ตอนที่ 1982 หอคอยโยวหลิง (4)
อะไรก็ตามที่ทำให้คนต้องพึ่งพามัน จวินอู๋เสียจะรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่ามีบางอย่างผิดปกติ
จวินอู๋เสียกำลังคิดจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แต่อิงซู่บอกกับนางว่า “ถ้าเจ้านายอยากไปดูใกล้ๆ เกรงว่าท่านจะต้องไปคนเดียว ภายในขอบเขตที่กำหนดนอกหอคอยโยวหลิง วิญญาณที่ไม่ใช่วิญญาณมนุษย์ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างใน หากเราเข้าไปที่นั่น ก็มีแต่จะทำให้พวกยามเฝ้าของหอคอยโยวหลิงมาไล่เราออกไป”
เหตุผลที่วิญญาณเผ่าพันธุ์อื่นไม่พอใจวิญญาณมนุษย์นั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะการทำตัวมีอำนาจในบางพื้นที่
จวินอู๋เสียพยักหน้าและเดินเข้าไปคนเดียว
เมื่อเข้าไปใกล้อีกนิด จวินอู๋เสียก็สังเกตเห็นว่าหอคอยโยวหลิงถูกสร้างขึ้นจากก้อนหินที่สลักอักขระโบราณเอาไว้ทีละก้อนๆ อักขระโบราณเหล่านั้นดูคุ้นเคยมากสำหรับนาง จวินอู๋เสียเห็นอักขระโบราณแบบเดียวกับที่นางเคยเห็นในการเสริมวิญญาณด้วย!
หรือว่ามันคือการเสริมวิญญาณจริงๆ?
ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังงุนงงอยู่นั้น เมิ่งอีเหลียงกับคนของเขาก็กลับมาที่หอคอยโยวหลิงหลังจากเจอเรื่องน่าผิดหวังที่หุนหุนโหลว
“เอ๋?” เมิ่งอีเหลียงค่อนข้างเซ็งจากบัวน้อยและอิงซู่ เมื่อเห็นสาวงามผู้เลอโฉมปรากฏตัวที่ด้านนอกหอคอยโยวหลิง เขาก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันที
“แม่นางน้อย เจ้ามาแล้วหรือ? เป็นยังไง หอคอยโยวหลิงดูดีมากเลยใช่ไหม?” เมิ่งอีเหลียงยิ้มอย่างที่คิดว่าหล่อที่สุด และเดินเข้าไปยืนข้างๆจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียเหลือบมองเขาและไม่พูดอะไร การดูหมิ่นหยาบคายที่เมิ่งอีเหลียงแสดงต่อน่าหลานเยว่ที่หุนหุนโหลว ทำให้จวินอู๋เสียรังเกียจคนผู้นี้มาก เมื่อเห็นเขาพูดกับนาง นางก็แค่ชำเลืองมองแวบเดียว แล้วไม่พูดอะไรสักคำ
เมิ่งอีเหลียงไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ อย่าว่าแต่จวินอู๋เสียชำเลืองมองเขาแค่แวบเดียวเลย ด้วยความงามชนิดที่ล่มบ้านล่มเมืองเช่นนี้ ต่อให้ถลึงตาใส่ เมิ่งอีเหลียงก็ใจเต้นรัวอยู่ดี
