หากมิใช่ซย่าโหวฉิงเทียนมีความยับยั้งชั่งใจที่แข็งแกร่งละก็ ไม่แน่ว่าค่ำคืนแรกของนางคงจะเกิดขึ้นที่โขดหินริมแม่น้ำชางหลวนเป็นแน่
ชายสูงอายุดุร้ายยิ่งกว่าสัตว์ป่าเสียอีก!
ไม่ควรไปหาเรื่องจริงๆ ด้วย!
ซย่าโหวฉิงเทียนเองก็พอจะรู้ว่าตนเกือบจะห้ามใจไว้ไม่อยู่ เขาจุมพิตเบาบางที่หน้าผากอวี้เฟยเยียน แล้วพุ่งตัวลงไปในแม่น้ำทันที
สถานการณ์เช่นนี้มีคงมีเพียงสายน้ำในแม่น้ำอันเย็นฉ่ำเท่านั้น จึงเพียงพอที่จะดับความร้อนรุ่มในกายของเขาได้
จนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนควบคุมความร้อนรุ่มในร่างเขาเอาไว้ได้แล้ว เขาจึงค่อยคลานขึ้นมาบนฝั่ง
“แมวน้อย พี่สังหารตี้อู่หงเยี่ยแล้ว เจ้าดีใจหรือไม่”
ในตอนนั้นเองซย่าโหวฉิงเทียนเพิ่งจะคิดถึงความดีความชอบของตนเองขึ้นมาได้
“ตอนที่กินข้าว พี่เห็นเจ้าสีหน้ามิสู้ดีเท่าไหร่นัก จึงไปสังหารตี้อู่หงเยี่ยระบายความโกรธให้กับเจ้า ตอนนี้เจ้าสบายใจหรือยัง”
คราวนี้ อวี้เฟยเยียนถึงบางอ้อเสียทีว่าเพราะอะไร หลังกินข้าวเสร็จแล้วซย่าโหวฉิงเทียนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“ท่านคิดว่าข้าโกรธเพราะเรื่องของตี้อู่หงเยี่ยอย่างนั้นหรือ”
อวี้เฟยเยียนนึกไม่ออกจริงๆ ว่าในหัวสมองชายคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่
หรือชายผู้นี้มาจากนอกโลกหรืออย่างไรกัน
ความคิดความอ่านถึงได้สวนทางกับความคิดของสตรีราวกับคลื่นความถี่ไม่ตรงกันเสียอย่างนั้น
“หรือไม่ใช่”
“เมื่อกลางวันพี่ไม่ได้สังหารตี้อู่หงเยี่ยทันที เจ้าก็แลดูเบื่อหน่ายไม่มีความสุขเอาเสียเลย หลังจากกินข้าวก็ยังไม่สนใจพี่อีกด้วย…”
นี่ถือว่า ผิดที่ผิดทางใช่หรือไม่
อวี้เฟยเยียนทำหน้าราวกับจะร้องไห้
คุณพี่ ต่อให้ไม่สนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่ท่านก็มิควรตีความอาการหึงหวงของสตรีเป็นความหมายเช่นนี้นี่นา!
“ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้สักหน่อย”
ยิ่งเมื่อนึกถึงว่าตนหึงหวงอยู่ตั้งนาน แต่คนบางคนกลับไม่รู้สึกตัว ทั้งยังตีความไปผิดๆ อีก
อวี้เฟยเยียนก็ยิ่งหดหู่กว่าเดิม
นางหันหลังให้ซย่าโหวฉิงเทียน ไม่อยากจะสนใจเขาอีกต่อไป
อวี้เฟยเยียนหันหลังให้เช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก งงเป็นไก่ตาแตกไปใหญ่
ตี้อู่หงเยี่ยก็ตายไปแล้ว แล้วเหตุใดนางยังไม่พอใจอีก
นางไม่ได้โกรธเขาเพราะเรื่องตี้อู่หงเยี่ยหรือ เช่นนั้นมันเพราะอะไรกันนะ
ปริศนาในใจนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนจะต้องถามให้กระจ่างให้ได้
เขาบากหน้าหันไปเผชิญหน้ากับอวี้เฟยเยียน
“แมวน้อย แล้วเจ้าโกรธพี่เพราะอะไร เจ้าไม่พูด พี่จะรู้ได้อย่างไร”
ชายที่อยู่เบื้องหน้านางนี้ ช่างไม่ใส่ใจรายละเอียดในเรื่องเล็กน้อยบ้างเลย
อวี้เฟยเยียนมองดูเขาที่มีสีหน้าทั้งร้อนใจทั้งงงงวยในเวลาเดียวกัน ก็น้ำตาไหลพราก
หรือมีแต่นางที่โกรธแต่ทำอะไรไม่ได้จนเบื่อหน่ายอยู่คนเดียวนะ!
มีความรักกับทึ่มเช่นนี้ มิควรเล่นปริศนาทายใจเลยจริงๆ!
