ราชเลขาหลินพยักหน้า “ซื่อจื่อกล่าวถูกต้องแล้ว นอกจากว่าท่านเป็นบิดาบุญธรรมของลูกหญิงแค่เพียงในนามเท่านั้น ที่เหลือก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป ส่วนเรื่องสินเดิมในภายหน้า จวนราชเลขาของเราก็มิได้ขัดสนเงินทอง จึงไม่รบกวนแม่ทัพใหญ่ให้ต้องตระเตรียม หวังเพียงในภายหน้าหากลูกหญิงมีเรื่องเดือดร้อนขึ้นมา ขอให้แม่ทัพใหญ่ยื่นมือคอยช่วยเหลือเท่านั้น”
“ท่านน้า ท่านตกลงเถอะ รับคุณหนูหลินเป็นบุตรบุญธรรม ท่านไม่เพียงแต่ได้ลูกสาวที่โตเป็นสาวแล้วเท่านั้น ท่านยังมีความสัมพันธ์อันดีกับจวนราชเลขาอีกด้วย ต่อไปในราชสำนักพวกท่านจะได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไป” พูดจบก็ถามเจือแววเย้ยหยัน “ใต้เท้าราชเลขา ข้าพูดไม่ผิดกระมัง”
ใต้เท้าราชเลขาที่กำลังยิ้มน้อยๆ อยู่หุบยิ้มลง กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ซื่อจื่อกล่าวผิดไปแล้ว ที่ให้แม่ทัพใหญ่รับเป็นบิดาบุญธรรมของลูกหญิง ก็เพราะว่าคำนึงถึงการแต่งงานในภายหน้าของลูกหญิงอย่างแท้จริง ส่วนสิ่งอื่นใดนั้น ตัวข้ามิได้คำนึงถึงมากมาย”
หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวอย่างมิใคร่จะจริงใจว่า “เมื่อกล่าวมาเช่นนี้ คงเป็นอี้เซวียนเองที่เอาความคิดของผู้น้อยไปตัดสินความคิดของมหาบุรุษ ขอใต้เท้าราชเลขาได้โปรดให้อภัยด้วย”
พูดจบก็หันไปพูดกับฉู่เหวินเจี๋ยว่า “ท่านน้า เรื่องดีๆ เช่นนี้แม้จะจุดตะเกียงหาก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ท่านตกลงเถอะ”
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะรับปาก รับคุณหนูหลินเป็นบุตรบุญธรรม ขอให้ราชเลขาหลินกำหนดวันพิธีเถิด”
ราชเลขาหลินแสดงสีหน้ายินดี “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ย่อมต้องเลือกวันมงคล เอาเช่นนี้ แม่ทัพใหญ่กับซื่อจื่อกลับไปก่อน รอให้พวกเราเลือกวันมงคลได้แล้วค่อยไปบอกพวกท่านดีไหม”
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า ลุกขึ้นยืน “ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ไม่รบกวนแล้ว ข้ามักจะยุ่งอยู่กับกิจการทหาร ไม่ค่อยอยู่จวน ถ้าราชเลขาหลินได้วันมงคลแล้วก็ให้ไปส่งข่าวที่จวนอ๋องฉีเถิด ให้พี่สาวข้าได้ตระเตรียมไว้ก่อน”
ใต้เท้าราชเลขาพยักหน้ารับ ออกไปส่งทั้งสองคนออกจากจวนราชเลขาด้วยตัวเอง เห็นทั้งสองคนขี่ม้าออกไปไกลแล้ว จึงรีบกลับเข้าไปบอกข่าวดีกับฮูหยินราชเลขาทันที และเลือกเวลาเช้าของวันมงคลวันหนึ่ง
ฉู่เหวินเจี๋ยกับหวงฝู่อี้เซวียนกลับมาถึงจวนอ๋องฉี ได้บอกเงื่อนไขข้อเรียกร้องของราชเลขาให้พระชายาอ๋องหลินได้ทราบ
หลังจากที่พระชายาฉีได้ฟังก็รู้สึกประหลาดใจมาก เอ่ยถามขึ้นว่า “พวกเขายอมยกเลิกการแต่งงานไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ”
“เสด็จแม่ ท่านไม่คิดว่าราชเลขาหลินเดินหมากกระดานนี้ได้ดีหรือพ่ะย่ะค่ะ ให้คุณหนูหลินเป็นบุตรบุญธรรมของท่านน้า ต่อไปไม่เพียงแต่มีความเกี่ยวโยงกับจวนแม่ทัพเท่านั้น แม้แต่จวนของเราก็ยังต้องเกี่ยวพันด้วย ขว้างหินก้อนเดียวได้นกสองตัว” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าว
