ความบ้าคลั่งของหญิงสาว
แสงดาบของเทวะเงาครามได้ตัดผ่านระฆังในขณะที่มันกำลังปกคลุมร่างกายของเจ้าอ้วนไว้ เกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่ปะทะเข้ากับโลหะอย่างรุนแรง บนระฆังเต็มไปด้วยรอยบาดแผลจากคมดาบและเป็นหลุมเป็นบ่อเมื่อถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าเทวะเงาครามจะเป็นอุปกรณ์วิเศษระดับสูง แต่ความแข็งแกร่งของมันไม่ได้อยู่ที่ดาบ พลังของมันอยู่ที่ลำแสงพลังในการโจมตี ดังนั้นพลังที่ออกมาจากดาบนี้จะรุนแรงกว่าพลังของดาบบินทั่วไปถึงสิบเท่า เพียงแค่เคลื่อนไหวเล็กน้อยมันสามารถปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาได้มากกว่าหนึ่งพันดวง แต่พลังเหล่านี้มีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่ และการโจมตีของมันสร้างบาดแผลให้กับระฆังยักษ์ลึกแค่สองถึงสามนิ้วเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฏขึ้นเป็นผลจากพลังคลื่นดาบของนางทั้งสิ้น เมื่อมองไปที่รอยบาดแผล มู่ซื่อหรงไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด แต่กลับมีความสุขเสียด้วยซ้ำ นางคิดกับตนเองว่า ‘ระฆังบัดซบนี้หนาเพียงสองถึงสามนิ้วเท่านั้น น้ำหนักของมันราวหนึ่งหมื่นจิน ข้าอยากรู้จริงว่าเจ้าคนจนผู้นี้มันคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ ความหนาเพียงเท่านี้ แน่นอนว่าข้าสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย แล้วข้าจะแสดงให้ดูว่าหลังจากนั้นข้าสามารถดูแลเจ้าได้ดีเพียงใด!’
เมื่อคิดเช่นนี้ มู่ซื่อหรงปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดออกมาพร้อมกับละทิ้งการป้องกันทันที นางรวบรวมสมาธิไว้ที่ดาบพร้อมกับปล่อยคลื่นพลังมหาศาลออกมา
คลื่นพลังของดาบนี้สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล รูปร่างของมันคล้ายกับมังกรยาวหนึ่งพันฟุตและกว้างหลายสิบฟุต มันพุ่งไปด้านหน้าอย่างไม่เกรงกลัวพุ่งชนกับระฆังยักษ์อย่างต่อเนื่อง การโจมตีทุกครั้งส่งผลให้เหล็กดำหลุดร่อนออกจากตัวระฆัง เพียงไม่กี่อึดใจ เหล็กสีดำร่อนออกจากตัวระฆังไปมากมาย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้มู่ซื่อหรงผิดหวังคือแม้ว่านางจะจัดการเหล็กดำบนระฆังออกไปมากมาย แต่ทว่าขนาดของมันยังคงเท่าเดิม มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้ว่าเหล็กดำจะหลุดร่อนไป มันเป็นเพียงแค่ชั้นบาง ๆ ที่ถูกกำจัดออกไปเท่านั้น ไม่มีผลกระทบใดเกิดขึ้นเลย ซึ่งผลลัพธ์เช่นนี้ไม่อาจทำให้มู่ซื่อหรงยอมรับได้
ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ เจ้าอ้วนได้เปล่งเสียงอันน่ารำคาญของมันออกมาจากในระฆัง “ศิษย์พี่ทุ่มพลังทั้งหมดออกมาเถิด! ข้ารอคอยการเหยียบย่ำของท่านอยู่!”
มู่ซื่อหรงอารมณ์เดือดจัดทันที! นางไม่สามารถเก็บอารมณ์ไว้ได้จึงตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “ไขมันบัดซบ จงอวดดีต่อไปเถิด! ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ในสภาพที่ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะอ้อนวอน!” หลังจากนางกล่าวจบ นางหยุดพักแล้วเริ่มรวบรวมปราณจิตวิญญาณเพื่อโจมตีอีกครั้ง ในขณะนั้นดาบเทวะเงาครามเปล่งแสงเข้มกว่าเดิม พลังของมันพุ่งขึ้นอย่างมหาศาล อีกทั้งเพิ่มปริมาณของมังกรอีกหลายเท่าตัว
อย่างไรก็ตามไม่ว่ามู่ซื่อหรงจะใช้ดาบเทวะเงาครามสร้างมังกรออกมามากเท่าไหร่ แต่สถานการณ์กลับคล้ายว่าเอาก้อนหินไปโยนใส่ระฆังเท่านั้น แม้ว่าระฆังยักษ์นี้จะดูคล้ายกับเศษเหล็กที่พร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ แต่มันกลับไม่สะทกสะท้านต่อการโจมตีของนางแต่อย่างใด
ในเวลาเดียวกัน เจ้าอ้วนยังคงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากล้อเลียนเช่นเคย “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ เร็วอีก รีบขึ้นทับข้าเร็ว ๆ เร็ว เร็วอีก! ช่วยเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม!”