“เสด็จพี่ทรงตรัสไว้ ชายหญิงหากมีเรื่องเข้าใจผิดกันจะต้องรีบพูดคุยทำความเข้าใจกันให้ชัดเจน มิเช่นนั้นจะกระทบกับความรู้สึก! พี่ไม่ใช่พยาธิในท้องของเจ้า มิอาจคาดเดาความรู้สึกนึกคิดของเจ้าได้ เจ้าก็บอกพี่มาตรงๆ เถิด ว่าใครรังแกเจ้ากันแน่”
“คนที่รังแกข้าก็คือท่านไง!”
อวี้เฟยเยียนเบ้ปากน้อยๆ แล้วมองไปที่ซย่าโหวฉิงเทียนด้วยสีหน้าน้อยอกน้อยใจ
“ตอนที่กินข้าว ท่านเอาแต่จ้องมองหลิงเอ๋อร์ไม่วางตา! ข้าต่างหากที่เป็นคนรักของท่าน แล้วท่านทำเรื่องเช่นนั้นต่อหน้าต่อตาข้าได้อย่างไรกัน ต่อให้ไม่ใช่ต่อหน้าข้า ลับหลังข้า ท่านก็ต้องรักษาร่างกายที่บริสุทธิ์เอาไว้ให้ข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ท่านเอาแต่จ้องมองหญิงอื่นต่อหน้าต่อตาข้าขนาดนี้”
“นี่ท่านได้ใหม่ลืมเก่า หรือพยายามเสนอตัวให้นางกันแน่หา”
ปากน้อยๆ ของอวี้เฟยเยียนราวกับปืนกลก็ไม่ปาน รัวสิ่งที่อึดอัดอยู่ในใจออกมาจนหมด
ตอนนี้ในที่สุดซย่าโหวฉิงเทียนก็เข้าใจเสียที นี่นางกำลังเข้าใจผิดในความสัมพันธ์เขากับหนานกงจื่อ หลิงนี่เอง
“แมวน้อย นี่เจ้ากำลัง…หึงหวงหรือนี่”
ซย่าโหวฉิงเทียนจ้องมองอวี้เฟยเยียนด้วยอาการคาดไม่ถึง รู้สึกอบอุ่นในใจยิ่งนัก
ที่แท้แล้ว อวี้เฟยเยียนกำลังหึงหวงหรือนี่!
“เหลวไหล! ท่านยังไม่รีบอธิบายอีก ว่าตกลงแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่!”
เห็นซย่าโหวฉิงเทียนทำหน้าตามีความสุขเสียเหลือเกิน อวี้เฟยเยียนก็เริ่มใช้นิ้วเรียวยาวของนางไปทิ่มที่อกซย่าโหวฉิงเทียนด้วยความไม่สบอารมณ์
“เมื่อครู่ข้าลืมไป เรื่องนี้หากท่านไม่อธิบายให้ชัดเจนละก็ คืนนี้ห้ามนอน ข้ามีวิธีลงทัณฑ์เจ็ดสิบสองบท เค้นจนกว่าจะสารภาพ!”
ยิ่งอวี้เฟยเยียนเป็นเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ่งเอ็นดูนางมากขึ้น
เหตุใดเวลาโกรธถึงได้แลดูน่าเอ็นดูเพียงนี้นะ!
“เด็กโง่เอ้ย!”
“แมวน้อยจอมโง่!”
นิ้วเรียวยาวของอวี้เฟยเยียนถูกซย่าโหวฉิงเทียนงับเข้าให้ตรงบริเวณข้อนิ้ว
“ที่แท้แมวน้อยข้าก็เป็นแมวน้อยขี้หึงนี่เอง เห็นทีต่อไปบ้านเราคงไม่ต้องซื้อน้ำส้มสายชูเสียแล้ว!”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องนะ!”
ถูกซย่าโหวฉิงเทียนหัวเราะเยาะล้อเลียน อวี้เฟยเยียนรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก หากเขาไม่อธิบายให้ชัดเจนละก็ นางจะไม่ละเว้นเขาง่ายๆ เป็นแน่
นี่เพิ่งจะเริ่มช่วงแรกที่คนสองคนคบหากันในฐานะคนรักเท่านั้นเอง ขนาดรักกำลังหวานขนาดนี้ เขาก็มองสาวอื่นตาไม่กะพริบเสียแล้ว หากคบหากันจนถึงอาถรรพ์รักห้าปีหรือเจ็ดปีละก็ มันจะเป็นอย่างไรนะ!
อวี้เฟยเยียนไม่รู้สึกตัวเลยว่า นางได้คิดเรื่องอนาคตของเขาและนางอยู่เป็นนาน
“อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่จะบอกเจ้าทุกอย่าง!”
