กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1026
กู้ชูหน่วนกัดฟันกรอด “ได้ หนึ่งล้านตำลึงก็หนึ่งล้านตำลึง”
เยี่ยจิ่งหานหยุดชะงักและหมุนล้อรถเข็นไปทางกู้ชูหน่วนเพื่อรอให้นางปล่อยเลือดออกมา
กู้ชูหน่วนหยิบมีดขึ้นแล้ววางลงนับครั้งไม่ถ้วนด้วยความรู้สึกซับซ้อนในใจ
เจ้าหมอนั่นก็ถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับนาง เขาให้นางปล่อยเลือดจำนวนมากเช่นนี้ออกมาไม่กลัวว่านางจะสูญเสียเลือดมากเกินไปจนตายเลยหรือ
“เพล้ง….”
นางโยนถ้วยจนแตกและหยิบเลือดแก้วนั้นที่นางเพิ่งปล่อยออกไปขึ้นมาพร้อมกับเดินไปทางห้องนอนของเรือนอี้หยุนและกล่าวว่า “ถึงอย่างไรเพียงแค่ข้าสัมผัสรับรู้ได้ถึงดวงวิญญาณของนางก็พอ เจ้าไม่ต้องรู้วิธีการหรอก”
“ฝ่าบาท หวงกุ้ยจวินได้พักผ่อนลงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
คนที่เฝ้าประตูเข้ามาขวางกู้ชูหน่วนเอาไว้
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “บังอาจ เขาเป็นหวงกุ้ยจวินของข้า ร่างกายของเขาไม่แข็งแรง มีหรือข้าจะเข้าไปเยี่ยมไม่ได้”
ถ้าไม่ใช่เพราะนางไม่เคยได้เข้ามาในเรือนอี้หยุนแม้แต่ครั้งเดียว ตั้งแต่ผ่านงานอภิเษกสมรสมา รวมถึงการเรียกดวงวิญญาณภายนอกห้องนอนเมื่อสักครู่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เห็นหวงกุ้ยจวินอยู่ในสายตาเลยสักนิด ไม่งั้นจากการที่นางให้ความสำคัญและดูเป็นห่วงเป็นใยในตอนนี้ละก็ นางกำนัลเหล่านั้นเกือบจะเชื่อแล้วว่าฝ่าบาทเป็นห่วงหวงกุ้ยจวินจริงๆ
“ฝ่าบาทอย่าทรงโกรธ ข้าน้อยรับคำสั่งมาเช่นกัน ฝ่าบาทได้โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ”
แค่มองก็ดูรู้ว่าคนที่เฝ้าประตูนั้นเป็นยอดฝีมือ แม้จะพูดอย่างนอบน้อม ทว่าสายตาของเขากลับแน่วแน่
“ข้าเพียงแค่เข้าไปดูเขาเท่านั้น ข้าจะไม่ทำให้เขาตื่น”
“ฝ่าบาทได้โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ”
กู้ชูหน่วนหันไปมองเยี่ยจิ่งหานพร้อมกับส่งสัญญาณเสนอให้เขาลงมือ
ยอดฝีมือในเรือนอี้หยุนมีเป็นจำนวนมาก หากนางคนเดียวคงไม่พอแน่
เยี่ยจิ่งหานกลอกตามองบนใส่นาง เพื่อบอกนางว่าเมื่อสักครู่นางพูดเองว่าไม่ต้องสนใจวิธีการของนาง
กู้ชูหน่วนแสดงสีหน้าเคร่งเครียดและน้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นการตักเตือน
“จักรพรรดิอี้ส่งหวงกุ้ยจวินมาผูกสัมพันธไมตรี ข้าคิดว่าไม่ได้ผูกสัมพันธไมตรีอย่างเดียวกระมัง พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่ให้ข้าเข้าไปดูอาการป่วยของเขา?”
เมื่อพูดออกมา คนที่เฝ้าประตูก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด
แม้แต่ยอดฝีมือที่แอบซ่อนอยู่ก็หายใจติดขัด
เป็นเช่นนั้น……
จักรพรรดิอี้ส่งเขามาที่รัฐปิง เพราะต้องการให้เขารักษาอาการป่วย
แต่หากคิดจะรักษาเขาก็พูดออกมาตามตรง เหตุใดถึงต้องแสร้งทำเช่นนี้?
คนที่เฝ้าประตูแสดงสีหน้าลำบากใจและทำได้เพียงมองออกไปไกลๆ
ไม่นานพวกเขาก็กล่าวขึ้น “ฝ่าบาท หวงกุ้ยจวินได้นอนหลับแล้วจริงๆ หรือฝ่าบาทค่อยเสด็จมาพรุ่งนี้อีกครั้งจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
นอนแล้ว?
