การอนุมานของมือสังหารจวินสมเหตุผล  แต่ค่อนข้างสะเปะสะปะ ไปเสียหน่อย

 

เคล็ดอิสระหยินหยาง เป็นเคล็ดหลบหนีที่อัศจรรย์  ยิ่งกว่านั้น แม้แต่ แปดยอดปรมาจารย์ ก็มิอาจติดตามจวินโม่เซี่ยได้  แต่ เคล็ดอิสระหยินหยาง มิได้ใช้ธาตุทั้งห้าในเวลาเดียวกัน  เมื่อทำการหลบซ่อน พวกเขายังสามารถถูกค้นพบได้เนื่องจากมิได้กลายเป็นความว่างเปล่า  เคล็ดวิชอาจก่อให้เกิดลมที่ผิดปกติ ในมุมนี้เคล็ดวิชานี้จึงมิได้ผิดปกติมากนัก  ความจริงแล้ว มันค่อนข้างสามัญ  ผู้คนนั้นเวลาเดินไปใหนจักมีลมก่อตัวขึ้นรอบตัวอยู่เสมอ

 

ผู้คนส่วนใหญ่สามารถสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้

 

แต่ เล้ยวูเบ้ยคือผู้ใด ?  เขาไม่ควรถูกขนาดนาม หากไม่สามารถตรวจจับสิ่งนี้ได้

 

เขาสามารถสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของอากาศได้ในนาทีสุดท้ายอย่างง่ายดาย  แต่ สถานการณ์ตอนนั้นประหลาดยิ่ง  เขามิเคยสัมผัส จิตสังหาร ที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน  เขาบอกได้ว่า ความแข็งแกร่งของผู้ที่ให้กำเนิดมันขึ้นมา ล้ำลึกยิ่ง  ดังนั้น เล้ยวูเบ้ยจึงปลดปล่อย ปราณอันทรงพลังเพื่อปกป้องตัวเอง

 

แต่ เล้ยวูเบ้ย มิอาจสัมผัสมันได้อีก เมื่อ จวินโม่เซี่ย เข้าไปใน เจดีย์หงส์จวิน

 

จวินโม่เซี่ยตระหนักสิ่งนี้ได้ทันเวลา เขารู้สึกผิดหวัง และยังคงอยู่ภายใน เจดีย์หงส์จวินด้วยสีหน้างุนงง ยังคงอยู่ต่อไปชั่วครู่ และคิดว่าจะออกไปเมื่อ เล้ยวูเบ้ย จากไปแล้ว  เขาออกมาแอบดู และไม่คาดคิดว่า เล้ยวูเบ้ย ยังคงไม่ขยับไปใหน  ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายน้อยจวิน เพิ่งออกมาจาก เจดีย์หงส์จวิน …. ในขณะที่ยังพรางตัวอยู่ … แล้วดวงตาของ เล้ยวูเบ้ย หันมองมาทิศทางเขาอย่างรวดเร็ว …

 

ดูราวดวงตาเขาเป็น ตะเกียงฟักทอง

 

แม่เจ้า !  เจ้าโง่นี่มีเวลาว่างยิ่งนัก !

จวินโม่เซี่ยรู้สึกสิ้นหวัง เนื่องจากต้องกลับเข้าไปด้านในโดยไร้ทางเลือก  เขาสาปแช่ง เล้ยวูเบ้ย ในใจ

ข้างคงมิอาจได้ออกไปก่อนรุ่งสาง  ไม่ดีเป็นแน่ …

 

ยอดปรมาจารย์ ไม่เคยสงสัยใน จิตสัมผัส ของเขา  แม้น กลิ่นอายของ คุณชายน้อยจวิน จะเล็กน้อย แต่มันประทับลงลึกในใจของ อาจารย์เล่ย และเขาไม่กล้าเพิกเฉย

 

เล้ยวูเบ้ยไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวล ขณะที่เขากลับจากการเผชิญหน้ากับ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ดังนั้น เขาจึงลดความเร็วลง  ยิ่งกว่านี้ เขาจดจ่อกับการมองหาผู้ที่ทำเสียงครวญครางลึกลับในระหว่างทาง  ทำให้เขาช้าลงชิ่งขึ้น …

