ราชันยาผู้ชั่วร้าย จากชื่อนี้ บ่งบอกได้ว่าคนผู้นี้มีหัวใจที่ชั่วร้าย เขาคือ หมอผู้ทรงเกียรติ และมีชื่อ รวมถึงข่าวลือ นับได้ว่า คือผู้ที่ ไร้เทียมทาน ยิ่งไปกว่านั้น ค่ารักษาของเขาแพงมหาศาล
แท้จริงแล้ว ไม่เพียงแต่เงินปากถุงที่สูงลิบลิ่วแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่สำคัญ ผู้นั้นจักติดหนี้บุญคุณหากมาให้เขารักษา ไม่ว่าผลการรักษาจะเป็นเช่นไร และ ผู้นั้นจักต้องชำระหนี้เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ ขณะที่ผู้ใดจำเป็นต้องการ การรักษามากยิ่ง สิ่งที่เขาประสงค์จากคนเหล่านั้นจะยิ่งยุ่งยาก
มีข่าวลือเกี่ยวกับ ราชันยาผู้ชั่วร้าย ซึ่งแพร่กระจายไปทั่ว คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ สี่สิบปีก่อน สกุลหยวน คือสกุลหนึ่งที่ทรงอิทธิพลในโลกสามัญ สนมน้อยของ หัวหน้าสกุลพวกเขาได้รับบาดเจ็บ และ เขาไปหา ราชันยาผู้ชั่วร้าย เพื่อการรักษา ราชัญยา เก็บเงินสกุลหยวน หนึ่งล้านตำลึงเงิน และหัวหน้าสกุลพวกเขาจัดการสิ่งหนึ่ง แต่ ราชัญยามิได้เอ่ยว่าคือสิ่งใด
หัวหน้าแห่งสกุลหยวนยอมรับข้อเสนอนี้ เนื่องด้วยความรักที่มีต่อสนมผู้นั้น และแล้ว นางปลอดภัย สองปีผันผ่าน และ ราชันยาผู้ชั่วร้ายส่งคำขอสำคัญมา เขาประสงค์ให้ หัวหน้าสกุลสกุลหยวนสังหารคนผู้หนึ่ง และคนผู้นี้อยู่ในสกุลหยวนเนื่องด้วยแต่งเข้ามา
หัวหน้าสกุลหยวนจักทำสิ่งใดได้ ? เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใหนหาทำตามคำขอ ? ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธ ราชันยาผู้ชั่วร้าย หัวเราะลั่น เขาไม่ถือว่านี่คือปัญหา จากนั้นเขาหายไปท่ามกลางฝุ่นควัน โดยไร้ร่องรอย
หลังจากนั้น ราชันยาผู้ชั่วร้าย เผยแพร่ข่าวหนึ่ง เขาขอทุกผู้ที่ติดหนี้เขา ไม่ว่าพวกเขาจักเป็นผู้ใด ให้ทำหนึ่งสิ่ง คือ ทำลายสกุลหยวน แม้แต่ไก่และหมาของพวกเขาก็ไม่ละเว้น ทั้งสกุลถูกทำลาย จนไปถึงรุ่นที่เก้า
ราชันยาผู้ชั่วร้ายสะสมหนี้บุญคุณมานับสิบปี จะเป็นเรื่องเล็กน้อยได้เยี่ยงไร ? ลูกหนี้ของเขาส่วนใหญ่คือผู้ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม และส่วนใหญ่นั้นคือยอดฝีมือระดับสูง พวกเขาส่วนใหญ่พบกับความเจ็บป่วยที่มิอาจรักษา กระนั้น ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่ คนรวยและผู้ทรงอิทธิพลก็เป็นหนี้เขาเช่นกัน และพวกเรากลับกลายเป็นผู้ที่น่าเกรงขาม การรวมพลังของพวกเขานั้นหาได้ยากยิ่ง และ ทรงพลังพอจะสั่นสะเทือนโลกาได้
สิ่งนี่คือคำสั่งตาย โลกแห่งคนสามัญสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น สิ่งนี้ก่อให้เกิดการสังหารหมู่สกุลหยวน แม้แต่พี่น้องและสหายก็มิได้รับการละเว้น พวกเขามั่นใจว่า แม้แต่ไก่และหมาก็มิอาจรอดชีวิต ตามประสงค์ของ ราชันยาผู้ชั่วร้าย
มีข่าวลือว่า หัวพวกเขาเก็บไว้ด้านนอกที่อาศัยของ ราชันยาผู้ชั่วร้าย กล่าวกันว่าเลือดจำนวนมหาศาลเจิ่งนองไกลนับลี้ …
สวรรค์รู้ดีว่าสิ่งแปลกประหลาดใดที่คนผู้นั้นชื่นชอบ หาก เล้ยวูเบ้ยตัดสินใจส่งศิษย์ของเขา สู่ ราชันยาผู้ชั่วร้าย … เล่ยเจียนฮ้ง รู้ว่า อาจารย์ของเขาคือหนึ่งใน แปดยอดปรมาจารย์ ! เช่นนั้น เงื่อนไขนั้นจะง่ายดายได้อย่างไร ?