วิญญาณมนุษย์ที่สามารถเข้ามาในโลกวิญญาณได้นั้น ส่วนใหญ่เป็นคนที่แข็งแกร่งมากในตอนที่มีชีวิตอยู่ และมีพลังวิญญาณที่มั่นคง ในบรรดาคนพวกนี้ ผู้หญิงมีจำนวนน้อยกว่ามาก และกว่าจะบรรลุพลังถึงขั้นนั้นได้ ส่วนใหญ่ก็อายุมากแล้ว คนที่อายุน้อยและงดงามอย่างจวินอู๋เสียมีอยู่น้อยยิ่งกว่าน้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่หน้าตาโดดเด่นพอๆกับจวินอู๋เสียเลย หายากเหมือนขนฟีนิกซ์เขามังกรนั่นแหละ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่หัวใจเมิ่งอีเหลียงจะหวั่นไหว
เมิ่งอีเหลียงไม่รู้สึกถึงความเย็นชาเฉยเมยที่จวินอู๋เสียมีต่อเขาเลยแม้แต่น้อย เขาพูดต่อไปว่า “พลังที่เพิ่มขึ้นที่เจ้าจะได้รับจากการฝึกที่หอคอยโยวหลิงนั้นเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้ สถานที่นี้มีประโยชน์มากกว่าที่น่าหลานเยว่จะทำได้ ข้ายังไม่รู้ว่าจะเรียกแม่นางน้อยว่าอย่างไร ข้าชื่อเมิ่งอีเหลียง เป็นลูกศิษย์ของท่านวิญญาจารย์อูจิ่ว เจ้ารู้จักท่านวิญญาจารย์อูจิ่วไหม? เขาคือคนที่ทรงพลังที่สุดในหมู่วิญญาณมนุษย์ ท่านจ้าววิญญาณไว้วางใจอาจารย์ของข้ามาก หอคอยโยวหลิงนี่ก็เป็นความคิดของอาจารย์ข้า ท่านจ้าววิญญาณไม่เพียงเห็นด้วย ท่านยังให้อำนาจอันยิ่งใหญ่แก่อาจารย์ของข้าด้วย”
เมิ่งอีเหลียงพยายามสร้างภาพให้ตัวเองดูเป็นคนสำคัญต่อหน้าจวินอู๋เสีย เขาอ้างชื่ออูจิ่วซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าในสายตาของจวินอู๋เสียนั้น คนที่ทำตัวเหมือนสุนัขข่มขู่ผู้อื่นด้วยชื่อของอาจารย์มันน่ารังเกียจเพียงใด
เมื่อยังไม่ได้คำตอบจากจวินอู๋เสีย เมิ่งอีเหลียงก็อดกระวนกระวายขึ้นมาไม่ได้ เขาสังเกตเห็นว่าจวินอู๋เสียเอาแต่จ้องมองหอคอยโยวหลิง ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวของเมิ่งอีเหลียง เขาเดินไปยืนตรงหน้าจวินอู๋เสียและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอยากเข้าไปในหอคอยโยวหลิงงั้นหรือ? บังเอิญจริง ข้าก็กำลังจะเข้าไปในหอคอยเพื่อฝึกพลังพอดี ถ้าเจ้าอยากเข้าไปข้างใน ข้าสามารถพาเจ้าเข้าไปกับข้าได้โดยไม่ต้องต่อแถวรอ”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น จวินอู๋เสียก็บังคับตัวเองให้หันไปมองเมิ่งอีเหลียงนิดนึงก่อนจะพยักหน้า
ตอนที่ 1983 หอคอยโยวหลิง (5)
ในที่สุดก็ได้คำตอบจากจวินอู๋เสีย เมิ่งอีเหลียงยิ้มและคิดในใจว่า
[แม้แต่สาวงามก็ไม่อาจหนีจากความล่อใจของพลังได้ ในที่สุดนางก็ยังต้องพึ่งพาเขาเพื่อเข้าไปในหอคอยโยวหลิงใช่ไหมล่ะ?]