พระชายาฉีโบกมือ “ไม่ต้องสนใจว่าพวกเขามีจุดประสงค์อะไร ถึงอย่างไรก็รับปากที่จะยกเลิกการแต่งงานแล้ว เช่นนี้แล้วพวกเราจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจู่ๆ วันใดวันหนึ่งท่านลุงของเจ้าจะมีพระราชโองการให้พวกเจ้าแต่งงาน อีกอย่างต่อไปเจ้ากับแม่นางเมิ่งจะได้อยู่ด้วยกันอย่างสง่าผ่าเผย”
สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนไม่เป็นกังวล “หากไม่ได้คำนึงถึงข้อนี้ มีหรือที่ข้าจะยอมให้พวกเขาสมปรารถนาได้ง่ายๆ เช่นนี้”
พระชายาฉีกลับตื่นเต้นดีใจแทบแย่ กล่าวขึ้นว่า “ยกเลิกการแต่งงานได้ก็ดีแล้ว คราวนี้พวกเราก็รับรองต่อแม่นางเมิ่งได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาถึงจวน เฝิงจิ้งเหวินสองพี่น้องมาถึงก่อนแล้ว ชิงหลวนกำลังรับรองให้ดื่มชารออยู่ในห้อง พอเห็นนางกลับมาแล้ว สองพี่น้องก็ผุดลุกขึ้น เฝิงจิ้งเหวินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้ารู้ว่าท่านกำลังยุ่งอยู่ พวกเราค่อยมาหายามบ่าย”
“เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
เฝิงจิ้งเหวินไม่พูดพร่ำทำเพลง ล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างคุ้นเคย เตรียมพร้อมรับการรักษา
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบเข็มเงินออกมา แล้วก็ฝังลงไปทีละเข็มจนเสร็จ “อีกไม่กี่วัน ร่างกายของพี่สะใภ้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว”
นับตั้งแต่รู้ว่าตัวเองสามารถมีลูกได้อีกครั้ง เฝิงจิ้งเหวินไม่เพียงแต่ยิ้มมากขึ้น อารมณ์ก็ยังร่าเริงแจ่มใสขึ้นอีกมาก ได้ยินดังนั้นจึงกระซิบเสียงแผ่วเบาว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าก็กลับไปอยู่ที่จวนเหวินได้แล้วสิ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเย้านางเล่น “ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นลูกของท่านจะมาได้อย่างไรเล่า”
เฝิ่งจิ้งเหวินเขินอายสองแก้มแดงปลั่ง กล่าวว่า “น้องสาวล้อเล่นแล้ว ครั้งก่อนหลังจากที่ข้ากลับไปเยี่ยมท่านพี่ ก็รู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก ได้แต่ภาวนาให้อาการป่วยของข้าดีขึ้น แล้วจะสามารถกลับไปดูแลเขาได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยถามขึ้นว่า “อาการบาดเจ็บของเถ้าแก่เหวินยังไม่ดีขึ้นหรือ”
“ดีขึ้นแล้ว แต่เขามักจะประมาทเลินเล่อ ไม่รู้จักดูแลตัวเอง ข้าเป็นห่วงเขาจริงๆ” เฝิงจิ้งเหวินตอบเบาๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวล้อนาง “ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ของเถ้าแก่เหวินไปได้วาสนามาจากไหน ถึงได้แต่งงานกับพี่สะใภ้ที่ดีขนาดนี้ได้”
เฝิงจิ้งเหวินแก้มแดง พูดเสียงเบาว่า “น่าจะเป็นข้าเองที่มีวาสนา ถึงได้มาเจอกับเขาถึงจะถูกต้อง”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที กระเถิบเข้าไปใกล้นาง “พี่สะใภ้หมายความว่า พวกท่านมีเรื่องราวผูกพันกันมาก่อนหรือ”
