึนามิ คลื่นมหึมาราวขุนเขา
ข้าคิดว่าผู้เฒ่าโง่เขลาทั้งสองจากไปไกลแล้ว แต่ราวกับพวกเขาเพิ่งเริ่มต่อสู้กันไม่ใกลจากนี่นัก เหมือนว่าสถานที่นี้มิได้เรียกร้องเพียงข้า หากแต่พวกเขาเช่นกัน พื้นที่ ชั้นเลิศ !
ต้นไม้มากมายโน้มเอียงไปฝั่งตรงกันข้าม พื้นที่เหล่านั้นส่งเสียงประปราย ราวกับต้นไม้สามารถแตกหักได้ทุกขณะ
เขากำลังยืนอยู่บนยอดไม้ และสัมผัสถึงความน่ารื่นรมย์ในบรรยกาศนี้ ความจริง เขากำลังจะร่ำร้องเป็นเสียงเพลง … แต่ คุณชายน้อยจวิน โซเซลงมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขา สถบในใจ
เจ้าผู้เฒ่าเลวเหล่านี้ไร้ซึ่งความสุนทรีย์ พวกเขามิรู้หรือว่าการต่อสู้ต้องการความสง่างาม ?
จากนั้นเขามองตรงไปยังส่วนลึกของป่าอย่างเงียบๆ โอกาสในการได้เฝ้าดูการต่อสู้ระกว่าปรมาจารย์เช่นนี้หาได้ยากยิ่ง …
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และ เล้ยวูเบ้ย ยืนตรงข้ามกันใจกลางป่า พวกเขาห่างกันราวสามสิบหลา
ธรณีตรงกลางระหว่างพวกเขาเรียบเป็นพิเศษ ก่อนหน้านี้ไม่นาน บริเวณนั้นมิต้นไม้ใหญ่ แต่ มันแตกสลายและหายไปอย่างเงียบๆ เนื่องจากโดนระเบิดจากการปะทะกันของสองปราณเชวียน
ในตอนนี้ พื้นที่นั้นเรียบยิ่งกว่าพื้นสนาม บาสเก็ตบอลในชีวิตก่อนของเขา
ฝีมือเช่นนี้น่าอัศจรรย์ ! เหตุใด เจ้าปิศาจสองตัวเหล่านั้นไม่ไปซ่อมถนน ? พวกเขาควรจะไปยังขุนเขาห่างไกล และสร้างถนน มันเรียบเนียนยิ่งกว่ารถบดถนน และสะดวกยิ่งกว่านัก ถนนเส้นนนี้เรียบจนสามารถทำการแข่งรถได้ … เป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดมีฝีมือเพียงพอจะทำเช่นนี้ในพื้นที่นี้ …
สนามลมปราณที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นระหว่างคู่ต่อสู้ทั้งสอง หลังหัวของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ปกคลุมไปด้วยเส้นผมที่ยุ่งเหยิง ดูเหมือนผมของเขายกขึ้นราวกับโบกสบัดในสายลม เล้ยวูเบ้ยยืนอยู่ตรงข้ามกับเขา แต่ มิได้เคลื่อนไวแม้นเพียงระยะนิ้ว แม้แต่ชายเสื้อของเขาก็มิได้เขยื่อนแม้แต่น้อย
ชายทั้งสองตัดสินกับว่าการบำเพ็ญของผู้ใดถือว่าเป็นเลิศ
” เหยี่ยว การบำเพ็ญของเจ้าก้าวหน้าอย่างมากในหลายปีนี้ ! “
เล้ยวูเบ้ยพ่นลมทางจมูกเยือกเย็น
” ข้ามิอาจแข่งขันกับเจ้าในความเร็ว แต่ระดับเชวียนของเจ้าอ่อนด้วนเกินกว่าข้า ! เจ้าจักต้องพบความจริงต่อหน้าข้า ! “