 

เขาเพิ่งกลับมาถึงบริเวณจวนสกุลลี่ แต่ทันใดนนั้นกลับรู้สึกถึง จิตสังหาร กระหายเลือดใกล้ตัวยิ่ง  จึงไร้หนทางเพียงแต่ปลดปล่อย ปราณเชวียนพร้อมเคลื่อนไหวหากพบเจอบางสิ่งอีกหน เขาสัมผัสถึง จิตสังหารได้อย่างชัดเจน

น่าเกรงกลัวยิ่งนัก !

 

มีเพียงมือสังหารระดับโลกเท่านั้นที่สามารถปลดปล่อย จิตสังหาร เช่นนี้ได้

จิตสังหารที่ชั่วร้ายซึ่งสามารถสังหาร ยอดปรมาจารย์เช่นข้าได้

ด้วยเหตุนี้ เล้ยวูเบ้ยจึงมิกล้าเพิกเฉย  เขาปลดปล่อยปราณอันทรงพลังเพื่อกดดัน และรอคอยอย่างระมัดระวัง

 

จิตสังหารและกลิ่นอายอันชั่วร้ายของ มือสังหารจวิน เกินกว่าผู้คนสามัญนัก  และ จวินโม่เซี่ยก็ตระหนักถึงมันได้  ความแข็งแกร่งของเขา อาจมิได้โหดร้าย  แต่ มิได้ลดทอดจิตสังหารของเขาลงเลย

 

เล้ยวูเบ้ยครุ่นคิดหนักในขณะที่ยังคงนิ่งเงียบ

จิตสังหารอันเยือกเย็นนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว และทุกสิ่งสงบลงอีกครั้ง  ความจริง ไร้วี่แววแห่งอันตราย … ข้ามิอาจคาดคิดว่ามันผิดปกติ  ข้าคิดไปเอง ?  แต่เหตุใดข้าจินตนาการถึงสิ่งเช่นนี้ ?

 

เขายังไม่ลดการป้องกันลงเนื่องจาก ยังคงสงสัยว่าศัตรูยังคงซุ่มอยู่  แต่ กลิ่นอายอันชั่วร้ายนั้นกลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง  ยิ่งไปกว่านั้น มันปรากฏขึ้นใกล้ตัวเขามาก  แต่ ไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้เขาเลย …

 

เล้ยวูเบ้ย กำลังเริ่มเคลื่อนไหวในขณะที่ จิตสังหารที่รุนแรงและน่ากลัวหายไปอย่างรวดเร็ว ไร้ร่องรอย

 

เล้ยวูเบ้ย หวาดกลัวยิ่ง !

มือสังหารไร้เทียมทานผู้ใดกันที่สามารถครอบครองฝีมืออันน่าเกรงขามนี้ได้ ?

ทั้งร่างของ เล้ยวูเบ้ย เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ  เนื่องจากมันทำให้เขาคิดถึงผู้ที่น่าหวาดกลัว

 

ขั้นเชวียนของคนผู้นี้อาจไม่ใกล้เคียงกับ หยุนเป้ยเฉิน และ ลีจื้อเทียน แต่อกของ เล้ยวูเบ้ยแข็งทื่อเมื่อนึกถึงเขา คนผู้นี้น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก   เขาเคลื่อนไหวมาหลายสิบปี และไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีเขาไปได้ เมื่อเขาจัดสินใจจะสังหารผู้ใด

 

คนผู้นี้คือตำนานในท่ามกลางมือสังหาร  ทุกผู้คนหลีกเลี่ยงเขาราวกับ กาฬโรค  แม้แต่ หยุนเป้ยเฉิน และ ลีจื้อเทียน ก็มิกล้าก่อกวคนผู้นี้

 

เขาคือมือสังหารที่มีความสามารถระดับตำนาน ได้รับขนานนามว่าเป็น ยมทูตมีชีวิต

 

เขาคือเทพเจ้ามือสังหาร ฉือฉีฮั่น !