“เหตุใดท่านจึงยังไม่เข้ามาหาข้าอีกนะ? ข้ารอคอยจนเหนื่อยแล้ว!”
“อย่าบอกข้านะ ว่าท่านหลงรักข้าเสียแล้วและท่านกำลังแสดงความภักดีงั้นหรือ? สวรรค์ ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าควรจะทำเช่นไรดี!”
ขณะที่มู่ซื่อหรงได้ยินที่เจ้าอ้วนกล่าวเย้ยหยัน นางขาดสติทันที มีเพียงความโกรธเข้ามาครอบงำ! นางกลับมารวบรวมปราณจิตวิญญาณ พร้อมปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีอยู่ แต่ไม่ว่านางจะพยายามอย่างไร มันก็ไม่มีประโยชน์เลย แม้ว่าเสียงของการปะทะจะสนั่นหวั่นไหว แม้ว่าเหล็กดำจะร่อนออกมามากมายเพียงใด แต่ก็ไม่อาจทำลายระฆังใบนี้ได้
เห็นได้ชัดว่านางไม่สามารถจะโจมตีเช่นนี้ตลอดไปได้ ไม่ว่านางจะพยายามมากเท่าใด แต่มันก็ไม่สามารถอยู่ได้นานเกินห้านาที ตอนนี้นางสูญเสียพลังไปมากกว่าแปดในสิบ ในขณะที่เจ้าอ้วนยังคงอยู่ในสภาพไร้รอยขีดข่วนภายใต้ระฆังยักษ์ อาจเป็นไปได้ว่าถ้าหากเจ้าอ้วนออกจากระฆังยักษ์มาในตอนนี้ เขาสามารถเอาชนะนางได้ด้วยดาบบินอินทรีย์ทอง
อย่างไรก็ตาม เจ้าอ้วนไม่ยอมปล่อยตัวเองให้ออกไปพบมู่ซื่อหรงอย่างแน่นอน เจตนาของเขาไม่มีแผนที่จะออกไปเร็ว ๆ นี้ เขานั่งลงภายในระฆังและย่างมัจฉาไร้เนตรกินอย่างสบายอกสบายใจ แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะเปิดปากเยาะเย้ยนางในขณะที่เปิดไวน์องุ่นไปด้วย
“ศิษย์พี่ ท่านหมดแรงแล้วหรือยัง? ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ท่านต้องยอมรับความพ่ายแพ้นี้เสียแล้ว! ตามเดิมพันที่เราได้วางไว้ ถ้าท่านแพ้ ท่านจะต้องกลายเป็นทาสของข้า! ฮ่าฮ่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านจะไม่ต้องรอคอยเวลาที่ข้ากำลังอาบน้ำ เพราะในขณะที่ข้าอาบน้ำ ท่านต้องมาช่วยข้าทำความสะ….” ก่อนที่เจ้าอ้วนจะกล่าวจบ อารมณ์ของมู่ซื่อหรงได้พ้นจุดเดือดขึ้นไปแล้ว นางไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป
ในตอนนี้มู่ซื่อหรงได้เข้าใจแล้วว่านางหลงกลเจ้าอ้วนเข้าแล้ว เขาจงใจให้นางใช้พลังอย่างมหาศาลเพื่อโจมตี บวกกับตั้งข้อเดิมพันในขณะที่นางกำลังโกรธ ในขณะนี้นางติดกับดักอย่างสมบูรณ์ นางไม่สามารถเอาชนะ แต่นางก็ไม่อาจยอมแพ้ได้! สวรรค์ มู่ซื่อหรงตัดสินใจรวบรวมพลังครั้งสุดท้าย
“สารเลว! ข้าจะสู้กับเจ้า!” เมื่อนางกล่าวจบ นางหยิบยาอายุวัฒนะออกมาและกลืนมันลงไปโดยไร้คำพูดใด
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันร้องตะโกนออกมา “ยาเร่งพลัง? ไม่นะ!”
เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินชื่อยาเร่งพลัง เขาตกใจทันที เขารู้ดีว่ายานี้จะเกิดปฏิกิริยากับร่างกายอย่างรุนแรง มันจะปลดปล่อยพลังทุกส่วนออกมาทั้งหมด หลังจากกินมันเข้าไป ความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นจะมากขึ้น แต่ราคาที่ต้องจ่ายอยู่หลังจากนั้น แน่นอนว่ามูลค่าของมันคือการที่เส้นเอ็นและเส้นลมปราณทั้งหมดเสียหายอย่างรุนแรง และต้องพักฟื้นโดยใช้เวลาหนึ่งถึงสองปี ดังนั้นแม้ว่ามู่ซื่อหรงจะได้รับชัยชนะจากการกินยาเร่งพลัง หลังจากนั้นการฝึกฝนของนางจะต้องล่าช้าออกไปอีกหนึ่งถึงสองปี
การที่มู่ซื่อหรงได้กินยาเร่งพลังเข้าไป ทำให้พลังของนางเพิ่มพูนมากขึ้นมหาศาล และมากเกินระดับเซียนเทียนจะรับไหว เจ้าอ้วนรีบตะโกนออกไปทันที “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่! ท่านโกง! ยาเร่งพลังเป็นสมบัติที่ไม่สามารถใช้ได้ในการแข่งขัน!”
“แค่กแคก” ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันไอออกมาสองครั้งด้วยความกระอักกระอ่วนใจที่ต้องประกาศว่ามู่ซื่อหรงพ่ายแพ้เนื่องจากละเมิดกฎการแข่งขัน
แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่ามู่ซื่อหรงจะจ้องมองกลับมาด้วยความโกรธ “สำนักได้กำหนดไว้ว่าสามารถใช้สมบัติได้หนึ่งครั้ง มีเพียงสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์และยันต์เท่านั้นที่ไม่อาจใช้ในการแข่งขันได้ แต่ยาเร่งพลังเป็นยาอายุวัฒนะซึ่งไม่ได้อยู่ในรายการ ดูเหมือนว่ากฎจะไม่ได้กำหนดไว้ ถูกหรือไม่?”
“เรื่องนั้น…” ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันอึกอักทันที ในความเป็นจริง สิ่งที่มู่ซื่อหรงกล่าวมาไม่ใช่เพียงข้ออ้าง กฎคือไม่สามารถใช้อุปกรณ์วิเศษที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวและยันต์ระดับต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ฐานะของผู้ฝึกตนแตกต่างกันมาก ยาเร่งพลังนั้นมีผลเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามมันมีผลข้างเคียงที่มาพร้อมกับตัวยา นี่เป็นเพียงการแข่งขันเล็กเท่านั้น ดังนั้นไม่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำลายอนาคตตัวเองไม่กี่ปีเพื่อใช้ยาชนิดนี้
ถ้าหากนางเป็นเพียงศิษย์ทั่วไป ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันสามารถโต้เถียงข้อเท็จจริงเรื่องนี้กับนางและสามารถประกาศว่านางละเมิดกฎได้ แต่ว่ามู่ซื่อหรงมีผู้แข็งแกร่งสนับสนุนอยู่เบื้องหลังและไม่อาจยั่วยุได้ เมื่อเห็นดวงตาสีแดงฉานของนาง เขาจะกล้าต่อต้านได้อย่างไร?
ในขณะนั้นยาเร่งพลังได้แสดงผลลัพธ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ระดับพลังของนางถูกยกขึ้นไปอยู่ในระดับปฐมภูมิทันที ถ้าหากนางยังรอคอยเวลามากไปกว่านี้ ปราณจิตวิญญาณที่เพิ่มพูนขึ้นมานั้นจะค่อย ๆ สลายหายไป และยาเร่งพลังที่นางใช้ไปเมื่อครู่จะสูญเปล่าทั้งหมด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มู่ซื่อหรงไม่อาจใส่ใจกับสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันจะกล่าวได้อีกต่อไป นางรวบรวมปราณจิตวิญญาณใส่ลงไปดาบเทวะเงาครามทันที
← ตอนก่อน