” เช่นนั้นหรือ ? ไม่จำเป็น ! “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวกระโดดขึ้นและพุ่งตัวสู่อากาศทันใด ราวกับความกดอากาศสูงแห่งวสันตฤดูที่เพิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างเขาเป็นดั่งเช่นหอกซึ่งพุ่งทยานขึ้นสู้ท้องฟ้า
ปราณเชวียนของ ปรมาจารย์ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ผู้สง่า ขาดแคลนเล็กน้อย เป็นการยากสำหรับเขาหากจะรักษาระดับนี้ต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น เขาไร้พลังจักช่วยตัวเองหากร่วงลงมาใน สนามลมปราณ ของ เล้ยวูเบ้ย ดังนั้น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว จึงตัดสินใจรวดเร็ว และกระโจนขึ้น เขาพุ่งผ่านกำแพงลมปราณของ เล้ยวูเบ้ย
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว มีตำแหน่งรั้งท้ายในท่ามกลาง แปดยอดปรมาจารย์ อีกทั้งปราณเชวียนของเขายังต่ำต้อยที่สุดในเหล่าปรมาจารย์ สิ่งนี้เป็นที่รู้กัน แท้จริงแล้ว เขาอาจไม่ได้ขนานนามว่า ยอดปรมาจารย์ หากเขาเข้าไปพัวพันกับผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งอย่างโง่เขลา
แต่ละคนมีความแข็งแกร่ง และ ข้อได้เปรียบของ อาจารย์เหยี่ยวมิใช่ปราณเชวียนที่ทรงพลัง
การกระโดดขึ้นสูงในครั้งนี้ ทำลายขีดจำกัดเดิมของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เขากระโดดขึ้นสูงเกินกว่าเจ็ดสิบหลา มองดูราวกับจุดอันเลือนลางท่ามกลาท้องฟ้ายามราตรี
เล้ยวูเบ้ย คำรามเยือกเย็น ขณะประกายเจิดจ้าปรากฏขึ้นในดวงตา เขาเริ่มหมุนเท้า และทันใดนั้นทั้งร่างของเขาก็หมุนวน จากนั้น พายุปรากฏขึ้นรอบตัวเขาในทันใด มันก่อตัวขึ้นจาก ปราณเชวียนที่เปล่งประกายสีดำแปลกประหลาด ต้นไม้และใบหญ้ารอบๆ เริ่มลอยขึ้นด้วยแรงพายุ ขณะที่ขนาดของมันขยายใหญ่ขึ้น กำลังของมันยิ่งเพิ่มสูง
ความรุนแรง และเสียงโหยหวนแสบแก้วหูสะท้อนขึ้นสู่นภา เสียงโหยหวนที่โศกเศร้าลอยลงมาดั่งสายฟ้า
” ปัง ! ปั้ง ! ปั้ง ! “
เสียงระเบิดก้องสะท้อนจากฟากฟ้าขณะ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวไปถึงขีดสุดของความเร็ว การเสียดสีระหว่างร่างและเสื้อผ้าของเขากับอากาศโดยรอบ ก่อให้เกิดเสียงดังลั่น
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว กางมือขวาเป็นกรงเล็บ ขณะเขาขยับแขนซ้ายไปที่ไหล่ ชายผู้นั้นทะยานลงจากนภา แต่ผมยาวเปล่งประกายของเขาตั้งฉากกับพื้น …
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เป็นดั่งเทพสงครามผู้ชั่วร้าย ขณะเขายิงธนูอันน่าเกรงขามที่สร้างจากอากาศออกไป เขากรีดร้องลั่นขณะปล่อยมันตรงไปยัง เล้ยวูเบ้ย
