กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1027

อาจเป็นเพราะร่างกายของนางอบอุ่นเกินไป หรืออาจเป็นเพราะเสียงของนางมีพลังแม่เหล็กที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจ ทำให้อี้หยุนเฟยสงบลงมาก และปล่อยให้นางกอดเขาลงไปข้างล่าง

“เหมือนจะใกล้ถึงพื้นแล้ว ระวังล่ะ”

อี้หยุนเฟยไม่ทันตั้งตัว กู้ชูหน่วนก็ดึงเขาไปด้านข้างอย่างแรงก่อนจะถึงพื้น

“ซี๊ด….”

เขาล้มลงจนกระดูกแทบหักและเจ็บจนร้องอุทานออกมา

“ปัง….”

“อั่ก….”

ข้างๆ คือเสียงกระอักเลือดของกู้ชูหน่วนที่ดังขึ้น

สมองของอี้หยุนเฟยแทบระเบิด

“น้องสาว น้องสาว….เจ้าอยู่ที่ไหนหรือ?”

“ที่นี่คือที่ไหน ทำไมถึงมืดสนิทขนาดนี้ น้องสาว….เจ้าอยู่ที่ไหน”

กู้ชูหน่วนอยากจะตอบเขา แต่นางล้มลงและกระแทกอย่างแรงจนอวัยวะภายในสั่นสะเทือนและได้รับผลกระทบ

กระดูกตามร่างกายก็แตกหักไปไม่น้อย ทำให้นางไม่มีแรงที่จะตอบกลับไป

“คบไฟ ใช่ ข้ามีคบไฟ”

อี้หยุนเฟยหยิบคบไฟออกมาและเป่าอยู่นานแต่กลับไม่ติดไฟเสียที ทว่ากลับทำให้คบไฟนั้นตกลงพื้นด้วยความประหม่า

เขาพยายามคลำหาอยู่นานกว่าจะเจอและใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะติดไฟได้

ที่นี่มีขนาดใหญ่มาก ทว่าแสงสว่างที่คบไฟสาดส่องไปถึงนั้นมีจำกัด เขาไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน แต่เขารู้เห็นกู้ชูหน่วนนอนอยู่ไม่ไกลจากเขาเท่าไรนัก

ใบหน้าของนางซีดเผือดและมุมปากมีคราบเลือด ลมหายใจของนางอ่อนล้า

อี้หยุนเฟยรีบไปประคองนางขึ้น “น้องสาว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เล่นล้อเล่นกันแบบนี้”

“ร้องไห้….ร้องไห้ทำไม ข้าไม่เป็นอะไรง่ายๆ ข้ายังไม่ตาย”

“ข้าตกใจหมดเลย ข้าคิดว่า….คิดว่า….”

แสงของคบไฟอ่อนลง แต่นางสามารถเห็นหยดน้ำตาสองที่หยดอยู่บนใบหน้าที่งดงามของอี้หยุนเฟยและเมื่อเขาได้ยินว่านางไม่เป็นไร เขาก็ร้องไห้และหัวเราะในเวลาเดียวกัน

กู้ชูหน่วนตกลงมาอย่างเจ็บปวดทรมาน แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ

นางยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้เขา

“เวลาเจ้ายิ้มดูดีกว่าอีก ข้าไม่ชอบเวลาเห็นเจ้าร้องไห้”

“ข้าไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย ข้าเพียงแค่….”

“เพียงแค่กลัว? ข้าบอกแล้วว่ามีข้าอยู่ทั้งคน เจ้าไม่มีทางเป็นอะไรได้ ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะตายก่อนเจ้า”

คำนี้หากเป็นคนอื่นพูดกับเขาหรือพูดเวลาอื่น เขาไม่มีทางใส่ใจเลยสักนิด แต่ครั้งนี้ คำนี้เหมือนมีพลังวิเศษอะไรบางอย่างที่กัดกร่อนหัวใจที่เปราะบางของเขาอย่างบ้าคลั่ง

“ทำไม? เราเจอกันเพียงสองครั้งเท่านั้นเอง”

“ไม่รู้ ข้าแค่ไม่ต้องการเห็นเจ้าเป็นอะไรไป”

“เจ้ารู้ไหมว่าการกระทำของเจ้าเมื่อครู่นั้นอาจทำให้เจ้าตายได้?”