 

จักมีผู้อื่นที่สามารถ ปลดปล่อย จิตสังหารที่รุนแรง ทรงพลัง และแหลมคมเช่นนี้ได้อีกหรือ ?  ผู้ใดอีกนอกจาก ฉือฉีฮั่น ที่สามารถหลบซ่อนตัวข้างกายข้าได้ … โดยที่ข้ามิอาจรับรู้ได้เลย ?  ผู้ใดนอกจาก ฉือฉีฮั่นสามารถหายตัวไปเมื่อข้าสัมผัสถึง จิตสังหารของเขาได้ ?

 

ไร้ผู้ใดอื่น … ไร้ที่ใดในโลกนี้ … !

 

แม้ หยุนเป้ยเฉิน และ ลีจื้อเทียน ก็ไม่สามารถทำได้ !  พวกเขาสามารถเอาชนะข้าได้  ความจริง พวกเขาสามารถสังหารข้าได้ !  แต่ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาสามารถหลบซ่อนตัวอยู่ข้างๆโดยที่ข้าไมรู้ .. แต่ ฉือฉีฮั่น นั้นสามารถ

 

เล้ยวูเบ้ย เริ่มรอบคอบเมื่อเขาเริ่มมั่นใจในสิ่งนี้  และยิ่งรอบคอบเขาย่ิง … ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว

 

คนจักคลางแคลงใจและหวาดกลัวเมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่รู้จัก  และ ยอดปรมาจารย์ ก็มิอาจเว้น… โดยเฉพาะอย่างย่ิง เมื่อเขารู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่มิอาจรับมือได้

 

เล้ยวูเบ้ย มั่นใจว่า ระดับเชวียน และความแข็งแกร่งของเขาไม่ต้อยต่ำไปกว่า ฉือฉีฮั่น แต่ ฉือฉีฮั่นชื่นชอบการชิงลงมือก่อนโดยไม่คาดคิด  จึงทำให้ อาจารย์เล่ย ยังไม่ลดการป้องกันลง  การโดนซุ่มโจมตีโดยผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันมิใช่เรื่องล้อเล่น

 

เล้ยวูเบ้ย รู้สึก …. หวาดกลัว

 

ฉือฉีฮั่น ถือได้ว่าเป็นยอดปรมาจารย์ในเคล็ดของเขา แต่เขามิได้อยู่ในอันดับ แปดยอดปรมาจารย์ ดังนั้น มือสังหารจักไม่โจมตีซึ่งหน้า แม้เมื่อสังหารผู้ที่อ่อนแอกว่า  ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ผู้ที่ ฉือฉีฮั่นสามารถเอาชนะได้เพียงเป่าลมใส่ .. เขาก็มิเคยโจมตีเขาซึ่งหน้า

 

เทพเจ้ามือสังหารผู้นี้ พิถีพิถันยิ่งกว่ามือสังหารทั่วไป  เขามิเคยอ่อนข้อแม้แต่น้อย  ความสามารถของเขาก้าวล้ำสู่ความวิปลาส  ชื่อของเขา สามารถทำให้ผู้คนขนลุก  นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ เทพเจ้ามือสังหารไร้ชื่อเสียงดั่งเช่น แปดยอดปรมาจารย์

 

แม้น ฉือฉีฮั่น มิได้ถือว่าเป็นหนึ่งใน แปดยอดปรมาจารย์ แต่เขายังคงเป็นผู้ที่น่ากลัวที่สุดในโลก  สิ่งนี้เป็นที่รู้กัน  แม้แต่ แปดยอดปรมาจารย์ ก็ยอมรับในสิ่งนี้

 

เล้ยวูเบ้ย ยังคงระมัดระวังรอบตัวขณะเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ

” ผู้ที่อยู่ที่นี่คือ เทพเจ้ามือสังหาร ?  พี่ใหญ่ ฉือฉีฮั่น ?  เอ่อ ข้ามิอาจล่วงรู้ว่าความผิดใดที่ทำให้ พี่ใหญ่ ฉือฉีฮั่น มาหาข้าด้วยตัวเอง  และถือว่าเป็นเกียรติยิ่งที่ได้รับความสนใจ แต่พวกเราอยู่ในระดับสูงสุด … เช่นนั้นทักทายกันก่อนการต่อสู้คงไม่เป็นการเสียหาย ?