” ดี ! เข้ามา ! “
เล้ยวูเบ้ยตะโกนเยือกเย็น พายุรอบตัวเขาพุ่งสูงส่งจากพื้นเพื่อปะทะกับร่างสีดำอันแข็งแกร่งจากฟากฟ้า ไม่นานทั้งสองปะทะกัน ก่อให้เกิดเสียงคำรามลั่น พลังอันแข็งแกร่งทั้งสอง หายไปในช่วงพริบตา ไร้ร่องรอย เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ยืนต่อหน้า เล้ยวูเบ้ยอีกครั้ง กรงเล็บของเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอด ขณะที่คว้าคู่ต่อสู้
เล้ยวูเบ้ยโหยหวนชั่วร้าย ฝ่ามือของเขาปกคลุมไปด้วยปราณสีดำ เขารับการโจมตีฝ่ายตรงข้ามโดยไร้ความกลัวในดวงตา มือชายทั้งสองปะทะกันนับร้อยครั้งในชั่วพริบตา ทันใดนนั้นก่อเกิดเสียง ปั้ง ดังลั่น ! ร่างของ เล้ยวูเบ้ยลอยไปไกล ขณะที่ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ผงะถอยเนื่องจากแรงสะท้อน
การล่าถอยไปทำให้เกิดระยะห่างระหว่างชายทั้งสองราวสามสิบหลา
เกิดระเบิดรุนแรงขึ้นในบริเวณที่พลังของเขาปะทะกัน ชายทั้งสองถูกโยนถอยไป จวินโม่เซี่ยหลบซ่อนอยู่ไกลกว่าหกสิบหลา แต่ คลื่นกระแทกจากการระเบิดส่งมาถึงเขา ความจริง ต้นไม้ที่เขายืนอยู่นั้นหักลงเนื่องจากแรงระเบิด
เป็นการระเบิดที่ยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์
มือสังหารจวิน เฝ้าดูการต่อสู้ที่แตกหักระหว่างยอดปรมาจารย์ทรงพลังทั้งสองต้องความกระหายใคร่รู้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเป็นยอดนักสู้ในโลกนี้ และสามารถเปรียบพวกเขาได้กับผู้หนึ่งในชีิวิตก่อนของเขา เขารู้สึกได้เรียนรู้มากมายจากการเฝ้ามองจากด้านข้าง สิ่งเหล่านั้นจะทำให้เขาทรงพลังยิ่งขึ้น
เขาเพิ่งค้นพบที่หลบซ่อนตัวใหม่ได้ไม่นานเมื่อต้นไม้ต้นนั้นแตกหัก แต่มันแตกหักเป็นสิบๆชิ้น จวินโม่เซี่ยกระเด็นสู่พื้นในทันที เขากระแทกอย่างรุนแรง และกลิ้งไปชั่วขณะ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นฉับพลัน และไม่มีเวลามากพอให้เขาตั้งตัว ยิ่งไปกว่านั้น เขามิอาจกลั่นเสียงคร่ำครวญเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้
เสียงคร่ำครวญของเขาเบายิ่ง แต่ เสียงนั้นเป็นดั่งเสียงอัสุนีบาตกับ ยอดปรมาจารย์ทั้งสอง มีใครบางคนสอดแนมพวกเขา และพวกเขาตกตะลึงที่ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของคนผู้นั้น
ชายทั้งสองร้องตะโกนขึ้นพร้อมกัน
” ผู้ใด ?! ออกมาจากที่หลบซ่อนซะ ! “
คุณชายน้อยจวิน มิอาจกล้า เขาหดคอและหลบหนีเข้าไปในป่า เขาเคลื่อนตัวเข้าไปในต้นไม้อีกต้นขณะศึกษาการแข่งขันของชายทั้งสอง เขาสามารถตัดสินใด้ว่าผู้ใดเป็นเลิศกว่ากัน …
