ผลการแข่งขันที่ผิดพลาด

เวลาต่อมา คลื่นพลังของดาบเทวะเงาครามได้พุ่งออกเป็นลำแสงหนามากกว่าสิบฟุต อีกทั้งจำนวนของมันมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า กลายเป็นมังกรนับพันตัวล้อมรอบระฆังยักษ์ไว้อย่างแน่นหนา

สำหรับพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาในครั้งนี้ ทุกคนโดยรอบมองเห็นได้ว่ามันเจาะเข้าไปในพื้นผิวของเหล็กดำได้ครึ่งฟุต ลำแสงเหล่านั้นพันรอบระฆังไว้อย่างแน่นหนาพร้อมกับร่อนพื้นผิวของเหล็กดำออกทันที นอกจากนี้พลังเหล่านั้นไม่เพียงแต่ค่อย ๆ เฉือนเนื้อของระฆังเท่านั้น มันกำลังพยายามเจาะระฆังให้แตกหักอีกด้วย ภายในสนามต่อสู้เกิดฝุ่นคลุ้งมากมาย แม้ว่าจะซ่อนตัวอยู่ภายในระฆัง เจ้าอ้วนยังรู้สึกถึงพื้นดินด้านนอกที่กำลังสั่นสะเทือน อีกทั้งพื้นดินที่เขายืนอยู่ดูราวกับว่ามันกำลังอ่อนนิ่มไม่มั่นคง คล้ายกับว่าเขายืนอยู่บนเรือท่ามกลางคลื่นลมแรง สิ่งนี้ทำให้เขามีปัญหากับการจับแก้วไวน์ในมือ

เจ้าอ้วนไม่ได้ห่วงอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เขาเพียงรอให้เหล็กดำด้านนอกเย็นลงแล้วจัดการขยายหรือลดขนาดของระฆังเท่านั้น จากเดิมที่สูงราวสามสิบฟุตก่อนที่จะโดนพลังของดาบเทวะเงาคราม ในตอนนี้มันเพิ่งสูงขึ้นเป็นสามร้อยฟุตอย่างน่าตกใจ ซึ่งระฆังใบนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงหนึ่งร้อยฟุต รูปร่างของมันตอนนี้คล้ายกับภูเขาลูกเล็กมีรากหยั่งลึกลงในดิน ให้ความน่าเกรงขามต่อสายตาผู้คนที่กำลังจับจ้องมา

เมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนี้ มู่ซื่อหรงแทบจะหลั่งน้ำตาด้วยความปิติยินดี นางคิดว่าเจ้าอ้วนได้เผยไพ่ใบสุดท้ายออกมาแล้ว นางจึงทุ่มเทพลังในการโจมตีมากขึ้น ลำแสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากดาบคล้ายกับน้ำที่ระเบิดออกมาจากสรวงสวรรค์ มันพุ่งโจมตีระฆังอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรง เหล็กดำหลุดร่อนออกมามากมายจนนับไม่ถ้วน พวกมันร่วงหล่นสู่พื้นดินเกิดเสียงกระทบกับพื้น *กรุ้งกริ๊ง* เสียงดังแสบหูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่เหล็กดำหลุดร่อนออกไปอย่างต่อเนื่อง ขนาดของระฆังยักษ์ก็หดเล็กลง มู่ซื่อหรงกำลังคิดว่านางจะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน นางจึงโจมตีต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน อีกทั้งตะโกนต่อว่าเจ้าอ้วนพร้อมกันด้วย “ไขมันบัดซบ เจ้าไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้แล้วหรือ? รอข้าสักครู่ ข้าจะบดขยี้ระฆังโสโครกของเจ้าในเร็ว ๆ นี้ แล้วจากนั้นข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้น ๆ!”