 

รอบตัวยังคงเงียบงัน … สายลม สาทรฤดู หวีดหวิว … ใบไม้แห้งร่วงหล่นและปลิดปลิวตามสายลม  แต่ไร้การโต้ตอบ

 

หากมีผู้ใดตอบกลับมา … อาจหมายความว่า ผีมีอยู่จริง  ผู้ที่เฝ้าดูไร้หนทางเพียงแต่หลบซ่อนตัวใน เจดีย์หงส์จวิน ผู้ที่หลบซ่อนอยู่ใน เจดีย์หงส์จวิน ชัดเจนคือ จวินโม่เซี่ย แต่ มือสังหารตัดสินใจเงียบวาจา  เขากระหายจักเฝ้าดู เล้ยวูเบ้ย เข้าใจสถานการณ์ให้ผิดไป  การเข้าใจผิดที่รุนแรง … จะเป็นการดีสำหรับ คุณชายน้อยจวิน ..

 

” พี่ใหญ่ ฉือ ไม่ไว้หน้าข้า ? “

เล้ยวูเบ้ยขบฟัน  เสียงของเขาเต็มไปด้วยโทสะ

” พี่ใหญ่เปลี่ยนใจแล้ว ?  เขาไม่ประสงจะต่อสู้กับข้าจนตาย ? “

 

ไร้เสียงใดตอบกลับ

 

เล้ยวูเบ้ย สงบลง แต่พฤติกรรมของเขายิ่งน่าประทับใจยิ่งขึ้น  เขาเอ่ยเสียงล้ำลึก ฟังดูคล้ายความสงบก่อนภูเขาไฟจะปะทุ

” ฮี่ ฮี่ … พี่ใหญ่ ฉือ หวาดกลัวจักเผชิญหน้ากับข้า ?  เอาละ .. พี่ใหญ่สามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ ที่เขามั่นใจยิ่งขึ้น  ข้าจะต้องหน้าตั้งตารอพบท่านอีกครัง “

 

เขาเอ่ยจบ จากนั้น ร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นดั่งวิญญาณมังกรที่พุ่งทะยานขึ้นสู่สวรรค์ชั้นเก้า และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

จวินโม่เซี่ย เดินออกจาก เจดีย์หงส์จวิน ขณะที่ เล้ยวูเบ้ยจากไป  เขายืดคอขึ้นครึ่งหนึ่งเพื่อฟังคำพูดของ เล้ยวูเบ้ย เกือบจะระเบิดหัวเราะออกมาเมื่อ เล้ยวูเบ้ย พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นนั้น

 

แต่ เขาตกใจกลัวเมื่อตระหนักได้ว่า สหายมือสังหารของเขา พึงพอใจในชื่อเสียงที่ทำให้ ยอดปรมาจารย์หวาดกลัว  ยิ่งไปกว่านั้น มันทำให้เขาห่วงใย ปรมาจารย์ห้าแห่ง แปดยอดปรมาจารย์ แท้จริงแล้ว ดูเหมือนว่า ปรมาจารย์เลือดเย็น หวาดกลัว

 

เทพเจ้ามือสังหารผู้นี้จักต้องเกินกว่าสามัญ  ความจริงแล้วมือสังหารที่สามารถสร้างผลเช่นนี้จะเกิดจากความสำเร็จของตัวเอง

 

จวินโม่เซี่ย กลับจวนด้วยความผ่อนคลายและประหลาดใจยิ่งเมื่อคิดถึง เทพเจ้ามือสังหาร …

 

