วันถัดมา ตะวันยังไม่ปรากฏ
จวินโม่เซี่ย ยังมิลุกออกจากเตียง เขายังคนครุ่นคิดถึงความฝัน และ พบว่าเป็นสิ่งน่าอับอายยิ่ง เขามิได้สวมชุดชั้นในเนื่องจากพบว่ามีการเปียกเป็นจุดใหญ่ ถึงขั้นที่เขาพิสูจน์จุดที่ข้นเหนียวนั้นด้วยมือ …
น่าอับอายยิ่งนัก ! ฝันเปียกเช่นนี้เกิดขึ้นกับข้า มือสังหารจวิน ?! เป็นสิ่งที่อัปยศยิ่งสำหรับข้า ! เวรกรรม ! ผู้ใดจักเชื่อ ? ….ชื่อเสียงของข้าตกต่ำขีดสุด !
คุณชายน้อยจวิน ดึงผ้าห่มมาปิดร่างที่พ่ายแพ้ของเขา จากนั้น เขามองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง และยกก้นขึ้นเพื่อถอดกางเกงอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกไม่สบายตัวหากมิได้เปลี่ยนมัน
การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วและว่องไว ขณะที่เขาถอดเสื้อผ้า เขาเอามือข้างหนึ่งถือผ้าห่ม และ อีกข้าถือกางเกงเพื่อหาสถานที่ซึ่งเขารู้สึกว่าสามารถทิ้งมันได้ …
แต่ กระนั้น …
ทันใดนนั้น …
” ตู้ม ! “
ประตูเปิดออกอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่น่ากลัวนั้น ปู่จวินบุกเข้ามาด้านในพร้อมด้วยหนวดสีขาวที่กระพืออยู่บนใบหน้า เขาเข้ามาด้วยโทสะและตะโกนด้วยปากที่เบิกกว้าง
” เจ้าชั่ว ! ยังไม่ลุกขึ้นอีก ! เจ้าไม่รู้หรือตอนนี้เวลาใด ?! “
เขาปะทะเข้ากับผู้ที่กำลังอับอายอย่างยิ่งเนื่องจากเหตุการณ์ที่บริสุทธิ์ โชคดี ที่เขาเป็นผู้ชาย อาวุโส
จวินโม่เซี่ยรู้สึกอยากตาย มือของเขายืดออกไป จากนั้นดึงผ้าห่มกลับมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า จากนั้นเขารับคำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากภายในสิ่งที่ปกคลุมอยู่
” ข้าตื่นแล้ว ! ข้าตื่นแล้ว ! แต่ท่านออกไปก่อน ! “
” เจ้าถือสิ่งใดอยู่ในมือ ? “
ปู่จวินสงสัย และไม่เพียงแต่ไม่ออกไปเท่านั้น … เขายังเดินขึ้นหน้าอีกสองก้าว จากนั้นขมวดคิ้วและเพ่งมองอย่างขุ่นเคือง ก่อนตะโกน
” เอามันออกมา ให้อาวุโสผู้นี้ดู ! “
” ไม่มีสิ่งใด ! ไม่มีสิ่งใด .. ไม่มีสิ่งใดๆจริงๆ ! “
จวินโม่เซี่ยรู้สึกว่าไม่เคยพบกับสถานการณ์ยุ่งยากเช่นนี้มาก่อนในชีวิต เขาซ่อนมันลึกลงในผ้าห่มขณะที่เขาอธิบาย
” ท่านปู่ ท่านไร้มารยาท ! ข้ากำลังหลับ และท่านบุกตูมเข้ามา ! โชคดี ที่ข้ายังไม่มีภรรยา แต่ เผื่อท่านหาภรรยาให้หลานชาย .. ท่านจักบุกเข้ามาเช่นนี้หรือไม่ หากนางอยู่ที่นี่กับข้า ? “
เขาเอ่ยถึงสิ่งใด ?