“เช่นนั้น ข้าขอทราบชื่อของแม่นางน้อยได้หรือไม่?” เมิ่งอีเหลียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จวินอู๋เสีย”
“จวินอู๋เสีย เป็นชื่อที่ดีจริงๆ” เมิ่งอีเหลียงยิ้มอย่างมีความสุข “ถ้าอย่างนั้น อู๋เสีย เชิญเจ้าเข้ามาในหอคอยโยวหลิงกับข้า ข้าเชื่อว่าเมื่ออยู่ในหอคอยโยวหลิง ไม่นานเจ้าก็จะเป็นเหมือนข้า มีร่างกายเป็นตัวเป็นตน”
จวินอู๋เสียเหลือบมองเมิ่งอีเหลียง ไม่สนใจการชมตัวเองของเขา แค่เดินไปกับเขาจนถึงหน้าประตูหอคอยโยวหลิง
ที่ด้านนอกหอคอยโยวหลิงมีชายสองคนสวมชุดเกราะยืนเฝ้าอยู่ เมิ่งอีเหลียงนำจวินอู๋เสียเดินไปทางพวกเขาและพยักหน้าให้พวกเขา
“ศิษย์พี่เมิ่ง” ชายสองคนนั้นรีบทักทายทันทีที่เห็นเมิ่งอีเหลียง
เมิ่งอีเหลียงพยักหน้าเล็กน้อย “เปิดประตู”
“ขอรับ”
ประตูหอคอยโยวหลิงเปิดออกต่อหน้าต่อตาจวินอู๋เสีย ประตูเพิ่งเปิด พลังวิญญาณก็พุ่งออกมาจากภายในหอคอยอย่างรุนแรง พลังที่แฝงความอบอุ่นเล็กน้อยกระทบใบหน้าของพวกเขา วิญญาณมนุษย์ที่อยู่หน้าแถวอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาและถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกสบาย
“เข้าไปกันเถอะ” เมิ่งอีเหลียงพูดกับจวินอู๋เสีย แล้วจวินอู๋เสียก็ก้าวเข้าไปข้างใน
เมื่อพวกวิญญาณที่ต่อแถวกันอยู่นอกประตูเห็นคนลัดคิวเข้าไป ใครบางคนก็เริ่มโวยวายออกมาด้วยความไม่พอใจทันที
“พวกเจ้าเข้าไปแบบนั้นได้ยังไง!”
“ชายคนนั้นคือลูกศิษย์ของท่านวิญญาจารย์อูจิ่ว หอคอยโยวหลิงนี้ท่านวิญญาจารย์เป็นผู้สร้างขึ้น ศิษย์ของท่านก็ย่อมมีสิทธิ์เข้าไปก่อนน่ะสิ” คนเฝ้าประตูกล่าวเย้ยหยัน
คำพูดพวกนั้นเข้าหูจวินอู๋เสียทุกคำ เมิ่งอีเหลียงคิดว่าตนได้หน้าต่อหน้าจวินอู๋เสีย รอยยิ้มของเขาจึงสดใสขึ้น
ภายในหอคอยโยวหลิง ลูกไฟวิญญาณลุกไหม้อยู่ทุกหนทุกแห่ง ลูกไฟวิญญาณหมุนวนอยู่ภายในอาคารอันกว้างใหญ่ของหอคอย ที่ชั้นหนึ่งมีคนนั่งอยู่บนพื้นจำนวนมาก ลูกไฟวิญญาณจำนวนมากล้อมรอบร่างกายของพวกเขา ทุกคนต่างหลับตา สีหน้ามีความสุข ดูราวกับเสพติดการฝึกเช่นนี้และเพลิดเพลินกับทุกช่วงเวลาของมัน
จวินอู๋เสียแอบบันทึกทุกอย่างที่เห็น สายตาของนางกวาดมองไปยังกำแพงรอบๆ มีอักขระโบราณเสริมวิญญาณสลักอยู่ในกำแพงพวกนั้นมากขึ้น อักขระโบราณที่ใช้ในการเสริมวิญญาณก่อตัวเป็นลวดลายขนาดใหญ่จากกำแพงสู่พื้น บรรจบกันทั้งสี่ด้านจนถึงตรงกลางพื้น ดูแปลกประหลาดมาก