ชีวิตสำคัญกว่าการนอน?
หรือว่าหวงกุ้ยจวินจะไม่ได้อยู่ในห้องนอน?
“ก็ได้ บอกหวงกุ้ยจวินว่าพรุ่งนี้ข้าจะมาเยี่ยมเขาอีกครั้ง”
กู้ชูหน่วนหันไปทำปากใส่เยี่ยจิ่งหานเพื่อส่งสัญญาณให้เขากลับไป
ระหว่างทาง เยี่ยจิ่งหานเตือนนางอีกครั้งเรื่องการปล่อยเลือด
กู้ชูหน่วนกล่าว “หรือดวงวิญญาณของคนรักของเจ้าจะอยู่ในห้องนอนของเขา? หรืออาจถูกยอดฝีมือของเขาใช้วิชาอะไรที่ทำให้หายไปอย่างไร้ร่องรอย พรุ่งนี้ข้าจะไปพิสูจน์อีกครั้งที่ห้องนอนของเขา”
ทำให้หายไปอย่างไร้ร่องรอย?
ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…..
เพราะรัฐอี้มียอดฝีมือจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย จิตใจของเจ้าโหดเหี้ยมอย่างมากที่พยายามจะให้ข้าปล่อยเลือดจำนวนมากออกมาตลอดเวลา เจ้าไม่มีความคิดสงสารข้าบ้างเลยหรือ?”
“แลกมันด้วยของที่มีมูลค่าเท่ากัน เจ้าเองก็ได้สิ่งที่เจ้าต้องการไป”
“แม้จะพูดไปเช่นนั้น แต่เจ้าไม่สงสารข้าบ้างเลยหรือ?”
เยี่ยจิ่งหานจับรถเข็นแน่นด้วยสีหน้าเย็นชาและไม่แสดงความรู้สึกอะไร ทว่ากล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “หนึ่งวัน หากพรุ่งนี้ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณของอาหน่วนละก็ ข้าจะไม่รออีกต่อไปแล้ว”
“ได้ พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ ข้าจะออกนอกวังเสียหน่อย เจ้าจะไปหรือไม่?”
เยี่ยจิ่งหานไม่พูดอะไรและเมื่อกู้ชูหน่วนหันไปมอง เยี่ยจิ่งหานก็ได้หายตัวไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ โดยทิ้งนางเพียงลำพัง
กู้ชูหน่วนรู้สึกเศร้าเล็กน้อยและจู่ๆ ก็มีความรู้สึกอยากเข้าไปกอดเขา
คนรักได้ตายจากไปก่อนเวลาอันควร
ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
ศัตรูอาจเป็นคนใกล้ตัวของตัวเอง และยังคงอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
เป็นเรื่องที่ใครก็ไม่อาจรับได้
ในทุ่งที่อุดมสมบูรณ์นอกเมืองหลวง กู้ชูหน่วนขุดมันฝรั่งขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจบนใบหน้า
นางสวมชุดเรียบง่ายและพับแขนเสื้อขึ้น มีเพียงปิ่นปักไม้หลวมๆ บนศีรษะ เมื่อมองแวบแรกคิดว่านางเป็นหญิงชาวนา ทว่ารอบกายของนางมีคนที่ดูสูงศักดิ์อยู่ ซึ่งทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้นางเท่าไรนัก
ข้างกายของนางมีฝูกวงคอยปกป้องดูแล ฝูกวงถือโคมไฟและถามด้วยความสงสัย
“นายท่าน เหตุใดท่านถึงต้องออกมาตรวจดูสถานการณ์ของราษฎรในตอนค่ำทุกครั้งเช่นนี้?”
“เจ้าคิดว่าข้าอยากมาตอนนี้หรือ” ตอนกลางวันนางเคยว่างที่ไหนกัน?
เดิมทีก็ยุ่งอยู่แล้ว แถมยังต้องคอยตามหาดวงวิญญาณอะไรนั่นอีก
ฝูกวงนั่งลงและมองไปที่มันฝรั่ง “นายท่าน ก้อนดินนี้กินได้จริงหรือ?”
“หากกินไม่ได้ข้าจะสั่งให้คนจำนวนมากปลูกหรือ”
ฝูกวงเงยหน้าขึ้นเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา
นางกินยาผิดหรืออย่างไรกัน
ตัวเองโกรธเยี่ยจิ่งหานแต่กลับมาใส่อารมณ์กับเขา?