การต่อสู้เพียงเริ่มต้น แต่สามารถเห็นได้ว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว มิอาจเทียบ เล้ยวูเบ้ย
ข้ากลัวสิ่งที่ข้าต้องเผชิญหากเขาพ่ายแพ้
สิ่งนี้เป็นดั่งการต่อสู้ระหว่างสองผู้มั่งคั่ง ผู้หนึ่งต่อสู้ด้วยเงินหนึ่งล้าน ขณะที่อีกผู้ต่อสู้ด้วยเงินหนึ่งล้านห้าแสน ชายทั้งสอง มั่งคั่งยิ่งเมื่อเทียบกับสามัญในโลกนี้ พวกเขาใช้มันมากมาย แต่ ยิ่งพวกเขาคลั่งใคล้มัน พวกเขายิ่งใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ ผู้ที่มีเงินหนึ่งล้านห้าแสนจักชนะ หากทั้งคู่ต่อสู้จนจบ สุดท้ายแล้ว … เขาเหนือกว่าอีกผู้หนึ่ง
แต่ เหยี่ยว อยู่ฝ่ายเดียวกับข้า ! ข้าทำได้เพียงเฝ้ามองไร้หนทางขณะที่เขาประสบความอับอาย ? อ่า ข้าคาดว่าข้าจะก่อปัญหาให้พวกเขาสักเล็กน้อย
จวินโม่เซี่ย คิดแผนการขึ้นได้ทันที เขาพ่นลมทางจมูกเยือกเย็น จากนั้นเคลื่อนไหวอีกครั้ง
สองร่างมุ่งไปยังสถานที่ซึ่งเขาใคร่ครวญในไม่กี่วินาทีที่แล้ว
แต่ เคล็ดอิสระหยินหยางนั้นอัศจรรย์ เขาสามารถหลบซ่อนจากสายตาของ สองปรมาจารย์ได้
ปรมาจารย์ทั้งสองสำรวจพื้นที่นั้นถี่ถ้วน พวกมองหน้ากันด้วยความกลัว เนื่องจากมิอาจหาเขาพบ
ชายทั้งสองตกตะลึงยิ่ง ผู้นั้นสามารถแทรกซึมเข้าใกล้พวกเขาเช่นนี้ได้อย่างไร ? สิ่งนั้นมีเหตุผลในสายตาพวกเขา
ระดับปราณเชวียนของชายผู้นี้ไม่อ่อยด้อยกว่าพวกเขา และอาจจะสูงส่งเกินกว่าพวกเขา
คนผู้นี้คือใคร ? เขามุ่งหมายสิ่งใด ?
เวลานั้นเอง ผู้หนึ่งคำรามทางจมูกเยือกเย็น ราวกับคนผู้นี้ดูถูกพวกเขา
ผู้ใดช่างอวดดียิ่ง ?
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ได้สติทันใด จากนั้นเขาสถบ
” เล้ยวูเบ้ย เจ้าไร้ยางอาย เจ้ามีผู้ช่วย ! ข้ารังเกียจเจ้า ! นี่คือวิธรปฏิบัติของเจ้า ? แล้วเจ้ายังกล้าเรียกตัวเอง ว่า แปดยอดปรมาจารย์ ! “
” ไร้สาระ ! “
เล้ยวูเบ้ยมีโทสะยิ่ง
” ข้าสามารถจัดการกับเจ้าด้วยตัวเอง เหตุใดจึงต้องการผู้ช่วย ? ช่างน่าขันนัก ! คนผู้นี้คือผู้สนับสนุนเจ้า ? เหยี่ยว หยุดร้องว่า ขโมยเสียที เมื่อเจ้ากำลังปล้นสดม ข้าจักสั่งสอนเจ้า ! “
ทั้งสองสาปแช่ใส่กัน แต่ภายในตื่นตัว ผู้หนึ่งอาจะเป็นเลิศกว่าผู้อื่น แต่พวกเขามีขีดจำกัดเสมอ ดังนั้น พวกเขาสามารถเปลี่ยนใจได้อย่างง่ายดาย ผู้ใดผู้หนึ่งมีผู้ที่แข็งแกร่งควยช่วยเหลือ ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงมีความคิดจะหยุดการต่อสู้