” ไม่ พี่ใหญ่  แต่ศิษย์น้องของท่านชื่นชมในความรู้สึกของท่าน “

ลี่โย่วหลาน ดูเหมือนเจ็บปวดขณะเขาพยักหน้า

” ท่านพี่ รู้หรือไม่ ?  เมื่อข้าหลับในยามราตรี … ข้าเห็นศิษย์พี่ทั้งสี่ยืนตรงหน้า  พวกเขาชุ่มโชกด้วยเลือด และรอยแผล  ข้า … ข้า … ข้า … ลี่โย่วหลาน ละอายที่ต้องพบหน้าพวกเขา !  องค์ชายสองจักใช้ทุกสิ่งเพื่อคุ้มกันหน้าไม้นี้มายังนครหบวง  มียอมฝีมือลับมากมายเกินกว่าจะนับ  หากมีสิ่งเลวร้ายเกิดแก่ท่าน น้องเล็ก…อาจต้อง…ตาย ! “

 

จวินโม่เซี่ยมิอาจกลั้นการสถบในใจเมื่อเขาได้ยินเสียงถอนใจด้วยอารมณ์เหล่านั้น

อะไร ?!  อะไร ?!  ลี่โย่วหลานผู้นี้ช่างอวดเก่ง !  เป็นเลิศยิ่ง !  คนผู้นี้อาจเอาชนะข้าได้ …

 

เจ้าบอกพวกเขาด้วยเหตุใด หากมิใช่เพราะต้องการให้ทำบางสิ่ง ?  เจ้าเพิ่งบอกพวกเขาถึงเหตุผล และภัยของการกระทำนี้  และเจ้ายังบอกว่าเจ้าไม่อยากเข้าร่วม …

 

แต่พวกเขาจักไม่หยุด แม้นว่าเจ้าจะพยายามห้ามสักเพียงใด  พวกเขาประทับใจเมื่อเจ้าเอ่ยว่าไม่ต้องการให้พวกเขาไป … ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาอาจจะไปโดยไม่บอกเจ้า  อุบายนี้ช่างแยบยล !  ก่อนหน้านี้ข้าดูหมิ่นเด็กเหลือขอเช่นนี้ ?!

 

เจ้าประสงค์ใช้พวกเขาเป็นตัวเบี้ยในกระดาน  แต่เจ้าต้องการให้พวกเขาไปโดยสมัครใจ  เจ้าต้องการทำให้พวกเขารู้สึกเป็นหนี้เจ้า และเจ้าประสงค์จะให้พวกเขารู้สึกว่า การเป็นห่วงพวกเขาคือปัญหาใหญ่ของเจ้า …

 

เจ้าเป็นคนใจร้อนและสับสนใจเวลาเดียวกัน  เจ้าแสร้งทำเหมือนเป็นจริงทั้งที่หลอกลวง

 

เป็นเช่นนั้นแท้จริง !

 

” เป็นไปได้เช่นไร ? “

สามเสียตะโกนขึ้นพร้อมกัน

” พวกเราจักนิ่งเฉยเมื่อเห็นสกุลของศิษย์น้องต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตรายได้เช่นไร ?  เช่นนั้นพวกเราเป็นสิ่งใด ?  ศิษย์น้องให้พวกเราเป็นคนแบบใด ?  พวกเราจักสบายใจเมื่อ สกุลลี่ ได้ครอบครองหน้าไม้เหล่านั้น  เรื่องนี้มิจำเป็นต้องใคร่ครวญให้มาก มันถูกตัดสินใจไปแล้ว เมื่อถึงเวลา พวกเราทั้งสามจักลงมือ !  พวกเราจักเอาหน้าไม้ เอ็นอสูรเชวียนมาเพื่อ ลี่โย่วหลาน พวกเราจักส่งมันให้เจ้ากับมือ  หากน้องลี่ยังไม่สะบายใจ … เช่นนั้นส่งคนของเจ้าไปเพื่อสนับสนุนพวกเรา ! “

 

” พี่ใหญ่… พี่สอง … พี่หญิง … “

ลี่โย่วหลาน ดูราวไร้วาจา  แต่ ดูเหมือนเขาเด็ดเดี่ยวมากขึ้น

” แต่ น้องของท่านจะตอบเช่นไร ?  … ข้า … น้องชายพวกท่านช่างละอาย .. และข้าไม่สะบายใจ … “

 

” บุรุษแสดงท่าที่ลังเล ?! เจ้ากำลังทำสิ่งใด ?  เจ้าแน่วแน่แล้ว แต่เหตุใดไม่ไปที่นั่น ? “

เสียงอันเด่นชัดนี้เป็นของหญิงสาว

” น้องลี่ ! เหตุใดเจ้าไม่ให้พวกเราไป  เจ้าต้องการให้พวกเราเฝ้ามอง ในเวลาที่สกุลของเจ้าก้าวเข้าสู่หายนะ ? “

 

” ท่านอาจารย์เมตตายิ่ง  ข้าไม่ปล่อยให้ท่านพี่สาว และท่านพี่ ก้าวเข้าสู่หายนะเป็นแน่ !

ลี่โย่วหลาน ได้ยินคำพูดเหล่านี้  ดูคล้ายเขาขบฟันแน่วแน่

 

” เรื่องนี้เล็กน้อย ! “

ศิษย์พี่ทั้งสามตะโกนและทุบโต๊ะด้วยโทสะ  จากนั้น เล่ยเจียนฮ้ง เริ่มเอ่ย

” น้องลี่ พวกเราจักไม่ยอมรับเจ้าเป็นศิษย์พี่น้อง หากเจ้ายังเอ่ยวาจาดูหมิ่นพวกเราเช่นนี้ !  ข้าจะเตะก้นเจ้า  และไม่หันมาดูเจ้าอีก ! “

 

ราวกับ วีรบุรุษก้าวขึ้นจุดสูงสุด  ราวกับรู้สึกว่า ทั้งสองฝ่านปฏิบัติต่อกันอย่างจริงใจ

 

คุณชายน้อยจวิน ยังคงหลบซ่อนอยู่ในผิวดิน  เขาเกือบหัวเราะลั่น

อะไรกัน ?  เล้ยวูเบ้ย สั่งสอนขยะแบบใดกัน ?  เล้ยวูเบ้ยไม่สมัครใจจะลงมือด้วยตัวเอง ?

 

” หากเป็นเช่นนี้ .. ท่าน .. พี่ใหญ่ … จะต้องระวังตัว ! “

คำพูดของ ลี่โย่วหลาน ไม่ชัดเจน  ราวกับเขาสำลักอารมณ์

” ข้าขอให้ท่านระวังตัวให้มาก  ไม่สำคัญว่าข้าจักได้หน้าไม้มาหรือไม่ .. ท่านจักต้องกลับมาอย่างปลอดภัย !  ข้าจักให้กองกำลังจำนวนมากติดตามพวกท่านไป  โปรดอย่าได้ตระหนี่ในกำลังพล  และข้าไม่สนใจหากต้องสังเวยพวกเขา เพื่อให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย  ท่านจักต้องไม่พะวงในการสูญเสีย ! “

 

” อุ่นใจได้ พวกเราจักจัดการทุกสิ่ง  เตรียมตัวสำหรับข่าวดีไว้ น้องชาย ! “

ทั้งสามตบหน้าอกตัวเอง  พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกกล้าหาญ ซึ่งสามาถทำให้พวกเขาสละชีวิตเพื่อเพื่อนได้

 

จวินโม่เซี่ย มิได้หัวเราะในครั้งนี้  เขากลับถอนใจล้ำลึกแทน

ดูเหมือนว่าพวกเขาจักพยายามช่วย ลี่โย่วหลาน ชัดเจนว่า ลี่โย่วหลาน ล้างสมองทั้งสามแล้ว ..

 

ศิษย์คนโต และอีกสอง กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเวทนา ! ไม่ประหลาดใจ ที่ห้ายอดฝีมือนี้ ก่อให้เกิดผลที่เลือดเย็นเช่นนั้นเมื่อ เข้าล้อมและต่อสู้กับ อยี่กู้ฮั่น ผู้อยู่ลำพัง !

 

ผู้ที่ไร้ความฉลาดน่าสมเพชยิ่ง !

 

” ขอบคุณมากท่าพี่ ท่านพี่สาว !  จากข้อมูลข้า ข้าเชื่อว่าหน้าไม้เหล่านั้นจักมาถึงนอกนครหลวงในสามวัน  พวกเราจักเคลื่อนไหวเมื่อถึงเวลา ! “

คาดได้ว่า ลี่โย่วหลาน จักต้องโค้งคำนับก่อนเอ่ยรายละเอียดแผนการ

 

ทุกสิ่งชัดเจนแก่จวินโม่เซี่ย เมื่อเขาได้ฟังพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง  เขาไม่ประสงค์จะฟัง ลี่โย่วหลานเล่นกับคนโง่เหล่านี้  ยิ่งไปกว่านั้น เขาคิดแผนการใหม่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ..

 

แน่นอน .. ไว้หนหลัง

 

เวลานี้ต้องสังหารใครบางคนแล้ว  มือสังหารจวินไม่ลืมจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่  การได้ฟังเรื่องสำคัญนี้มิได้ ขัดขวางแผนการสังหารของ จวินโม่เซี่ย

 

เขาขึ้นเหนือพื้นอย่างเงียบๆ และพบว่าตัวเองอยู่กลางลานอันว่างเปล่า

 

จวินโม่เซี่ย เงยขึ้นและตระหนักได้ว่า ที่เขามิอาจระบุถึง ห้องแผนการหลัก ของสกุลลี่ได้ เนื่องจากมันอยู่ด้านนอกจวนสกุลลี่ เป็นพื้นที่ถัดไปจากจวน

 

เช่นนั้นเอง !

 

จากนั้นเขาหันไปขณะได้ยินเสียงผู้หนึ่งใคร่ครวญ ราวกับเขากำลังเจ็บปวด  มาจากด้านข้าง  ห้องนี้ห้อมล้อมด้วยไผ่เขียว  ปากจวินโม่เซี่ยโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มขณะเขาเข้าไปในห้องนั้น ราวสายฟ้า

 

ห้องอบอวลด้วยกลิ่นยา  ศิษย์สามคนทอดตัวอยู่บนฟูกอ่อนนุ่มภายในห้อง  พวกเขามิอาจขยับตัว เว้นแต่กระตุกเป็นครั้งคราว  และดูราวกำลังสิ้นใจ

 

อ่าห์ !  น่าเวทนาที่ได้เห็นพวกเจ้าเจ็บปวด ท่านพี่  ให้น้องเล็กผู้นี้ทำให้ท่านเป็นอิสระจากโลกที่ต้องทนทุกข์นี้เถิด !

จวินโม่เซี่ยถอนใจเวทนา จากนั้น กระบี่ขนาดใหญ่บนผนัง ซึ่งอาจเป็นของหนึ่งในสามผู้นี้ ลอยขึ้นรวดเร็ว  จากนั้นกระบี่เริ่มเคลื่อนไปดั่งมีดหั่นเนื้อ …

 

” ฉึบ !  ฉึบ !  ฉึบ ! “

 

ทั้งสามได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการ ต่อสู้ อัศจรรย์ที่พวกเขาสามารถยืนหยัดได้นาน  แต่ไม่ล่าช้าไปกว่าชั่วงหนึ่งลมหายใจหากพวกเขาประสงค์จะต่อต้านโชคชะตา

 

เลือดและเนื้อสาดกระจาย …

 

เหลือเพียงศิษย์หกซึ่งรวดเร็ว  เขาเพ่งมองไปอย่างสงสัยเมื่อเห็นกระบี่ลอยไป  มิอาจเชื่อในสายตาในทีแรก  จากนั้น เขาเห็นมันเคลื่อนลงมาบนร่างของ ศิษย์พี่และน้องที่นอนอยู่ด้านข้างราวสายฟ้า  เขาสัมผัสได้ถึงโชคชะตาเมื่อเห็นหัวของพวกเขาถูกตัดออกจากร่าง และกลิ้งไปดั่งแตงโม  เขาหวาดกลัวยิ่งจากสิ่งที่เห็น  เขากำลังจะกรีดร้อง แต่มีบางสิ่งที่มองไม่เห็นปิดปากของเขาไว้ จนมิอาจตะโกนได้  สิ่งที่ปิดปากเขาไว้ดูคล้าย มือ  มันอุ่น  แต่ เหตุใดจึงมองไม่เห็น ?

 

เหตุใดจึงไม่เห็น ?  โลกนี้มีภูติผีจริงหรือ ?

…. เขากำลังคิดถึงส่ิงนี้เมื่อเห็นกระบี่สับลงมาที่คอของเขา …

 

จวินโม่เซี่ยยั้งมือหลังจากตัดเสร็จ และหยิบเศษผ้าขึ้นมาอย่างเยือกเย็น  เลือกปกคลุมทุกที่  เขายิ้มชั่วร้าย และโน้มตัวขณะเอาเศษผ้าจุ่มลงไปที่เลือด และ เขียนข้อความลงบนผนัง

” ข้ามิได้พอใจหลังจากสังหารสามคนนั้นไป  เช่นนั้นข้าจึงสังหาร สามนนี้ด้วย  แต่พวกเขากำลังจะตายแล้ว … ข้าจักพอใจได้เช่นไร ?  รอก่อน ข้าจักจัดการกับอีกสามคนที่เหลือ  หากข้ายังไม่พึงพอใจ เมื่อนั้นจะเป็นเวลาของเจ้า ปรมาจารย์เลือดเย็นที่รักของข้า วูเบ้ย … “

 

แต่เขาไม่พอใจกับภัยคุกคามนี้  ดังนั้น จึงเขียนเพิ่งไปอีกเล็กน้อย  เขาออกจากห้องเมื่อพึงพอใจในผลงาน

 

ระยะระหว่างห้องด้านข้าง และตำแหน่งของ ลี่โย่วหลานไม่เกิน สามสิบหลา  มือสังหารจวินใช้เคล็ดวิชาเพิ่มความเร็วและลงมืออย่างว่องไว  เขาสามารถสังหารทั้งสามได้โดยไร้การขัดขืน  การลงมือของเขาไร้เสียงใด มีเพียงแต่เสียง ฉึบ ฉึบ ฉึบ … และทุกสิ่งจบลง  นี่คือฝีมือพื้นฐานสำหรับมือสังหารที่ดี ไม่ถือว่ามีสิ่งใดอัศจรรย์

 

นอกจากนี้ … กระบี่เล่มนี้คมยิ่ง …

 

เขามั่นใจว่าหากผู้ใดได้ยิน .. พวกเขาจะคิดว่าเป็นเสียงผายลม  ดังนั้น จึงไม่มีผู้ได้รู้ว่า เหล่าผู้ที่อยู่ในห้องเล็กนั้นหลดพ้นจากความทรมาณและไปยังสวรรค์เมื่อจวินโม่เซี่ย ทำงานสำเร็จลง …

 

มือสังหารจวิน เพ่ิงจะออกจากลานนั้น เมื่อเขาเห็นเงาร่างของชายผู้หนึ่งลอยตรงมาทางเขา  มือเขาเปรอะเปื้อน  การเคลื่อนไหวสงบนิ่ง ไม่เร็วหรือช้าเกินไป  เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับพบเจอความยุ่งยากบางอย่าง ..

 

ชื่อของเขาสามารถสั่นสะเทือนทั่วหล้า เขาคือ ปรมาจารย์เลือดเย็น เล้ยวูเบ้ย

 

ตาเฒ่าชั่ว เจ้ามาช้าไป !

จวินโม่เซี่ย ยิ้มโหดร้าย และ จงใจพุ่งทะลุเขาไป

 

ขณะที่จวินโม่เซี่ยกำลังพุ่งผ่านเขา คล้ายว่า เล้ยวูเบ้ย สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง  ท่วงท่าของเขาไม่เปลี่ยนแปลง แต่เขาปลดปล่อยพลังปราณออกมาภายในเสี้ยววินาที และมันระเบิดออก

 

จวินโม่เซี่ย สัมผัสได้ถึงปราณอันทรงพลังอย่างรวดเร็วและเริ่มเศร้าใจ  จวินโม่เซี่ย แลบลิ้นล้อเลียน และเข้าไปใน เจดีย์หงส์จวิน

 

เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถซ่อนตัวจากเจ้าได้ ?  ตอนนี้ข้าอยู่นี่ .. หากประสงค์ ก็ลองค้นหาข้าสิ

 

แต่ ไม่มีผู้ใดเคยสัมผัสการมีอยู่ของข้าได้เช่นนี้  เหตุใด เล้ยวูเบ้ยจึงสามารถ ?

จวินโม่เซี่ยเข้าไปใน เจดีย์หงส์จวิน และครุ่นคิด  หรือ เคล็ดอิสระหยินหยางจะมีข้อบกพร่องบางอย่าง ?

 

หรือเป็นไปได้ว่า ปรมาจารย์ผู้นี้บำเพ็ญขั้นสูงจนสามารถสัมผัสข้าได้ ?

จวินโม่เซี่ยนึกได้ว่าเขาเพิ่งสังหารคนไป  หมายความว่าในร่างของเขาจักเต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

เขาคาดว่า เล้ยวูเบ้ย จักต้องสัมผัสได้ถึง จิตสังหารที่อันตราย ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นอายของเขายังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกต่อต้าน เล้ยวูเบ้ย ทันใดนั้น จวินโม่เซี่ยจึงตระหนักได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นเรื่องสามัญ

 

เช่นนั้น ข้าสามารถหลบซ่อนได้อย่างง่ายดาย เมื่อข้ามิได้มีความเกลียดชัง หรือจิตสังหาร แต่ ข้าอาจพลาดเมื่อมีอารมณ์เช่นนั้น ชัดเจนว่าเขาได้ละเลิกความคิดที่จะลอบสังหาร ยอดปรมาจารย์ไป …