“ไม่รู้และไม่อยากรู้ด้วย หากให้ข้าเลือก ไม่แน่ข้าคงไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเจ้าหรอก”

อี้หยุนเฟยตรวจดูบาดแผลของนางด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

ผู้หญิงคนนี้พูดออกมาง่ายๆ ไม่คิดอะไร แต่เขารู้ว่าต่อให้เกิดขึ้นอีกครั้ง ถึงอย่างไรนางก็เลือกที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาอยู่ดี

สัญชาตญาณที่แท้จริงของคนเราจะออกเมื่อเมื่อถึงเวลาวิกฤติหรือเสี่ยงตาย

“ขาข้าหัก เจ้าถอยไปข้าจะต่อกระดูกด้วยตัวเอง”

กู้ชูหน่วนกัดฟันและจัดการต่อกระดูกของตัวเองอย่างใจแข็ง ได้ยินเสียงดังแกร๊กจากนั้นกระดูกก็ต่อเข้าด้วยกัน

แม้แต่กระดูกซี่โครงนางก็สามารถต่อกลับเหมือนเดิมได้

“เจ็บไหม?”

“ไม่เจ็บ ข้าเจอบาดแผลที่เจ็บกว่านี้ไม่รู้ตั้งเท่าไร เรื่องแค่นี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

เงียบ

เงียบถึงขนาดที่สามารถได้ยินเสียงเต้นของหัวใจได้

“ทำไมถึงไม่พูดล่ะ?” หรือว่านางจะทำให้เขาตกใจ?

หรือว่าเขาจะตกใจกับถ้ำใต้ดินที่มืดสนิทแห่งนี้?

“เจ้า…เมื่อก่อนเจ้ามักได้รับบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้งเลยหรือ?”

“ก็ไม่เท่าไร เมื่อก่อนชีวิตย่ำแย่ ใครๆ ก็พากันรังแก ความสามารถก็น้อย ทำให้ต้องเจ็บตัวอยู่เรื่อย เจ้าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”

“ไม่”

“ไม่ต้องกลัว ประเดี๋ยวฝูกวงก็จะส่งคนมาช่วยเราแล้ว”

“ข้าไม่ได้กลัว”

อี้หยุนเฟยยังอยู่ในอ้อมแขนของนางและได้กลิ่นหอมของสมุนไพรบนร่างกายของนาง

เมื่อสักครู่เขากลัวมาก

ตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด

“เหตุใดคนเหล่านั้นถึงต้องไล่ตามเจ้าด้วย? เจ้าไปแอบขโมยเสบียงอาหารของทางการอีกแล้วใช่ไหม?”

“ไม่ได้ขโมยเสบียงอาหาร แค่ขโมยเงินของทางการนิดหน่อยเท่านั้น”

กู้ชูหน่วนลูบผมของเขาและกล่าวออกมา “ราชสำนักสามารถจัดการผู้อพยพเหล่านั้นเอง เจ้าเอาแต่ปล้นเสบียงอาหารและเงินของทางการแบบนี้ไม่ใช่เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้ราชสำนักหรอกหรือ?”

“จักรพรรดินีงี่เง่านั่นไม่ใช่ทางใส่ใจผู้อพยพลี้ภัยหรอก หากนางคิดใส่ใจให้ความสำคัญละก็ ราษฎรของรัฐปิงจะน่าสงสารเช่นนี้หรือ”

“เท่าที่ข้ารู้ว่า ราชสำนักได้แจกจ่ายอาหารบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนมากมาย และจักรพรรดินีก็ขยันขันแข็งและห่วงใยประชาชน และมีเกียรติสูงสุดในรัฐปิง นางจะเป็นจักรพรรดินีที่โง่เขลาได้อย่างไร? เจ้าต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อนาง”

“นางมีสนมในวังหลังเป็นจำนวนมาก แต่งตั้งพระสวามีแล้วก็ยังแต่งตั้งพระสวามีรอง และตอนนี้ก็แต่งงานกับองค์ชายของรัฐอี้ นางก็เป็นได้แค่จักรพรรดินีที่ตัณหาจัดเท่านั้น”

“……”

กู้ชูหน่วนพูดไม่ออกและเบื่อหน่ายที่จะอธิบายให้เขาฟัง

“ใคร ใครอยู่ตรงนั้น”

จู่ๆ ก็มีเสียงแหบแห้งดังขึ้นมาจากไม่ไกลนักทำให้อี้หยุนเฟยตกใจและกอดกู้ชูหน่วนแน่น เพราะไปโดนกระดูกซี่โครงของนาง ทำให้นางเจ็บจนแทบหายใจไม่ได้

กู้ชูหน่วนหยิบคบไฟขึ้นและส่องไปข้างหน้า ทว่ากลับเห็นเพียงความมืดสนิทและมองไม่เห็นอะไรเลย

กู้ชูหน่วนพึมพำ “เสียงนี้ทำไมถึงรู้สึกคุ้นหูเหลือเกิน?”

