–
“ห๊ะ.. ทำไมจู่ๆ ตาของข้าก็มองไม่เห็น!”
ควันสีขาวที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาพ่นออกมาเมื่อครู่นั้นที่แท้ก็คือผงพิษชนิดร้ายแรง และหนึ่งในสามที่อยู่ท่ามกลางหมอกขาวนั้น ก็ถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ!
“แย่แล้ว!พิษนี้รุนแรงมาก รีบหลับตาเร็วเข้า!”
ยอดฝีมืออีกสองคนที่สวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้าต่างก็รีบหลับตาลงทันที พร้อมกับซัดฝ่ามือของตนเองออกไปข้างหน้า เพื่อหวังให้พลังปราณที่พวยพุ่งออกจากฝ่ามือนั้น ซัดเอาหมอกพิษที่อยู่รอบๆ ตัวออกไปด้วย
แต่พิษของเหมี่ยวเสี่ยวเหมานั้นเป็นพิษที่สามารถกำจัดได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือ
ทันทีที่ฝ่ามือของยอดฝีมือทั้งสองคนกระทบเข้ากับผงสีขาวฝ่ามือของพวกเขาทั้งคู่ก็กลายเป็นสีแดงอย่างน่ากลัว และค่อยๆ เปื่อยเน่าอย่างน่าสยดสยอง!
เจ้าทองอ้วนที่รอคอยโอกาสอยู่นั้นก็รีบบินฝ่าหมอกสีขาวเข้าไปอย่างรวดเร็ว และตรงเข้ากัดยอดฝีมือทั้งสามคนไปคนละหนึ่งครั้ง แต่เพียงแค่นั้นก็มากพอแล้ว..
ยอดฝีมือทั้งสามคนต่างก็ทิ้งอาวุธในมือพร้อมกับนอนกลิ้งลงกับพื้น และกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน ดูแล้วช่างเป็นภาพที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก
“นางใช้พิษ..สังหารนางก่อน!”
คนของสำนักโลหิตมารเพิ่งจะรู้ว่าการจะยึดบ้านหลังนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างที่เคยคิดไว้ ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น พวกเขาจึงลืมคำสั่งของโอรสพรรคมารจนหมดสิ้น..
ยอดฝีมือจากสำนักโลหิตมารสองคนรีบกลั้นหายใจและเดินพลังปราณปกป้องร่างกายไว้ทันที จากนั้นจึงพุ่งเข้าใส่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาพร้อมอาวุธในมือ!
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเองก็ไม่รีรอที่จะกระโดดหลบเธอได้จัดการติดยันต์เทวะเหินไว้ที่ร่างกายแล้ว เวลานี้จึงสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเดิมถึงสองเท่า ในขณะที่เจ้าทองอ้วนนั้นก็คอยบินตามอยู่บนท้องฟ้า และยอดฝีมือทั้งสองคนก็ไม่สามารถตามเธอได้ทัน..
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง..ตี้เสี่ยวอู๋ก็กำลังประมือกับศิษย์สำนักโลหิตมารคนหนึ่งอยู่ หลังจากที่ปะทะกัน ทั้งคู่ต่างก็กระเด็นถอยหลังออกไปคนละสามก้าว ทำให้ศิษย์สำนักโลหิตมารถึงกับอึ้งไป และเอ่ยออกมาอย่างงุนงง
“เจ้าเด็กนี่ขั้นยังต่ำนักแต่เหตุใดร่างกายของมันจึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”
เวลานี้ตี้เสี่ยวอู๋อยู่ในระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-6ในขณะที่ศิษย์สำนักโลหิตมารนั้นอยู่ในชั้นเซียงเทียน-2 ก่อนหน้าจะประมือกันนั้นเขายังนึกหัวเราะเยาะตี้เสี่ยวอู๋ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตนเองกลับไม่สามารถทำอะไรตี้เสี่ยวอู๋ได้..
หากจะพูดกันตามตรง..การที่หลิงหยุนเป็นผู้ดูแลฝึกฝนทั้งวิชานู่เตา และดาราคุ้มกายให้กับตี้เสี่ยวอู๋ด้วยตัวเองนั้น แม้เขาจะอยู่เพียงแค่ระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-6 และยังไม่เก่งกาจสามารถเท่าหลิงหยุนนั้น แต่ก็สามารถรับมือกับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-1ได้…novel-lucky.
เหตุผลที่หลิงหยุนเลือกฝึกวิชาดาราคุ้มกายนั้นก็เพราะวิชานี้เป็นวิชาที่ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งอย่างมาก และช่วยให้สามารถรับมือคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าตนเองได้ถึงสามขั้น โดยไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ..