“เหตุใดถึงไม่พูดล่ะ?”
“ดวงวิญญาณของนายท่านของข้าน้อยอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้หรือไม่?”
“เปลี่ยนเรื่องพูด”
“ท่านสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณดวงอื่นที่เหลือหรือไม่?”
กู้ชูหน่วนสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ต่อไปห้ามพูดคำว่าดวงวิญญาณต่อหน้าข้าอีก พูดเรื่องอื่น”
“พูดอะไรหรือขอรับ?”
“เช่นชมเชยข้า ที่ข้าสามารถปลูกมันฝรั่งได้”
“ข้าน้อยไม่รู้ว่ามันฝรั่งคืออะไร”
“มันฝรั่งเป็นพืชผลที่ปลูกง่าย ใช้เวลาน้อยและที่สำคัญมันสามารถรับมือกับความหิวได้ รสชาติก็อร่อยมากด้วย ออกคำสั่งของข้าออกไปว่าให้คนมาขุดมันฝรั่งที่สุกแล้วไปมอบให้กับพื้นที่ประสบภัย”
“ขอรับ”
“เหตุใดหรือ เจ้าไม่พอใจหรือ?”
“ไม่ใช่ขอรับ ข้าน้อยดีใจอย่างมากที่ราษฎรมีกินมีใช้ไม่อดตาย ทว่า….”
“ดีใจก็ได้แล้ว”
กู้ชูหน่วนตัดบทคำพูดของเขา
เจ้าหมอนี่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คิดหรือว่านางไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“นายท่าน…..”
“ใกล้จะเช้าแล้ว เรารีบกลับไปวังหลวงกันดีกว่า”
กู้ชูหน่วนลุกขึ้นและปัดเศษดินในมือพร้อมกับสะบัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเพื่อเดินทางกลับวังหลวง
จากนั้นไกลออกไปก็มีเสียงด่าทอดังขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าหัวขโมย หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ไม่นาน ใครคนหนึ่งก็มาพุ่งชนเข้ากับกู้ชูหน่วน
ฝูกวงคว้าดาบขึ้นมาและขวางไว้ที่คนที่พุ่งเข้ามา
“ซี๊ด…..”
เขาชักดาบเร็วเกินไป ทำให้คนที่พุ่งเข้ามาไม่สามารถหยุดได้ทัน เขาทำได้เพียงเบิกตากว้างและจ้องมองดาบนั้นด้วยความกลัว
ขณะที่ชนเข้ามานั้นฝูกวงและกู้ชูหน่วนก็จำได้ว่าคืออี้หยุนเฟยที่เจอกันเมื่อวันก่อน
จากนั้นฝูกวงก็รีบเก็บดาบ จึงทำให้อี้หยุนเฟยรอดชีวิตไปได้อย่างหวุดหวิด
เพราะฝูกวงไม่ได้เข้าไปขัดขวาง บวกกับที่ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้กู้ชูหน่วนถูกผลักล้มลงกับพื้น
ล้มลงกับพื้นไม่พอ ไม่รู้ว่าดินตรงนั้นเป็นอย่างไร จู่ๆ ก็มีหลุมลึกลงไป ทำให้ทั้งสองตกลงไปในหลุม
“อ๊า…..”
อี้หยุนเฟยร้องอุทาน
ฝูกวงวิ่งไปที่ปากหลุมพร้อมกับตะโกน “นายท่าน…..”
กู้ชูหน่วนพยายามจะคว้าอะไรบางสิ่งเอาไว้ ทว่าข้างในกลับลื่นมากและไม่สามารถจับอะไรได้เลย และข้างล่างก็มืดสนิทมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น นางได้ยินเพียงเสียงของฝูกวงและอี้หยุนเฟยที่ร้องอุทานด้วยความตกใจ
กู้ชูหน่วนกอดอี้หยุนเฟยเอาไว้เพื่อพยายามระงับความกลัวและพูดปลอบ “ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ทั้งคน”
“เจ้าคือ….เจ้าคือน้องสาวคนนั้น?”
“คือพี่สาว”
“ที่นี่ที่ไหน เหตุใดข้าถึงตกลงไปข้างล่างอย่างต่อเนื่อง ข้ากลัวเหลือเกิน”
“มีข้าอยู่ทั้งคน เจ้าไม่ตายง่ายๆ หรอก ต่อให้ต้องตาย ข้าจะตายก่อนเจ้า”
กู้ชูหน่วนจับมือที่เย็นเฉียบของเขาเอาไว้แน่น และพูดปลอบเขา