“ที่ตรงนี้เป็นที่ที่คนทั่วไปฝึกกัน ในหอคอยโยวหลิง ยิ่งขึ้นสูงเท่าไร พลังของวิญญาณก็จะยิ่งเข้มข้นและแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ก่อนที่หอคอยโยวหลิงจะถูกสร้างขึ้น เราทุกคนได้แค่กอดลูกไฟวิญญาณเพียงลูกเดียวเพื่อฝึกฝน แต่ที่นี่ไฟวิญญาณมีมากกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้ ไฟวิญญาณช่วยขัดเกลาวิญญาณของเราได้อย่างมาก ในหอคอยโยวหลิงนี่ ยิ่งขึ้นไปชั้นสูงๆ จำนวนไฟวิญญาณก็จะเพิ่มขึ้นด้วย พลังของวิญญาณก็เข้มข้นขึ้น มีเพียงศิษย์ของอาจารย์ข้าเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนในชั้นที่สิบเอ็ดและสิบสองของหอคอยโยวหลิงได้” เมิ่งอีเหลียงรู้สึกพอใจในตัวเองมาก เขาคุยโม้ต่อหน้าจวินอู๋เสียไม่หยุด
เขาไม่รู้ตัวเลยว่า อิงซู่และบัวน้อยที่เฝ้ามองจากนอกหอคอยโยวหลิงนั้น เห็นแล้วว่าเมิ่งอีเหลียงพยายามเข้าใกล้จวินอู๋เสียอย่างไร สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่จวินอู๋เสียขณะที่นางเดินเข้าไปในหอคอยพร้อมกับเมิ่งอีเหลียง แล้วมุมปากของอิงซู่ก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันโดยไม่รู้ตัว
“ข้าชักอยากจะรู้แล้วสิว่า ถ้าจักรพรรดิแห่งความมืดรู้ว่ามีใครบางคนตามจีบเจ้านาย เขาจะซัดวิญญาณของคนผู้นั้นจนแตกสลายคามือเลยรึเปล่า”
คนที่กล้าเป็นปฏิปักษ์กับจวินอู๋เสียต้องประเมินตัวเองให้ดีๆก่อน!
ตอนที่ 1984 หอคอยโยวหลิง (6)
ภายในหอคอยโยวหลิง เมิ่งอีเหลียงยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรนหาที่ตายอยู่ เขาอวดสถานะของตัวเองในฐานะศิษย์ของวิญญาจารย์ต่อหน้าจวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้มสดใสต่อไป
ยิ่งขึ้นจากชั้นหนึ่งหอคอยโยวหลิงสูงขึ้นไป ไฟวิญญาณก็ยิ่งมีจำนวนมากขึ้น พลังของไฟวิญญาณก็เข้มข้นและแข็งแกร่งมากขึ้น ยิ่งขึ้นชั้นสูงเท่าไร คนก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
เมื่อพวกเขามาถึงชั้นห้า จำนวนคนก็ลดลงครึ่งหนึ่งแล้ว เมิ่งอีเหลียงแอบชำเลืองมองจวินอู๋เสียแล้วก็เกิดความสงสัยขึ้นในใจ วิญญาณใหม่ต้องการพลังวิญญาณอย่างเร่งด่วนมากที่สุด แต่ในทางกลับกัน เนื่องจากเป็นวิญญาณใหม่ที่เพิ่งก่อตัว จึงเปราะบางอย่างมาก ไม่สามารถอยู่ในหอคอยโยวหลิงได้นาน เนื่องจากพลังวิญญาณในนี้เข้มข้นเป็นพิเศษ สำหรับวิญญาณใหม่ที่เพิ่งมาถึงโลกวิญญาณ อย่างมากก็ขึ้นได้ถึงชั้นสามเท่านั้น หากขึ้นไปสูงกว่านั้น ความเข้มข้นของพลังวิญญาณในชั้นเหล่านั้นจะทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดไม่สบาย และอาจถึงขั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณของพวกเขาได้
แต่เมิ่งอีเหลียงพาจวินอู๋เสียขึ้นมาถึงชั้นห้าแล้ว ก็ยังไม่เห็นจวินอู๋เสียแสดงอาการอะไรออกมาเลย ดูเหมือนนางไม่ได้รับผลกระทบจากพลังวิญญาณที่เข้มข้นรอบตัวพวกเขาเลยสักนิด