“ฮ่าฮ่า เช่นนั้นหรือ?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขอแสดงความยินดีกับศิษย์พี่ล่วงหน้าเลยแล้วกัน! ข้าชื่นชมท่านสำหรับความพยายามอันแข็งขันนี้ ในตอนนี้ท่านได้ทำลายพื้นผิวของระฆังไปแล้วหนึ่งในสิบเท่านั้น! ข้าเชื่อว่าท่านคงต้องพยายามอยู่เช่นนี้อีกสักหนึ่งชั่วโมง ท่านจึงจะทำลายระฆังใบนี้ได้ ฮ่าฮ่า ข้ารู้สึกเป็นเกียรติมากกับการแสดงพลังของท่านในครั้งนี้!”

เมื่อมู่ซื่อหรงได้ยินเช่นนั้น นางตกตะลึงไปชั่วขณะทันที! ประการแรกต้องรู้ว่าหลังจากกินยาเร่งพลังไปแล้ว มันส่งผลให้ปราณจิตวิญญาณเข้มข้นขึ้นสิบเท่าในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ซึ่งไม่เกินหนึ่งนาที นอกจากนี้จิตวิญญาณที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปไม่อาจพักฟื้นคืนสภาพเดิมได้ และจำนวนที่ใช้ไปทั้งหมดคือปราณจิตวิญญาณที่แตกสลายไป และในตอนนี้มู่ซื่อหรงใช้ปราณจิตวิญญาณของตนเองอย่างบ้าคลั่ง ไม่ต้องพูดถึงเวลาหนึ่งชั่วโมง นางคงไม่สามารถใช้เวลาเพียงนาทีเดียวเพื่อระเบิดมันได้ แล้วจากนี้นางจะต่อสู้อย่างไรต่อ?

นางได้ทำร้ายตนเองไปแล้วอย่างไม่ลังเลด้วยการใช้ยาเร่งพลังที่มีผลข้างเคียงมหาศาล แต่ในตอนนี้นางกลับไม่สามารถมองเห็นชัยชนะได้ ความสิ้นหวัง ความสูญเสีย และความโกรธแค้น อารมณ์ทั้งหมดในตอนนี้พุ่งออกมาจากปากขวดแคบ ๆ จนแทบระเบิด ด้วยความแข็งแกร่งของนางและการพ่ายแพ้ในครั้งนี้ นางสูญเสียจิตวิญญาณของตนเองไปอย่างไม่คาดคิดมาก่อน พลังงานมากมายที่ถูกปล่อยออกมาทั้งหมดคล้ายกับการควบคุมม้าที่ไร้บังเหียน มันทำให้เกิดหายนะกับเส้นลมปราณของนาง!
สถานการณ์เช่นนี้เป็นความอับอายของผู้ฝึกตน มู่ซื่อหรงเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนเท่านั้น อีกทั้งเส้นลมปราณของนางสามารถอดทนต่อพลังพื้นฐานเดิมของนางเท่านั้น การเพิ่มจำนวนที่มากมายเป็นครั้งคราวอาจจะไม่เป็นไรนัก แต่ในคราวนี้กลับเพิ่มพลังไปถึงระดับปฐมภูมิ ซึ่งทำให้ระบบภายในร่างกายเกิดความวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่สามารถควบคุมมันได้ ความสับสนภายในสามารถทำลายเส้นลมปราณของนางได้เพียงเวลาสั้น ๆ!

มีเพียงคนเดียวที่เห็นมู่ซื่อหรงหลั่งโลหิตออกมามากมายจากปากของนาง ก่อนที่จะล้มหมดสติไป ร่างกายของนางล้มลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นนางอยู่บนอากาศสูงถึงหนึ่งร้อยฟุต ถ้าหากนางตกสู่พื้นดินด้วยสภาพเช่นนี้แน่นอนว่ามันไม่อาจทำให้นางตายตกไปได้ แต่จะทำให้กระดูกของนางหักทั้งตัว!