เฝิงจิ้งเหวินพยักหน้า พูดเสียงเบาว่า “ในปีนั้นตอนที่ข้าอายุแปดขวบ ข้าออกไปเที่ยวเล่นกับท่านแม่ แล้วก็พลัดหลงกัน บังเอิญมีพ่อค้าเร่คนหนึ่งจะมาจับตัวข้าไปขาย เป็นท่านพี่ที่เข้ามาช่วยข้าโดยไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ เขายังได้รับบาดเจ็บจากเหตุนั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาข้าได้ตั้งสัตย์ไว้ว่าหากไม่ใช่เขาจะไม่ยอมแต่งงานตลอดจนชั่วชีวิต”
“ที่แท้ระหว่างพวกท่านยังมีเรื่องราวเช่นนี้ด้วย มิน่าเล่าตอนที่อยู่เมิงชิงซี ตอนที่เถ้าแก่เหวินเอ่ยถึงท่านขึ้นมาก็จะยิ้มไม่หุบเลย”
ใบหน้าของเฝิงจิ้งเหวินเต็มไปด้วยความสุข “หลังจากแต่งงานแล้วท่านพี่ก็ดีต่อข้ามาก แม้จะรู้ว่าข้าไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ก็ไม่ทอดทิ้งข้า”
ทั้งสองคนสนทนากันเสียงแผ่วเบา ทว่าเฝิงจิ้งซูกลับได้ยิน ยิ้มพร้อมกับเปิดโปงเฝิงจิ้งเหวินอีกว่า “พี่โยวเอ๋อร์ ท่านไม่รู้ วันนั้นหลังจากที่พี่ใหญ่เห็นพี่เขยได้รับบาดเจ็บ ก็ปวดหัวใจจนน้ำตาไหลออกมาในตอนนั้นเลย หากไม่ใช่เพราะว่ายังเป็นเด็กน้อยอยู่ล่ะก็ วันนั้นพี่สาวข้าก็จะตามพี่เขยกลับจวนเหวินให้ได้ เป็นเช่นนี้แล้ว พอกลับบ้านไปก็ไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวตั้งนาน”
เฝิงจิ้งเหวินพูดด้วยความโมโห “เจ้าเด็กบ้า ข้าก็แค่ปวดใจว่าพี่เขยเจ้าจะเป็นอย่างไรบ้าง รออีกหน่อยถ้าเจ้ามีน้องเขย เจ้าก็จะเป็นเหมือนกันนี้”
เฝิงจิ้งซูทำหน้าทะเล้น “ข้าไม่อยากมีสามีหรอก อยู่เฝ้าบ้านตลอดไป ให้ท่านพ่อท่านแม่ถนอมดีกว่า”
นั่นเป็นเพียงคำพูดอันบริสุทธิ์ของเด็ก เฝิงจิ้งเหวินจึงไม่ได้ตำหนิว่ากล่าวนาง
เฝิงจิ้งซูก็นั่งลงข้างเตียง ทั้งสามคนพูดคุยหยอกล้อกันจนสมควรแก่เวลา
เมิ่งเชี่ยนโยวดึงเข็มเงินออก เฝิงจิ้งเหวินสองคนพี่น้องพักผ่อนอยู่สักครู่ แล้วจึงนั่งรถม้ากลับไป
เงยหน้ามองท้องฟ้าตรงหน้า เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว คิดว่าหวงฝู่อี้เซวียนไปจวนราชเลขา ถ้าหากราบรื่นไม่มีอะไรติดขัดแล้วล่ะก็ อีกไปนานก็น่าจะกลับมาแล้ว ไม่รู้ว่าจะมาที่จวนของตนไหม ใช้ความคิดพริบตาเดียวก็หันหน้าไปที่ห้องครัว เตรียมลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง ถ้าหากเขานำข่าวดีมาด้วย จะได้ฉลองกับเขาเลย ถ้าหากไม่ ก็ถือว่าเป็นการปลอบใจเขา หรือถ้าเขาไม่มา วันนี้คนในบ้านก็มีวาสนาได้กินของอร่อยๆ แล้ว
แม่ครัวเห็นนางเดินเข้ามา ก็รู้ว่านางจะลงมือทำอาหารเอง เอ่ยปากถามว่า “นายหญิง วันนี้จะทำอาหารอะไรเจ้าคะ บ่าวจะได้เตรียมวัตถุดิบไว้ให้”
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกนางว่าต้องการทำอะไรบ้าง
แม่ครัวพับแขนเสื้อขึ้นและเริ่มหยิบเลือกผักมาล้าง
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้อยู่เฉยๆ เอาเครื่องปรุงที่ต้องการเตรียมออกมาไว้ใช้
นายหญิงใจดี ทุกครั้งที่ทำอาหารก็จะทำมากหน่อย ให้พวกนางเหล่าคนรับใช้กินอย่างอิ่มอร่อย ดังนั้นแม่ครัวจึงเตรียมออกมามากเป็นพิเศษ
—————————-