เล้ยวูเบ้ย ไปถึงยังลานบ้านเล็กๆอย่างรวดเร็ว  ร่างของเขาลอยอยู่ขณะเปิดประตู  ผู้ที่อยู่ภายในสี่คนยืนขึ้นเมื่อเห็นเขา และกล่าวทักทายสุภาพ

” อาจารย์ ท่านกลับมาแล้ว ! “

 

เล้ยวูเบ้ย พ่นลมทางจมูกเยือกเย็น ใบหน้าเขาไร้อารมณ์ขณะนั่งลง

 

” อาจารย์ การเดินทางเป็นเช่นไร ?  พวกเรา คิดว่า อาจารย์ได้สั่งสอนบนเรียนแก่ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ? “

 

เล่ยเจียนฮ้งคือลูกชายของ เล้ยวูเบ้ย แต่ เขาไม่เคยเรียกเขาว่า พ่อ ต่อหน้าศิษย์คนอื่น  นี่แสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม  แต่ เขาเป็นเพียงผู้เดียวในห้องที่มีความกล้าเพียงพอถามคำถามนี้

 

” เรื่องนี้ซับซ้อน พวกเราจักถกเถียงภายหลัง “

เล้ยวูเบ้ยเอ่ยวาจาเหล่านี้ ท่าทีเข้มขรึม

” จากนี้ไปเจ้าจักต้องระมัดระวังการกระทำ บรรยากาศใน นครเทียนเชียง ลวงตายิ่ง !  มีเสือหมอบ และมังกรหลบซ่อน มากมาย ในนครแห่งนี้ !  เจ้าจักต้องใคร่ครวญให้ดีหากจะกระทำสิ่งใด … “

 

เขาครุ่นคิดชั่วครู่ ในที่สุดเขาหยุดลง  เล้ยวูเบ้ย ตัดสินใจไม่เอ่ยถึง เทพเจ้ามือสังหาร ฉือฉีฮั่น เขารู้ว่าเพียงแค่ชื่อก็เกินพอจะข่มขู่ศิษย์ได้  ซึ่งจะทำให้พวกเขาลักเลที่จะลงมือ  ศิษย์ของเขา อยู่ในขั้นสวรรค์เชวียน … แต่นั่นยังขาดแคลนนัก  พวกเขาจักไม่ได้สิ่งใด จากการได้รับรู้การมีส่วนร่วมของเขา

 

ฉือฉีฮั่น ตัดสินใจเลือกข้าเป็นเป้าหมาย ข้าไม่ควรบอกศิษย์จนกว่าผลดการต่อสู้จักถูกตัดสิน  เหตุใดข้าจึงต้องทำให้ศิษย์เป็นกังวลโดยการเอ่ยถึงเรื่องนี้ ?

 

ศิษย์ทั้งสีมิได้โง่เขลา  พวกเขาได้ยินน้ำเสียงของ อาจารย์ และตระหนักได้ว่าเรื่องของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นมิได้ราบรื่นดั่งพวกเขาคิด  พวกเขาจึงยับยั้งตัวเอง และไม่ถามในเรื่องนั้นต่แ

 

เล้ยวูเบ้ยยืนขึ้นและเอ่ยด้วยท่าทีสงบ

” ไปเถิด !  ไปดูน้องหกกับข้า !  ดูเหมือนว่าเขาจักสูญเสียปราณเชวียน ไปดูว่าพวกเราสามารถฟื้นฟูสิ่งใดได้บ้าง  หากมิได้ … พวกเราคงไร้หนทางเพียงแต่ส่งเขาแก่ ราชันยาผู้ชั่วร้าย “

 

เล่ยเจียนฮ้งตัวสั่นและร้องตกใจ

” อาจารย์ ! “

 

เล่ยเจียนฮ้ง พ่นลลมทางจมูก เนื่องจากอาจารย์ของเขาออกจากห้องไปโดยไม่ตอบสิ่งใด  สีหน้าของศิษย์ทั้งสี่ มัวหมองขณะติดตามไป การได้ยิน อาจารย์เอ่ยถึง ราชันยาผู้ชั่วร้าย ทำให้หัวใจของพวกเขาหม่นหมอง