คนที่อยู่ไกลออกไปเมื่อได้ยินเสียงของกู้ชูหน่วนก็ตกใจและกล่าวด้วยความดีใจ “มู่หน่วนหรือ? เจ้าคือมู่หน่วนหรือ?”

“เจี้ยงเสวี่ย? เจ้าคือเจี้ยงเสวี่ย?”

อดพูดไม่ได้ว่าทั้งสองฝ่ายต่างรู้สึกตื่นเต้นดีใจ

เจี้ยงเสวี่ยดีใจเพราะผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่เพียงมู่หน่วน

นางยังเป็นกู้ชูหน่วน

ภรรยาของเจ้านายของเขา และคือนายหญิงของพวกเขาด้วยเช่นกัน

นายท่านตามหานางอยู่หลายปี และหลายปีมานี้นายท่านก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมากแค่ไหนพวกเขารู้อยู่แก่ใจดี

หากนายท่านรู้ว่านางคือกู้ชูหน่วนคงจะดีใจอย่างมาก

กู้ชูหน่วนดีใจเพราะ “ทำไมถึงอยู่ที่นี่? เซี่ยวอวี่เซวียนและชิงเฟิงล่ะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน?”

หากไม่ใช่เพราะขาหัก กู้ชูหน่วนคงวิ่งออกไปนานแล้ว

ใครๆ ต่างก็รู้ว่านางเป็นห่วงเซี่ยวอวี่เซวียนเสียยิ่งกว่าอะไร

“ชิงเฟิงอยู่ข้างใน เขาได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส ส่วนคุณชายเซี่ยว….ข้า….ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน?”

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า บอกข้ามาเร็วเข้า”

“วันนั้นขณะที่นายท่านใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อส่งพวกเราออกไป เราก็ถูกจักรพรรดินีตัวปลอมจับตัวไปและถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน และก่อนหน้านี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นทำให้คุกใต้ดินถล่มลง เราจึงให้โอกาสนี้หลบหนีออกมา”

“ระหว่างที่หลบหนีนางก็ไล่ตามพวกเรามาได้ คุณชายเซี่ยวหลอกล่อนางไปอีกเส้นทางหนึ่งเพื่อปกป้องเรา ข้าและชิงเฟิงไม่ระวังก็เลยตกลงมาข้างในนี้ ที่นี่อยู่ลึกจากพื้นดินมาก ร่างกายของเรามีบาดแผลทำให้ไม่สามารถปีนออกไปจากที่นี่ได้ จึงถูกขังอยู่ในนี้เป็นเวลาจนได้มาพับกับพวกท่าน

“เจ้าบอกว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนหลอกล่อของไปอีกทางเพียงลำพัง? ครั้งสุดท้ายที่พวกเจ้าได้เจอเสี่ยวเซวียนเซวียนคือที่ไหน?”

“ที่หน้าผาลั่วหง แม้ว่าความสามารถของคุณชายเซี่ยวจะสู้นางไม่ได้ แต่ความฉลาดของเขาน่าจะ…..หรือ…..”

เจี้ยงเสวี่ยพูดออกมา แม้แต่เขาเองก็ไม่เชื่อ

ผู้หญิงคนนั้นโหดเหี้ยมอำมหิต นางไม่มีทางปล่อยคุณชายเซี่ยวไปแน่

กู้ชูหน่วนเสมือนลูกบอลที่ไม่มีลม ในใจของนางนอกว่าความกังวลแล้วก็คือความร้อนใจ

อี้หยุนเฟยรู้สึกทำตัวไม่ถูกและอึดอัดอย่างมาก

เสี่ยวเซวียนเซวียน

เรียกได้สนิทสนมกันมากขนาดนี้?

ผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกับน้องสาวคนนี้?

“รู้หรือไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”

น้ำเสียงของเจี้ยงเสวี่ยสะอื้นเล็กน้อย “ไม่….ไม่รู้”

“พาข้าไปหาชิงเฟิง”

“แม่นางมู่ ท่านมีพลุส่งสัญญาณหรือไม่? คนของท่านสามารถหาที่นี่เจอไหม?”

“ไม่มี แต่ฝูกวงรู้ว่าข้าตกลงมาในนี้”

“แม่นางมู่ เชิญทางนี้”

เมื่อเห็นท่าทางของเจี้ยงเสวี่ยที่ดูเคารพนอบน้อม ทำให้กู้ชูหน่วนรู้สึกไม่ชินเท่าไรนัก

เขาและชิงเฟิงไม่ชอบนางมาโดยตลอดและไม่เคยปฏิบัติต่อนางดีๆ เลยสักครั้ง

เหตุใดจู่ๆ ถึงเปลี่ยนมาสุภาพและนอบน้อมต่อนางขนาดนี้?