ในตอนนี้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันเห็นเช่นนั้น เขาจะอยู่เฉยได้อย่างไร ถ้าทำเช่นนั้นราวกับว่าเขามิเกรงกลัวความตายงั้นหรือ? นอกจากนี้เขาจะปล่อยให้มู่ซื่อหรงตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไรกัน? เขาพุ่งเข้าไปรับตัวของนางทันที แล้วพยายามควบคุมพลังที่กำลังอาละวาดอยู่ภายในตัวของนางอย่างรวดเร็ว ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญระดับจินตัน พลังที่เอ่อล้นของมู่ซื่อหรงค่อย ๆ บรรเทาลงอย่างช้า ๆ และเริ่มกลับสู่ความสงบ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ามู่ซื่อหรงสามารถชะลอการกลายเป็นคนพิการได้อีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเส้นลมปราณของนางจากผลการกินยาเร่งพลัง นางคงจะต้องใช้เวลาสิบปีหรือมากกว่านั้นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเหล่านี้

ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอ้วนรับรู้เหตุการณ์ภายนอกได้แม้จะอยู่ด้านในระฆัง เขาเห็นว่าประโยคของเขาทำให้มู่ซื่อหรงโกรธจัดในขณะที่ชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้าย เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจช่วยได้ แต่ในตอนนี้ความรู้สึกยินดีกำลังเข้ามาแทนที่ อย่างไรก็ตามเขารู้สึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย เพราะว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะนำความเดือดร้อนมาสู่เขาอย่างยิ่งใหญ่

เขาเก็บระฆัง พร้อมกับยืนนิ่งรอให้ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันประกาศผล ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันพยายามอย่างหนักเพื่อให้มู่ซื่อหรงมีสติกลับคืนมา เมื่อนางได้สติ นางใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ทั้งหมด นางไม่ได้ทำให้เรื่องราวยุ่งยากมากขึ้น เพียงแต่จ้องมองเจ้าอ้วนด้วยสายตาที่เย็นชา ก่อนที่จะค่อย ๆ เค้นคำพูดออกมา “ไขมันบัดซบ ป้าของเจ้าผู้นี้จะขอยอมรับความพ่ายแพ้ในวันนี้ อย่างไรก็ตาม จะเป็นการดีถ้าหากเจ้าจะไม่ดีใจเร็วเกินไป เรามีโอกาสได้สนุกร่วมกันอีกครั้งแน่นอนในอนาคต ชั่วชีวิตของข้า ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าไปอีกเป็นครั้งที่สอง!” หลังจากที่นางกล่าวสิ่งที่ต้องการจบ นางหลับตาลงทันทีพร้อมกับแสดงอาการว่าไม่สนใจเจ้าอ้วนอีกต่อไป

เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่นพร้อมหันไปหาเจ้าอ้วน “ซ่งจง อา ขอแสดงความยินดีกับเจ้าก่อนที่จะก้าวสู่ลำดับต่อไป ข้าขอประกาศว่าเจ้าเป็นที่หนึ่งในกลุ่มนี้!”

เจ้าอ้วนรู้สึกถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในถ้อยคำเหล่านั้น เขาจึงถามออกไปอย่างรวดเร็ว “ข้าต้องทำอะไรต่อหลังจากนี้?”

“ถ้าให้ข้าแนะนำเจ้า รีบเตรียมตัวจัดงานศพให้ตนเองโดยเร็วที่สุด! เจ้าจะตายตกในเร็ววัน!” เมื่อผู้เชี่ยวชาญกล่าวจบ เขาไม่รอให้เจ้าอ้วนตอบกลับใด ๆ เขาอุ้มมู่ซื่อหรงพร้อมกับบินออกไปทันที