แต่ ความกังวลของพวกเขาถูกลบล้าง และแทนที่ด้วยความขุ่นเคือง
สีหน้าของ เล้ยวูเบ้ย แปรเปลี่ยน ขณะเขามาถึงด้านข้างกำแพงไม้ไผ่ด้านข้างห้อง เขาเอ่ย
” เหตุใดจึงเหม็นคาวเลือดยิ่งนัก ? “
ทั้งห้ามองหน้ากัน พวกเขาสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติอย่างรุนแรง พวกเขากรีดร้องด้วยความตกใจและผลักประตูเปิด
ศิษย์ทั้งสี่ สายตาโศกเศร้า และอุทานด้วยความเสียใจ พวกเขาตกตะลึง และ มองไปรอบๆด้วยความงุนงง
สิ่งที่เห็นทำให้พวกเขาบ้าคลั่ง และโกรธเคือง
สามศพแน่นิ่งบนเตียง พวกเขาถูกสับเป็นชิ้น เลือดยังคงหลั่งไหลภายในห้อง บางส่วนจับเป็นก้อน แต่ยังคงมีส่วนที่ยังไหลอยู่เชื่องช้า
ทั้งห้องกลายเป็นอ่างเลือด
ดวงตา เล้ยวูเบ้ยแดงก่ำขณะเขาก้าวเข้าห้อง ชุดของเขาไม่มีการพริ้วไหวแม้เขาขยับตัว โทสะของเขามากยิ่ง และต้องใช้พลังเทพเชวียนของเขาเพื่อควบคุมตัวเอง และควบคุมแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของเสื้อผ้า
เขามองไปรอบๆ และเห็น ลี่โย่วหลาน ยืนนิ่งหน้ากำแพง ท่าทาง แปลกประหลาด เล้ยวูเบ้ยเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ได้ในทันใด จากนั้นเขาตะโกน
” หลีกไป โย่วหลาน ! “
ลี่โย่วหลานแสดงสีหน้าอัปลักษณ์ จากนั้นเขาเอ่ยอ่อนแรง
” ท่านอาจารย์ … “
” ข้าบอกให้เจ้าหลีกทางไป ! “
เล้ยวูเบ้ยคำรามด้วยโทสะ ขณะที่ต่อยเข้าที่ใบหน้าของ ลี่โย่วหลาน อย่างรุนแรง เด็กหนุ่มถูกส่งให้ลอยไปพร้อมเสียง ตุบ เล้ยวูเบ้ย มองไปยังกำแพง เพ่งมองมันครู่หนึ่ง ใบหน้ากลายเป็นสีแดง และตะโกนขึ้นอีกด้วยโทสะรุนแรง เชือกมัดผมของเขาฉีกขาดเป็นล้านชิ้นขณะที่ผม ของเขาชี้ตรง พวกมันพุ่งขึ้นสู่สรวงสวรรค์อยู่นาน
” อาาาาาาก์ ! “
เล้ยวูเบ้ยกระอักเลือดแดงฉานออกมาทางปาก และเลือดเหล่านั้น กลับกลายเป็นหมอกควันไปในทันที อาจารย์เล่ยร้องออกมาเป็นสายเลือด ดังนั้นมันจึงทำให้ตับของเขาเสียหาย ขณะที่ครวญ