ปู่จวิน โมโหยิ่ง ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความมืดมนขณะเอ่ย
” ชาติชั่ว ! เหตุใดเจ้าจึงเอ่ยเช่นนี้ ?! ข้าคือผู้เฒ่า … เจ้าเลว ยังไม่รีบเร่งลุกขึ้นอีก ? เจ้าต้องการมีปัญหากับอาวุโสผู้นี้ ? “
ปู่จวินดึงผ้าห่มด้วยมือข้างหนึกงและดึง เด็กน้อยเช่นจวินโม่เซี่ยจะต่อต้านยอดฝีมือสวรรค์เชวียนได้ ?
ปู่จวินมองไปยังส่ิงที่อยู่ตรงหน้าของเขา จวินจ้านเทียน มีสีหน้าราวกับเพิ่งตื่นจากหลับฝัน เขามิอาจห้ามหน้าไม่ให้แดงได้ เขาเหวี่ยงแขนและ ตบลงไปยังก้นเปลือยเปล่าของจวินโม่เซี่ย อย่างรุนแรงดังก้อง ปั้ง !
” แสดงสิ่งที่เจ้าแอบซ่อนเอาไว้ ! “
เขายื่นมือออกไปและคว้าผ้าที่ยับยู่ยี่จากจวินโม่เซี่ย
ก้อนเสื้อผ้าเปียกเพราะบางอย่าง มิได้คาดคิด และเขามิอาจรู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เขาเพ่งพินิจอยู่ชั่วระยะหนึ่ง จากนั้นยกขึ้นมาที่จมูก และดม และได้รับกลิ่นที่คุ้นเคยล่องลอยออกมา …
เข้าใจทุกสิ่งได้อย่างรวดเร็ว
สีหน้าที่อับอายของเขาแดงยิ่งขึ้น และโยนมันไป จากนั้น เขายังคงเดือดดาล
” … อาวุโสผู้นี้จักสังหารเจ้า เจ้าเด็กไร้ยางอาย … “
เสียงกรีดร้องปางตายดังก้องทั่วทุกทิศ น้ำเสียงโศกเศร้ายิ่ง …
จวินวูอี้ได้ยินเสียงกรีดร้องปางตายนั้น และรีบมุ่งหน้าไป เขาไปถึงทันเวลาและปะทะกับพ่อของเขา ผู้อาวุโสหน้าแดงเดินออกมาจากห้องของจวินโม่เซี่ย ในขณะที่เขาปัดเครา แต่ หางตาของเขายังคงแสดงความรู้สึกขำขัน …
” ท่านพ่อ โม่เซี่ยทำให้ท่านโกรธอีกแล้ว ? “
คุณชายสามถามจริงจัง
” ข้ามิได้เลี้ยงเจ้าเด็กเลวผู้นั้น ! “
ปู่จวินตัวสั่นขณะที่เขย่ามือขวาเงียบๆ ราวกับเขาประสงค์จะเอ่ยบางสิ่ง แต่ไม่มีคำใดออกมา เขายังคงตัวสั่นอยู่เป็นเวลาน และในที่สุดจึงเอ่ยขึ้น
” อนิจจัง … เจ้าเลวนั่นโตขึ้น … ถึงเวลามองหาลูกสะใภ้แล้ว “
จากนั้นเขาจึงเดินผ่านไปพร้อมมือไขว้หลัง
แต่ เขานึกขึ้นได้ทันทีถึงเหตุที่มาที่นี่เมื่อไปถึงประตูลานบ้านของจวินโม่เซี่ย ดังนั้น เขาจึงคำรามมาแต่ไกล
” โอ้ ใช่ ! ลูกสาม เจ้ารีบเตรียมเจ้าปิศาจน้อยตัวนั้นให้พร้อม เขาจำต้องเข้าพบองค์จักรพรรดิ ! “
จากนั้นเขาหายตัวไปพร้อมเสื้อผ้าที่ส่งเหสียง ฉึบ
ผู้บัญชาการแห่งกองกำลังอาณาจักร ยอดขุนพลจวิน ดูราวเขาอับอายยิ่งในเรื่องวันนี้ วีรบุรุษในรุ่นของเขา ได้สัมผัสกับ อาวุธที่รุนแรงของหลานชาย … น่าอัปยศยิ่งนัก แต่ เขามิอาจกลั้นยิ้มแม้นจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้า …
ดูคล้ายผู้อาวุโสมั่นใจ
มันใหญ่ … เขามีต้นทุนที่ดี … ต้นทุนของเขาอาจจะยังมิได้อยู่ในวัยผู้ใหญ่ แต่เขากำลัมาถูกทางแล้ว อายุเขาเพียงสิบหก และยังคงเติบโตได้อีก …
เร็วเข้า เร่งรีบเพิ่มพูนผู้สืบสานให้สกุลจวินเติบใหญ่ !