“แค่ก ยิ่งสูงขึ้นไป พลังวิญญาณก็ยิ่งแรงขึ้น ถ้าเจ้ารู้สึกไม่สบายก็บอกข้าได้ ไม่ว่าเจ้าอยากไปที่ชั้นไหน ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง” เมิ่งอีเหลียงเอ่ยปากเพราะคิดว่าจวินอู๋เสียไม่เข้าใจสถานการณ์
จวินอู๋เสียแค่พยักหน้า แต่ไม่ได้แสดงอะไรออกมาอีก
มุมปากของเมิ่งอีเหลียงกระตุก เมื่อเขามองไปที่จวินอู๋เสีย ก็พบว่านางไม่ได้ดูอึดอัดไม่สบายแต่อย่างใดเลย สถานการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน วิญญาณใหม่เอี่ยมแกะกล่องขึ้นมาถึงชั้นห้าโดยไม่รู้สึกอึดอัดไม่สบายเลยสักนิดได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
อันที่จริง จวินอู๋เสียไม่เพียงไม่รู้สึกอึดอัด แต่นางกลับดูดซับพลังวิญญาณที่เข้มข้นของที่นั่นได้อย่างรวดเร็วมาก ทุกๆนาทีที่นางอยู่ในหอคอยโยวหลิง นางรู้สึกราวกับว่ากระแสพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดกำลังไหลเข้าสู่วิญญาณของนาง เติมเต็มวิญญาณที่ว่างเปล่าของนางอย่างรวดเร็ว
ด้วยความเร็วที่บ้าคลั่งขนาดนี้และไม่ต้องการการฝึกฝนใดๆ เหมือนกับว่านางแค่ยืนอยู่เฉยๆในหอคอยโยวหลิงก็เพียงพอแล้ว
จวินอู๋เสียเดินตามเมิ่งอีเหลียงขึ้นไปข้างบนเรื่อยๆ จากนั้นนางก็ก้มลงมองมือของตัวเองและเห็นว่ามือทั้งสองที่เคยโปร่งแสงมีรูปร่างมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น จวินอู๋เสียก็เริ่มมีร่างกายขึ้นมาแล้ว
ความเร็วดังกล่าวน่าตกใจมาก แต่จวินอู๋เสียไม่รู้สึกดีใจแม้แต่น้อย พลังที่ได้รับมาโดยไม่ต้องฝึกฝนเป็นสิ่งที่เกินจริงมากเกินไป
เมิ่งอีเหลียงยืนตะลึงมองจวินอู๋เสียเดินขึ้นไปที่ชั้นสิบสอง เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสิบสอง จะเห็นลูกไฟวิญญาณขนาดมหึมาหนึ่งลูก ตลอดทั้งชั้นมีลูกไฟวิญญาณเพียงลูกเดียวเท่านั้น แต่ขนาดของมันใหญ่เกินกว่าลูกไฟวิญญาณทั้งหลายที่เคยเห็นมา มันใหญ่มากจนขอบด้านหนึ่งติดกับหลังคา และขอบอีกด้านติดกับพื้น นางเพิ่งก้าวขึ้นมาก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งตรงเข้ามา
ที่ด้านล่างลูกไฟวิญญาณขนาดมหึมานั่น มีอักขระโบราณเสริมวิญญาณล้อมรอบเปลวไฟเป็นวงกลม โดยมีอักขระโบราณเส้นบางๆยื่นออกมาจากวงกลมในสิบสองทิศทางจนถึงขอบผนัง
ข้างๆลูกไฟวิญญาณมีวิญญาณมนุษย์สองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกัน พวกเขากำลังหลับตาฝึกฝน เมื่อเมิ่งอีเหลียงก้าวขึ้นมาถึงชั้นสิบสอง สีหน้าของเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขากำลังรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย เขามองจวินอู๋เสียที่ยืนเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไรอย่างตกตะลึง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความงงงวย
นี่มันชั้นสิบสองแล้วนะ!