ขั้นเซียงเทียน-2นั้นห่างจากขั้นโฮ่วเทียน-6 ถึงห้าขั้น แต่ตี้เสี่ยวอู๋ก็ไม่มีทางเลือก และจำเป็นต้องสู้เพื่อเอาชีวิตรอด!
แต่ตี้เสี่ยวอู๋ก็ไม่ได้มีเพียงวิชาดาราคุ้มกายเท่านั้นเขายังมียันต์เพชร และยันต์เกราะสำหรับป้องกันตัวอีกด้วย จึงทำให้เวลานี้ร่างกายของตี้เสี่ยวอู๋แข็งแกร่งเทียบเท่ายอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-2 เลยทีเดียว!
และถึงแม้ว่าหลิงหยุนจะไม่อยู่บ้านแต่ที่นี่ก็ยังมีค่ายกลที่เขาสร้างไว้ มียันต์หลากหลายชนิดที่เขาเป็นผู้ปลุกเสก การต่อสู้ภายในบ้านจึงดุเดือดไม่แพ้กัน!
หรืออาจจะพูดได้ว่าทุกคนที่อยู่ในบ้านเลขที่-1นั้น ต่างก็เปรียบเสมือนเงาของหลิงหยุนนั่นเอง!
ตี้เสี่ยวอู๋กระเด็นถอยหลังออกไปสามก้าวแต่ก็ยังสามารถควบคุมพลังปราณในจุดตันเถียนไว้ได้ ทำให้เขารู้สึกภูมิอกภูมิใจอย่างมาก
ตี้เสี่ยวอู๋เป็นผู้ที่หลงใหลในการฝึกวรยุทธและในเวลาเช่นนี้ เขาก็พร้อมสู้กับศัตรูอย่างถวายชีวิตหากไม่ล้มลงไปเสียก่อน!
“เข้ามา!”
ตี้เสี่ยวอู๋ร้องตะโกนออกไปพร้อมกับหันไปมองรอบๆตัว ก่อนจะจับจ้องอยู่ที่ศัตรูตรงหน้า และเปลี่ยนจากฝ่ามือมาเป็นกรงเล็บมังกรของวัดเส้าหลินทันที!
“หึ..”
ศิษย์สำนักโลหิตมารทำเสียงเหยียดหยันพร้อมกับใช้วิชาโลหิตมารพุ่งเข้าใส่ตี้เสี่ยวอู๋อีกครั้ง
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเหมี่ยวเสี่ยวเหมาใช้ทั้งพิษ และดักแด้ทองคำสู้กับศัตรู ในขณะที่ตี้เสี่ยวอู๋ก็ใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งของตนเองรับมือเช่นกัน…
ทางด้านหวังเฟยฮู๋และลูกน้องที่เข้าไปช่วยกลุ่มของหนิงหลิงยู่ทั้งหกคนนั้นทั้งสามคนต่างก็ต้องประมือกับยอดฝีมือมาตลอดทาง และทุกคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บ
คนของสำนักโลหิตมารนั้นไม่ได้โง่ทันทีที่พวกมันกระโดดข้ามกำแพงเข้ามาในสวนหน้าบ้านได้ ก็รีบตรงเข้าไปจัดการกับผู้ที่อ่อนด้อยที่สุดก่อน ซึ่งก็คือกลุ่มของหนิงหลิงยู่ทั้งหกคน..
ศิษย์สำนักโหลิตมารสิบกว่าคนพุ่งเข้าไปอย่างไม่ลังเลและการที่หวังเฟยฮู๋กับลูกน้องประมือกับยอดฝีมือเป็นสิบเช่นนี้ ย่อมไม่ต่างจากเอาไข่ไปกระแทกกับหินดีๆนี่เอง..
แต่ถึงแม้หวังเฟยฮู๋กับลูกน้องจะได้รับบาดเจ็บพวกเขาก็สู้ไม่ถอยเลยแม้แต่ครึ่งก้าว ทั้งหมดต่างก็ช่วยกันปกป้องหนิงหลิงหยู่ และคนอื่นๆไว้
ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-5ของสำนักโหลิตมารเห็นหวังเฟยฮู๋กระเด็นออกไปถึงสามก้าวแล้ว จึงพูดขึ้นว่า..
“หวังเฟยฮู๋..พวกเจ้าทั้งสามคนเป็นแขกของตระกูลซันไม่ใช่รึ เหตุใดพวกเจ้าจึงทรยศต่อตระกูลซันเช่นนี้!?”