ปู่จวินวางมือบนอก และเริ่มเคลื่อนไหวราวเขากำลับอุ้มทารก ใบหน้าของเขาเผยยิ้มขณะคิดถึงสิ่งนี้ …
คุณชายสาม เข้าไปในห้อง และเห็นหลายชายผู้ลึกลับของเขามีท่าทีสงบเสงี่ยม ไม่เหมือนที่เขาเคยพบเห็น จวินโม่เซี่ย ก้มหัวต่ำ ราวกับหญิงสาวที่อับอาย และดึงเสื้อผ้าขึ้น
มีบางสิ่งน่าสงสัยยิ่งเกิดขึ้นที่นี่
” เกิดอันใดขึ้นจึงส่งเสียงร้องเช่นนั้น ? ข้ามิได้เห็นสิ่งที่เจ้าทำ เจ้าปิศาจน้อย … แต่ปู่ของเจ้า โกรธเคืองชัดเจน แต่ ดูเหมือนเขาดีใจ … สีหน้าของเขาคล้ายกำลังดุด่าเจ้า แต่ยังยิ้มอยู่ เร็วเข้า อธิบายแก่ข้า ! “
จวินวูอี้ งุนงง
จวินโม่เซี่ยไร้ทางเลือก เขาเงยขึ้นด้วยความอับอาย และเอ่ยถามอย่างเคารพ
” ท่านน้าสาม ข้าขอ … อย่าถาม … “
สิ่งนี้มิอาจเอ่ยต่อหน้า
คุณชายน้อยจวิน อับอาย หน้าของเขาหนากว่า กำแพงเมืองจีน แต่เรื่องนี้ อัปยศยิ่งสำหรับเขา ไม่ว่าเขาจักไร้ยางอายเพียงใด เป็นเรื่องร้ายแรงยิ่ง
จวินวูอี้ ได้รู้ส่ิงที่เกิดขึ้นจากพ่อของเขาในเวลาอาหาร พวกเขาร่วมทานอาหารกับ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เช่นนั้นเขาจึงได้ยินเช่นกัน จวินวูอี้ กำลังกินข้าวอยู่เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ ข้าวนั้นพุ่งกระจายเป็นเส้นสีขาวขณะที่เขาสำลักมันออกทางจมูก แท้จริง เขาเกือบพ่นอาหารใส่ร่าง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว
อาจารย์เหยี่ยว มิได้ขุ่นเคือง แม้นเขาเกือบถูกถ่มน้ำลายใส่ บนใบหน้าของเขามีสีหน้างุนงงชั่วขณะ จากนั้น เขาหัวเราะจนหอบเหนื่อย มิได้มีความสุขเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว เขาได้ต่อสู้กับ เล้ยวูเบ้ย ในคืนก่อน ซึ่งทำให้เขามีความสุขยิ่ง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าขบขันยิ่งนัก …
จวินโม่เซี่ย และปู่ของเขามิได้สนใจทั้งสองผู้ที่หัวเราะมิหยุดหย่อย และสนใจเพียงทานอาหารเช้า ขุนพล ในรถเข็น และ ยอดปรมาจารย์ที่แปด ยังมิได้หยุดหัวเราะกระทั่งจบมื้ออาหาร ดังนั้น ทั้งคู่หลานปู่จึงเร่งรีบจบมื้ออาหาร ขึ้นขี่ม้า และตรงไปยัง ราชวัง