” ตัวร้ายผู้นี้ไร้ยางอายยิ่ง ! เขากระทำเช่นนี้กับข้า ! ไม่ว่าเจ้าคือผู้ใด ข้าจะสังหารเจ้า ! ข้าจักทำลายสกุลของเจ้านับเก้าชั่วโคตร ! แม้แต่ไก่และหมาก็ไม่หลงเหลือ ! ข้าคงมิใช่ เล้ยวูเบ้ย หากข้าไม่สามารถทำมันได้สำเร็จ ! “
เขากระอักเลือดอีกหนขณะร่างเพรียวงามของเขาเอนไปข้างหน้า การทำให้ ปรมาจารย์ เลือดเย็น ผู้มีชื่อระดับโลกตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้เพียงการทิ้งข้อความไว้นั้น เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน …
ศิษย์สามคนที่เหลืองุนงง ดังนั้น พวกเขาจึงเข้าใกล้ขึ้นเพื่อมองดูรอยเลือดสองแถวที่เขียนไว้บนกำแพง ข้อความนั้นยึกยือ เขียนด้วยมือเปล่า เห็นได้ชัดว่าข้อความเหล่านั้นคือเลือดของผู้เคราะห์ร้าย
บรรทัดแรก อ่าน่า
” ข้ายังไม่พึงพอใจหลังจากสังหารสี่คนนั้น เช่นนั้นข้าจึงสังหาร สามคนนี้ด้วย แต่พวกเขากำลังจะตายแล้ว … ข้าจักพอใจได้เช่นไร ? รอก่อน ข้าจักจัดการกับอีกสามคนที่เหลือ หากข้ายังไม่พึงพอใจ เมื่อนั้นจะเป็นเวลาของเจ้า ปรมาจารย์เลือดเย็นที่รักของข้า วูเบ้ย … “
บรรทัดที่สองอ่านว่า
” พี่สาวเล่ยวูเบ้ย ข้าจักกระทำมิดีแม่ของเจ้า … ล๊าลาลา … “
ศิษย์ทั้งสามรู้สึกหม่นหมอง รุนแรงเช่นเดียวกับเล่ยวูเบ้ย พวกเขากระอัดเลือด มากเกินไปแล้ว คนผู้นั้นสังหารศิษย์พี่น้องพวกเขา ยิ่งกว่านั้น ยังเรียก เล้ยวูเบ้ยผู้กล้าหาญว่า … พี่สาว และสิ่งที่เกินกว่านั้น … เขาหยามอาจารย์ของพวกเขา
เป็นการดูหมิ่นที่รุนแรงยิ่ง ! โดยเฉพาะกับท่านอาจารย์ ! เพียงแค่ บรรทัด พี่สาว เล้ยวูเบ้ย จะตราตรึงไปตลอด .. และสะสมความเกลียดชังต่อไป ไม่เพียงแต่คนผู้นั้นจะสังหารพี่น้องพวกเขา แต่เขายัง ดูหมิ่นผู้สืบทอดของอาจารย์ พฤติกรรมของคนผู้นี้ช่างเลวทรามและน่ารังเกียจ !