เดิมทีซย่าโหวฉิงเทียนคิดว่าจะหาโอกาสที่เหมาะสม บอกสถานะที่แท้จริงของตนเองออกไปให้กับอวี้เฟยเยียนได้รู้
เพราะอย่างไรเสียเขาและนางก็เป็นคนรักที่ต้องเกี่ยวดองกัน เขาเป็นใคร มาจากไหน จึงมิควรปิดบังอวี้เฟยเยียนควรจะบอกกับนางทุกอย่าง
“แมวน้อย เจ้ายังจำตอนที่อยู่เมืองกุยอวี๋ ที่พี่ถามเจ้าได้หรือไม่”
ซย่าโหวฉิงเทียนรั้งอวี้เฟยเยียนเข้ามาในอ้อมอก
“ไม่ว่าพี่จะเป็นอย่างไร เจ้าก็จะยอมรับได้ ใช่หรือไม่”
ในขณะที่ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวออกมานั้น อวี้เฟยเยียนรู้สึกได้ชัดเจนว่ากล้ามเนื้อทั่วร่างของเขาขัดเกร็งสั่นไหวน้อยๆ
เหตุใดเขาจึงต้องตื่นเต้นด้วย
“ซย่าโหวฉิงเทียนก่อนหน้านี้ท่านคือเพื่อนของข้า ข้าเคยพูดเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม ข้าก็จะยังอยู่เคียงข้างท่านโดยมิลังเล มาตอนนี้ ข้าเป็นคนรักท่าน ท่านเป็นคนรักข้า ประโยคนี้ก็ยังคงเดิม”
“สำหรับเรื่องที่ท่านบอกว่า ‘ท่านที่เป็นเช่นนี้’ มันทำให้ข้าแปลกใจยิ่งนัก”
“ข้าไม่รู้หรอกว่าท่านเคยเผชิญเรื่องอะไรมาบ้าง แต่ข้าสามารถบอกกับท่านได้เต็มปากว่า คนที่ข้าชอบก็คือท่านคนนี้!”
คำพูดอวี้เฟยเยียนทำให้ความสงสัยในใจของซย่าโหวฉิงเทียนถูกขจัดไปจนหมดสิ้น
“เจ้ารอเดี๋ยวนะ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนปล่อยมือจากอวี้เฟยเยียน แล้วลุกขึ้นไปยืนเบื้องหน้านาง
แมวน้อย เจ้าดูสิ นี่ต่างหากคือพี่ที่แท้จริง!
ในตอนนั้นดวงจันทร์ลอยถึงกลางฟากฟ้าพอดิบพอดี
แสงสีเงินของดวงจันทร์ตกกระทบลงมายังพื้น ในขณะที่ทุกสรรพสิ่งถูกโอบล้อมด้วยแสงสว่างวาวโรจน์
อวี้เฟยเยียนจ้องมองบุรุษผมสีเงินดวงตาสีม่วงตรงหน้านิ่งเป็นเวลานานโดยไม่รู้สึกตัว
แม่เจ้า ทำไมถึงได้ดูดีถึงขนาดนี้นะ!
นัยน์ตานางฉายแววตื่นตะลึง
นี่คอสเพลย์หรือเปล่าเนี่ย
“แมวน้อย แมวน้อย…”
ซย่าโหวฉิงเทียนก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว ตอนนี้เขายืนห่างจากอวี้เฟยเยียนราวหนึ่งเมตร
“ทำให้เจ้าตกใจหรือเปล่า”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงซย่าโหวฉิงเทียนจะราบเรียบ แต่ในใจเขากลับกำลังเจ็บปวด
เขามิได้กำลังเจ็บปวดเพราะสงสารตัวเอง แต่เขากำลังสงสารอวี้เฟยเยียน เรื่องราวที่เขาปิดบังนางนั้นมากมายเหลือเกิน แล้วจู่ๆ ก็มาเปิดเผยรูปโฉมที่ผิดแผกไปจากผู้อื่นเช่นนี้ ทำให้นางตกใจจริงๆ ด้วย
“ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านเป็นใครกันแน่”
อวี้เฟยเยียนเดินมาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าซย่าโหวฉิงเทียน แล้วใช้มือเลิกผมสีเงินเขาขึ้นเพื่อตรวจสอบ
โอ้ว ผมจริงเสียด้วย!
ผมธรรมชาติมิได้มีการย้อมหรือกัดสีแต่อย่างใด!
ผมสีเงินวาววับเช่นนี้ สวยจริงๆ เลย!
“สวยดีต่างหากเล่า!”
อวี้เฟยเยียนเอ่ยชื่นชมแผ่วเบา
คำพูดนี้ ทำให้หัวใจดวงน้อยของซย่าโหวฉิงเทียนที่เดิมทีเต้นระรัวด้วยวิตกกังวลอย่างหนัก ในที่สุดก็เต้นอย่างมั่นคง นางไม่หวาดกลัวเขาหรือ ไม่รู้สึกว่าเขาเป็นปีศาจ
“แมวน้อย …”