เมื่อมองเห็นทั้งคู่หายไปในขอบฟ้า เจ้าอ้วนเผยยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“เหอะ ขนาดนี้แล้วยังสร้างปัญหา? พวกโง่เท่านั้นที่จะไม่ยอมสูญเสียสิ่งใดเลย! บิดาของเจ้าผู้นี้ยังไม่ได้กล่าวถึงสัญญาที่ตกลงกันว่าเจ้าจะยอมเป็นทาสให้ข้าสักนิด นับว่าให้เกียรติอย่างมากแล้ว แต่เจ้ายังกลับกล้าที่จะข่มขู่ข้างั้นหรือ? เห็นว่าเจ้าเป็นหญิงสาว ข้าจึงยอมที่จะไม่เซ้าซี้ แต่ถ้าหากเจ้านำพาปัญหามาสู่ข้าในอนาคต บิดาผู้นี้จะชำระหนี้แค้นนี้พร้อมดอกเบี้ยแน่นอน!” หลังจากกล่าวจบ เจ้าอ้วนเรียกดาบบินออกมาพร้อมกับบินออกไปทันที

เจ้าอ้วนเก็บเอาชัยชนะกลับไปพร้อมกับความพอใจ เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าการกระทำของเขาทั้งหมดในครั้งนี้จะนำพาคลื่นลูกใหญ่มาหาเขาในอนาคต

มู่ซื่อหรงเป็นผู้ฝึกตนทั่วไปงั้นหรือ? นางเป็นศิษย์ในที่ได้รับการสนับสนุนและถูกวางให้เป็นอันดับสามของสำนัก!

ก่อนการแข่งขัน เหล่าอาวุโสระดับสูงได้สรุปทุกอย่างไว้หมดสิ้นแล้ว ซึ่งอาจจะมีเหตุการณ์ที่ผิดแปลกไปบ้างในกลุ่มคนชั้นล่าง แต่มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดขึ้นกับกลุ่มห้าอันดับแรก

แม่นางฉุ่ยจิ้งอยู่ในกลุ่มแรก นางถูกยอมรับให้อยู่ในอันดับหนึ่งจากผู้คนทั้งหมดเพราะความสามารถของนางก้าวไกลไปกว่ารุ่นเดียวกัน และการต่อสู้ของนางก็ไม่มีฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ในระดับเดียวกันเลย ดังนั้นไม่มีทางที่นางจะพ่ายแพ้ได้

จากกลุ่มที่สองถึงสี่ บุคคลเหล่านี้เป็นลูกหลานของอาวุโสชั้นใน ทุกคนมีอุปกรณ์วิเศษระดับสูง ความสามารถน่าเกรงขาม ด้วยผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนและระดับปฐมภูมิล้วนไม่อาจต่อกรอุปกรณ์ที่พวกเขาครอบครอง ชัยชนะของพวกเขาถูกรับประกันโดยอุปกรณ์วิเศษที่พวกเขาถือครองอยู่ พวกเขาสามารถต้านทานผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิได้อย่างง่ายดายแล้วนับประสาอะไรกับเหล่าศิษย์นอกธรรมดา!

สำหรับหงหยิงในกลุ่มที่ห้า แม้ว่าจะไม่มีอุปกรณ์วิเศษที่เหมาะสม นางยังสามารถต่อสู้กับเหล่าผู้ที่ถือครองอุปกรณ์วิเศษได้ ซึ่งความสามารถของนางสามารถเอาชนะผู้คนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์วิเศษใด อีกทั้งสถานะของนางยังเป็นบุตรแห่งจ้าวสำนักและเกิดในภรรยาหมายเลขหนึ่งอีกด้วย จึงไม่มีใครกล้าที่จะรุนแรงกับนางเช่นกัน

ดังนั้นทั้งห้าคนเหล่านี้ ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ถูกเลือกมาเพื่อที่จะก้าวไปด้านหน้า นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนในสำนักเสวียนเทียนต่างรู้ดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีอัตราที่จะเอาชนะได้ แต่การวางตัวมู่ซื่อหรงไว้ในกลุ่มสามกลับถูกถอดออกอย่างไม่คาดฝัน จึงไม่สามารถจินตนาการถึงผลกระทบอันใหญ่หลวงที่จะตามมาได้เลย!