” อาจารย์ … “
ศิษย์ทั้งสี่คุกเข่าลงด้วยความกังวลอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาคลานขึ้นหน้าสองหน จากนั้นเกาะขา เล้ยวูเบ้ย และหลั่งน้ำตา
” ชัดเจนว่าสิ่งเหล่านี้เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ! เลือดยังไม่แห้ง เจ้ามิได้อยู่ห่างไกลจากที่นี่ และ ไม่มีผู้ใดสามารถสัมผัสได้เลย ? ผู้ใดบอกข้าได้บ้างว่าเพราะเหตุใด ?! “
ร่างของ เล้ยวูเบ้ย เซไปมาเล็กน้อย จากนั้น เขาลอยขึ้นในอากาศอย่างด้วยเร็วด้วย โทสะ และ เตะสี่หนใส่ผู้ที่คุกเข่าอยู่ ร่างศิษย์ทั้งสี่ลอยขึ้นในอากาศ และพวกเขาเริ่มกระอักเลือดออกมารุนแรง
” ไร้ค่า ! พวกเจ้าทั้งสี่นั้นไร้ประโยชน์ ! “
ปรมาจารย์เลือดเย็น เล้ยวูเบ้ย เดือดดาล เขามิเคยแสดงถึงโทสะเช่นนี้มาก่อนในชีวิต ดวงตาแดงก่ำ และ สีหน้า แปลกประหลาดและน่ากลัว ราวกับเขากำลังมองใครบางคนเพื่อปลดปล่อยอารมณ์
” ตู้ม ! “
ปราณเชวียนของ เล้ยวูเบ้ย ทั้งหมดปะทุขึ้นในเวลาเดียวกัน ปะทะเข้ากับ เพดานห้อง หลังคาแตกออกและพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ายามราตรี ราวกับร่มที่ลอยอยู่ …
กำแพงโค่นลง กลับกลายเป็นฝุ่นและหายไป ก่อไผ่ด้านนอกห้องดูคล้ายโดนพายุเข้าปะทะ พวกมันถูกถอนรากถอนโคนและลอยขึ้นในอากาศก่อนจะถูกบดขยี้ …
เล้ยวูเบ้ย ยังไม่เคลื่อนไหวไปจากจุดเดิม แต่ ในที่สุด หัวใจของเขาสงบลง จากนั้นคิดถึงสิ่งที่เป็นไปได้ เพียงเหตุผลเดียวที่สามารถอธิบายสิ่งนี้ …
ดวงตาของ เล้ยวูเบ้ย กลายเป็นทะเลเลือด เขาสูดหายใจลึกล้ำ จากนั้นเอ่ยเชื่องช้า แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ” ฉือฉีฮั่น ! เจ้าและข้า มิอาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้อีกต่อไป !
” ข้าจักสังหารเจ้า ! “
เล้ยวูเบ้ยเงยหน้าขึ้น และ คำรามยาว คล้ายดั่ง ลิงในตำนานกำลังร่ำร้องในยามราตรี โศกเศร้าและโหยหวน เสียงคำรามยาว และดังยิ่ง มันแพร่กระจายไปไกลทุกทิศทาง ผู้คนใน นครเทียนเชียง ได้ยินเสียงนี้ดังชัดเจน มันดังก้องสะท้อนไร้สิ้นสุด ทุกผู้ใน นครเทียนเชียง ตื่นขึ้นจากหลับใหลด้วยความตกใจไม่เว้นผู้ใด …
… จวนสกุลจวิน …
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ถอดเสื้อผ้าและนั่งลง เขาขมมวดคิ้วและ มองไปทางทิศที่เสียงคำรามดังมาขุ่นเคือง จากนั้นเขา สถบ
” ตาย ตาย ! แม่เจ้า ! เจ้ากรีดร้องสองหนแล้วในคืนนี้ ! เจ้าสับสนหรืออย่างไร ? แม่เจ้า ! ยิ่งเจ้าแก่ ยิ่งป่วย ! น้าเจ้า ! เหตุใดเจ้าต้องมากดขี่ข้า ?! และ เป้าหมายครั้งนี้ คือ ฉือฉีฮั่น เจ้าประสงค์จะตายกระนั้นหรือ ? “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวสถบเล็กน้อย จากนั้นก็นอนลง
จวินโม่เซี่ยอยู่ในห้อง เมื่อเขาได้ยินเสียงคำราม กรอกตาและ พึมพำ