หวังเฟยฮู๋ที่กระอักเลือดออกมารีบยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ปากพร้อมกับตอบไปว่า “ทรยศงั้นรึ ข้าเป็นเพียงแขกของตระกูลซัน และไม่เคยบอกว่าตนเองเป็นทาสรับใช้ตระกูลซัน ข้าจะอยู่กับผู้ใดนั้นเป็นเรื่องของข้า! แต่วันนี้ข้าจะไม่ปล่อยคนของสำนักโลหิตมารแน่!”
ยอดฝีมือของสำนักโลหิตมารได้ยินก็ถึงกับยิ้มออกมา“ใครจะไม่ปล่อยใครกันแน่ ข้าจะบอกอะไรให้.. คืนนี้คนในบ้านหลังนี้อย่าหวังมีชีวิตรอดออกไปแม้แต่คนเดียว หากเจ้ากล้าขัดขวาง ก็อย่าได้ตำหนิว่าสำนักโหลิตมารโหดร้ายกับเจ้าก็แล้วกัน!”
หวังเฟยฮู๋ไม่เพียงไม่มีท่าทีหวาดกลัวแต่ยังพูดตอบโต้กลับไปว่า “ข้าก็จะบอกกับเจ้าเช่นกันว่า.. มีพวกข้าทั้งสามคนอยู่ที่นี่ พวกเจ้าก็อย่าหวังมีชีวิตรอดออกไปได้เลย!”
ถังเมิ่งได้ฟังคำพูดของหวังเฟยฮู๋ก็หันไปมองพร้อมกับเอ่ยชื่นชมจากใจ “อาวุโสหวัง.. ท่านพูดได้ดี! ไว้พี่หยุนกลับมา ผมจะรีบเล่าให้พี่หยุนฟังทันที!”
ยอดฝีมือสำนักโลหิตมารมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับร้องตะโกนใส่หวังเฟยฮู๋ “ถ้าเช่นนั้น.. ก็ลองดู!”
หลังจากพูดจบก็โบกมือร้องตะโกนว่า“สังหารพวกมัน!”
หวังเฟยฮู๋หันไปมองลูกน้องทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆพร้อมกับสั่งว่า “พวกเจ้าทั้งสองคนฟังข้า.. คืนนี้หากต้องตายอยู่ที่นี่ ก็ขอให้ตายตรงหน้าพวกเขาทั้งหกคน!”
ลูกน้องของหวังเฟยฮู๋ทั้งสองคนพยักหน้ารับคำสั่งเงียบๆแต่สีหน้าของพวกเขานั้นบ่งบอกว่าได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว!
สิ้นเสียงสั่งการของคนสำนักโลหิตมารยอดฝีมืออีกหกคนก็พุ่งตรงเข้าจู่โจมหวังเฟยฮู๋กับลูกน้องทันที..
“พวกเจ้าต่างหากที่ต้องตาย!”
เรือนร่างงดงามปรากฏขึ้นตรงหน้ายอดฝีมือทั้งหกคนและฝ่ามือของนางก็ปรากฏเปลวไฟพุ่งออกไปไกลถึงสามเมตร..
ตูม!
และนี่คือฝ่ามือเพลิงสวรรค์ของไป๋เซียนเอ๋อ!
นี่ไม่ใช่เปลวไฟธรรมดาแต่มันคือเปลวไฟที่เกิดจากวิชาชั้นสูงของไป๋เซียนเอ๋อ เปลวไฟจึงรุนแรง และพุ่งเข้าใส่ร่างของยอดฝีมือทั้งหกคนทันที และทั้งหมดต่างก็กรีดร้องออกมาพร้อมกับกระโดดถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว
สี่คนถูกไฟครอกจนลงไปนอนกลิ้งกับพื้น!
ร่างของไป๋เซียนเอ๋อพุ่งเข้าใส่ยอดฝีมืออีกสองคนที่เหลือทันทีนางใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของคนออกคำสั่ง แล้วหน้าผากของเขาก็กลายเป็นรู และมีเลือดไหลออกมาเพียงเล็กน้อย
หวังเฟยฮู๋กับลูกน้องจะตายหรือไม่นั้นยังไม่มีใครรู้แต่พวกมันทำให้ไป๋เซียนเอ๋อโกรธจึงต้องตายก่อน!
ถังเมิ่งซึ่งยืนอยู่ข้างหนิงหลิงยู่และคนอื่นๆหลังจากที่เฝ้ามองการต่อสู้ที่ดุเดือดอยู่กลางสนาม ก็ได้แต่คิดว่าตนเองควรจะต้องทำอะไรบางอย่าง จึงพึมพำออกมาคล้ายพูดกับตัวเอง
“พวกมันมีคนตั้งมากมายปล่อยให้เซียนเอ๋อต่อสู้เพียงคนเดียวต่อไปคงจะไม่ไหว ต้องรีบโทรหาอาปิงก่อน!”