จวินวูอี้ และ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวยังคงหัวเราะขณะที่ทั้งสองจากไป ราวกับชายทั้งสองถูกห้อมล้อมไปด้วยปิศาจเพลิง
มิอาจรู้เหตุใดองค์จักรพรรดิจึงต้องการพบจวินโม่เซี่ย เป็นคำขอที่บ้าบออันใดเช่นนี้ ? เขาควรจะรั้ง งาน ยอดนักปราชญ์ทองคำ ที่ได้ยกเลิกไปก่อนหน้านี้ และมันเกิดขึ้นในราชวังเช่นเดียวกัน …
เป็นเรื่องที่ผิดปกติยิ่ง
ข่าวนี้ถูกส่งมาเมื่อกลางดึก เจ้ากรมยุติธรรม เสนาบดี ซุนเฉิงเคอ วิ่งอุตลุต เดิมดี ผู้ที่กิจธุระวุ่นวายกว่าเขาคือ เจ้ากรมสถาบันอักษรสวรรค์ เนื่องจากนักศึกษาของพวกเขารอคอยการเฉลิมฉลองอย่างกระตือรือล้น นักศึกษาของพวกเขาผิดหวังยิ่ง เมื่อพบว่างานฉลองถูกยกเลิก แต่ ข่าวข่าวนี้ถูกส่งไปอย่างรีบเร่ง โดยเฉพาะเมื่องานนี้จัดขึ้นในราชวัง
เกิดการตัดสินใจในช่วงเย็นว่างานจักมีขึ้นในวันถัดไป แต่ นั้นหมายความว่าจักมีผู้คนมากมายที่มิอาจเข้าร่วมได้ …
อาวุโสหนวดขาวมากมายสาปแช่งในใจ
เป็นคำสั่งอันใดกัน ? เจ้าควรรู้วิธียับยั้งตัวเองแม้นว่าเจ้าประสงค์จักดูดนม …
แต่เขาคือ จักรพรรดิผู้ทรงอำนาจที่สุดภายใต้สรวงสวรรค์ หากเขาประสงค์ในวันนั้น … มันจักต้องเกิดขึ้นในวันนั้น ดังนั้น ผู้อาวุโสหนวดขาวเหล่านี้จึงมิกล้าปฏิเสธบัญชาของเขา และยกเลิกงาน เนื่องจากมันอาจนำพาหายนะมาสู่ เส้นทางทองคำแห่งการพัฒนานักปราชญ์ของพวกเขา …
เวลางวดเข้ามามาก สถานที่นั้นยิ่งใหญ่ และขนาดของงานเป็นประวัติการณ์ คุณชายน้องของทุกสกุลชั้นสูงได้รับเชิญ ในงานนั้นรวมถึงองค์ชายทั้งสาม องค์ชายอื่นๆก็มีส่วนร่วม แม้แต่เด็กสาวมากฝีมือในสกุลใหญ่ๆก็มาแสดงตัว
จวินโม่เซี่ย ถังหยวน และอันธพาลฉาวโฉ่อื่นๆก็อยู่ในรายชื่อเช่นกัน ดังนั้น ทั้งสองจึงได้รับเชิญ
ใบหน้าปู่จวินสงบนิ่งตลอดเส้นทาง เขามิได้ยิ่นวาจา จวินโม่เซี่ย ครุ่นคิดหนักอึ้ง และรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติในงานนี้ ทั้งปูหลานรู้สึกเช่นเดียวกันว่า สิ่งที่เรียกว่า งานยอดนักปราชญทองคำ นั้นมิใช่งานฉลองที่ดี
ผิดปกติอย่างมาก ! ผิดปกติยิ่งนัก !… ไร้เหตุผลสิ้นดี !