” ข้าควรเขียนกวีทั้งหมด ! น่าเสียกาย ภาษาข้าไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงมิอาจเขียนมันออกมาได้ … ผู้เฒ่าเล่ย ประโยคที่ข้าทิ้งไว้มิได้มีวรรณศิลป์แม้แต่น้อย พวกเขาต้องเข้าใจมันได้อย่างง่ายดาย แต่ เจ้าไม่จำเป็นต้องมีอารมณ์เช่นนี้ โอ้ ข้าลืมเอ่ยอ้างถึงนามของ สหายมือสังหารของข้า เจ้าคิดว่าเป็นเขาได้อย่างไรกัน ? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ อาจารย์ ฉือ แต่เป็นฝีมือข้า แต่ คุณชายน้อยผู้นี้ไม่ติดใจหากสุนัขบ้ากัดใครบางคนด้วยความสับสน เช่นนั้น อย่าองหาข้าหากเจ้ารู้สึกพ่ายแพ้ … “
เขากำลังอยู่ในอารมณ์สุข ขำขันในใจอยู่ชั่วระยะ แต่ คุณชายน้อยจวินผู้มากฝีมือเหน็ดเหนื่อยยิ่ง หลังจากตรากตรำงานหนักมาหลายวัน ดังนั้น เขาจึงทอดตัวลงและดำดิ่งสู่การหลับไหล จวินโม่เซี่ย เพลิดเพลินกับความฝันอย่างรื่นรมย์มากมายตลอดค่ำคืน มีหนึ่งครั้งที่เขากำลังอยู่ในบ่อน้ำพุร้อน และรายล้อมไปด้วยสาวงามผู้งามเด่น จนสามารถทำให้อาณาจักรล่มสลาย พวกนางบริสุทธิ์ และ น่าหลงไหล พวกนางมีลักษณะทั่วไปหนึ่งสิ่ง … คือพวกนางเปลือยเปล่า และเชื้อเชิญเขาอย่างเงียบๆ …
แต่ มือสังหารจวินรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย แม้นว่าเขาจะอยู่ในความฝัน
ข้าไม่รู้เลยว่าจักมีผู้ใดสามารถสร้างความฝันเช่นนี้ได้ในทุกวี่วัน ราวกับ จรรยาข้าเลวทรามลงทุกวี่วัน ! ดูเหมือน สุภาพบุรุษมิอาจเอาชนะสิ่งนี้ได้ … สิ่งนี้หมายถึงการล่มสลายแห่งศีลธรรม …
จากนั้นเขากลายร่างเป็นเสือในทันใด เป็นธรรมชาติของเสือที่จะมองหาอาหารเมื่อย่างก้าวเข้าสู่ป่า เสือเปลือยเปล่า กระโดดเข้าสู่ป่าที่งดงาม และเริ่มกัด เขาต่อสู้ไปทุกหนแห่ง สังหารเหยื่อ และได้รับชัยในทุกครั้ง
มีคนผู้หนึ่งพุ่งเข้ามาในห้อง คุณชายน้อยจวิน แต่เด็กสาวสะดุ้งตกใจ และกระโดดถอยออกมา
ดูเหมือนจวินโม่เซี่ยกำลังหลับตรงหน้าของนาง สีหน้าของเขา สัปดนอย่างน่ากลัวและชั่วร้าย รอยยิ้มนี้คล้ายกับที่ คุณชายน้อยจวิน แสดงบ่อยๆ เมื่อครึ่งปีก่อน ผู้ที่ได้เห็นจักรู้สึกว่า ..มิอาจอนทนดูได้
นางสถบเบาๆ เนื่องจากอับอายที่ได้เห็นสีหน้าที่หยาบคายนี้ สาวน้อยละสายตาลงต่ำ ตัวตาเล็กๆของนางเบิกกว้างขึ้นในทันใด นางเกือบกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่โชคดียิ่งที่นาง ขยับมือมาปิดปากได้ทันเวลา …
น่ากลัวยิ่งนัก !
ข้าเกือบจะเป็นลม !
สาวน้อยไร้เดียงสาและบริสุทธิ์เกือบลมจับ ร่างของนางสั่นชั่วครู่ จากนั้น เร่งรีบออกจากห้อง จากนั้นนางรู้สึกถึงบางสิ่งตรงแก้มอันหอมหวานของนาง นางมิรู้ว่าเมื่อไหร่กันที่มันร้อนรุ่มเช่นนี้
เอามือปิดใบหน้างดงามที่ร้อนรุ่ม นางนอนไม่หลับ เพียงแต่กลิ้งไปมาตลอดคืน เมื่อดที่หลับตา นางจะเห็นรอยยิ้มของ คุณชาย ที่รักของนาง
สาวน้อยกระชับผ้าห่มของนางให้แน่นขึ้น ขณะที่นางใช้มันคลุมหัว …
. เขาเป็นวายร้าย ร้ายยิ่งนัก ! เจ้าสามารถ … ? ข้าจักตั้งท้องไหม … ?
หัวใจสาวน้อยเริ่มกระหน่ำ ขณะนางติดอยู่กับจินตนาการ …