เวลานี้มือทั้งสองข้างของถังเมิ่งนั้นข้างซ้ายถือยันต์บำบัดไว้ และข้างขวาถือยันต์เตโชอยู่ เขาจึงรีบแปะยันต์เตโชไว้ที่มือข้างซ้าย แล้วรีบใช้มือขวาดึงโทรศัพท์มือถืออกมาโทรหาอาปิงทันที!
ถังเมิ่งไม่ได้โทรเรียกคนมาเพิ่มแต่เขานึกถึงหลี่ยี่กับเจียวเฟยที่เพิ่งได้รับปืนไปกว่าสามสิบกระบอก..
หลิงหยุนไม่ใช่ผู้ที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆถังเมิ่งเองก็เช่นกัน!
แต่น่าแปลกที่จู่ๆโทรศัพท์มือถือของถังเมิ่งก็ไม่มีสัญญาณ จึงไม่สามารถโทรหาใครได้..
“แม่เจ้า..ที่นี่เป็นหมู่บ้านคนร่ำรวย แต่กลับไม่มีสัญญาณโทรศัพท์นี่นะ! โธ่โว้ย!!”
ถังเมิ่งโมโหจนถึงกับขว้างโทรศัพท์มือถือลงพื้น!
หนิงหลิงยู่เห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ขมวดคิ้วและพูดเสียงเบา “น่าจะเป็นฝีมือขององค์กรนักฆ่าจริงๆ ทั้งไฟทั้งสัญญาณมือถือถูกตัดหมด พวกมันน่าจะส่งคลื่นบางอย่างรบกวน ฉันจะลองใช้เครื่องมือสื่อสารที่น้าหญิงให้ไว้ดูนะ!”
และครั้งนี้เครื่องมือสื่อสารก็ถูกนำออกมาใช้หนิงหลิงยู่หมุนหาหลิงหยุน และเล่าสถานการณ์ที่บ้านให้เขาฟังทันที!
หลังจากที่บอกเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้หลิงหยุนฟังแล้วหนิงหลิงยู่ก็รีบปิดเครื่องมือสื่อสารพร้อมกับร้องตะโกนบอกไป๋เซียนเอ๋อ
“น้องเซียนเอ๋อ..อดทนอีกนิดนะ พี่ใหญ่บอกว่ากำลังส่งน้าหญิงกลับมาช่วยที่นี่แล้ว!”
ยังไม่ทันที่หนิงหลิงยู่จะพูดจบหวังเฟยฮู๋กับลูกน้องก็กระโดดเข้าไปหาศัตรู ครั้งนี้เขาถูกซัดจนล้มลงกับพื้น และกระอักเลือดออกมา แต่ละคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บภายในค่อนข้างสาหัสมาก
หนิงหลิงยู่หลินเมิ่งหาน และเหยาลู่ต่างก็หันมามองหน้ากัน หลังจากพยักหน้าตกลงกันแล้ว ทุกคนต่างก็ยกมือขึ้นพร้อมกัน แล้ววิ่งตรงเข้าหาศัตรูพร้อมกับถือยันต์เตโชคนละสองสามแผ่นไว้ในมือ และทันทีที่สิ้นเสียงร้องสั่งยันต์ให้อออกฤทธิ์..
ตูม!!
สวนด้านหลังของบ้านเลขที่-1ก็มีลูกไฟจากยันต์เตโชพวยพุ่งขึ้นมาหลายสิบลูก ยอดฝีมือสองคนกระโดดถอยหลังหนีไปได้ ในขณะที่อีกสี่คนได้รับบาดเจ็บสาหัส!
“รีบช่วยพวกเขาก่อนเร็วเข้า!”
หนิงหลิงยู่หลินเมิ่งหาน และเหยาลู่ที่ทำหน้าที่คุ้มครองถังเมิ่งกับหนิงน้อย ต่างก็รีบวิ่งไปหาหวังเฟยฮู๋กับลูกน้องของเขาอีกสองคน ทุกคนหยิบยันต์บำบัดออกมาไว้ในมือทันที
“ขอบคุณคุณหนูมาก!”
หวังเฟยฮู๋กล้ำกลืนความเจ็บปวดพร้อมกับเอ่ยขอบคุณหนิงหลิงยู่
หนิงหลิงยู่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า“คุณได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยพวกเรา พวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณจึงจะถูกต้อง!”