จวินโม่เซี่ย รู้สึกจางๆว่ามีตาข่ายที่มิอาจมองเห็นกำลังเข้าใกล้ตัวเขา …
จวินโม่เซี่ยงุนงง
เหตุใดข้าจึงรู้สึกเช่นนี้ ?
แม่เจ้าเอ๋ย ! ไม่มีผู้ใดมุ่งเป้ามาที่ข้า ! ยอมรับว่า ความสามารถการศึกษาและเล่าเรียนของข้านั้นเป็นเลิศ ข้าเคยชินกับสิ่งเหล่านี้จากอดีตจนปัจจุบัน และคุ้นเคยกับบทกวีมากมาย … ข้าคือปรมาจารย์แห่งจตุรศิลป์ ! แต่ผู้คนเหล่านี้ไม่รู้จักสิ่งนั้น เช่นนั้น ข้าควรอยู่บนสถานะใดในสายตาพวกเขา … ?
” โม่เซี่ย ! เรื่องวันนี้ … อาวุโสผู้นี้รู้สึกบางสิ่งผิดปกติ “
ปู่จวินจ้านเทียนสายตาสง่างาม
” เจ้า … ควรหลีกเลี่ยงการหลอกตัวเองให้มากยิ่งเท่าที่ทำได้ “
จวินโม่เซี่ยยิ้มเพื่อผ่อนคลายปู่ของเขา
” ท่านปู่ ท่านเชื่อข้า ? ไม่มีทางที่ข้าจักกระทำโง่เขลาและบ้าคลั่ง ข้าคือ อันธพาลอันดับหนึ่งแห่ง นครเทียนเชียง เหตุใดต้องเก็บซ่อนความโง่เขลาของข้า ?! ข้ากำเนิดมาโง่เขลา ! “
” ปิศาจน้อย ! “
ปู่จวินรู้สึกถูกเย้าหยอก เขายิ้มหลังความกดดันลดลงอย่างมาก
กองเนื้อสูงตระหง่านตรงหน้าราชวัง
จวินโม่เซี่ยเหลือบมองเพื่อนของเขาและหัวเราะ แน่นอน ถังหยวนและเขาลงเรือลำเดียวกันแล้ว
ปู่จวินมุ่งหน้าไปยังราชวังก่อน จวินโม่เซี่ย และถังหยวน ย่อตัวลงและพิงกำแพงด้านนอก พวกเขาดูราวนั่งอยู่ในท่าทางที่ชั่วร้าย
คุณชายน้อยในทุกสกุล และเหล่านักปราชญ์นั่งอยู่เคียงข้างพวกเขา ท่าทีสดใสเรียบร้อย มีกลิ่นไอแห่งความสง่าและจริงใจ ดูคล้ายคุณชายน้อยทั้งสองจะอยู่ไม่ถูกที่
บางผู้ไม่รู้จักวายร้ายทั้งสองที่นั่งอยู่ไม่ไกลนี้ พวกเขาสอบถามคนอื่นๆเกี่ยวกับสองคนนี้
” เจ้ามิรู้หรือ ? เจ้ามิรู้จักสองคนนี้ ? “
น้ำเสียงประหลาดใจเอ่ยถาม น่าอัศจรรย์ยิ่ง ดั่งเช่น ชาวอเมริกันมิรู้ว่า วอชิงตันคือผู้ใด … ชาวฝรั่งเศษมิรู้ว่านโบเลียนคือผู้ใด … และชาวเยอรมันมิรู้ว่าฮิตเลอร์คือผู้ใด