ตอนที่ 97-4 แมวน้อย พี่ที่เป็นเช่นนี้เจ้ายังกล้ารักอยู่หรือไม่

จำนนรักชายาตัวร้าย

“อย่าขยับ!”

 

 

อวี้เฟยเยียนใช้มือปัดผมเขาขึ้น แล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่ลึกซึ้งของเขา

 

 

ไม่ใช่คอนแทคเลนส์!

 

 

นี่เป็นดวงตาสีม่วงพวงองุ่นแต่กำเนิดหรือนี่!

 

 

สีม่วงที่ใสแจ๋วบริสุทธิ์ สวยงามจริงๆ!

 

 

เจ๋งชะมัดเลย!

 

 

“รวยแล้ว มีทางรวยแล้ว”

 

 

อวี้เฟยเยียนกระโดดเข้ากอดซย่าโหวฉิงเทียนด้วยความดีใจสุดขีด ทั้งยังหอมแก้มเขาซ้ายทีขวาที

 

 

“ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านหล่อปานนี้ ทำไมไม่บอกข้าตั้งแต่แรก!”

 

 

ปฏิกิริยาของอวี้เฟยเยียนเหนือความคาดหมายของซย่าโหวฉิงเทียนไปมาก

 

 

ไม่ถูกสิ!

 

 

ไม่ถูกเอามากๆ เสียด้วย!

 

 

นางควรจะกรีดร้องเสียงดังว่า ‘ปีศาจ’ หลังจากนั้นก็ตกใจแล้ววิ่งหนีไปหรือว่าร้องแรกแหกกะเชิงเสียงดังสนั่นพร้อมกับร้องไห้หรือไม่ก็หวาดกลัวจนตัวสั่นงันงกมิใช่หรือ

 

 

เฉกเช่นเดียวกับหนานกงจื่อหลิงที่เมื่อได้พบหน้าเขาเป็นครั้งแรก ก็ตกใจหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดจา

 

 

เห็นอวี้เฟยเยียนที่ไม่เพียงไม่หวาดกลัว ตรงกันข้ามกลับทำท่ารักเขาสุดชีวิตเสียนี่

 

 

รสนิยมของนางนี้ ปกติจริงๆ ใช่หรือไม่

 

 

“เจ้าไม่กลัวพี่ ไม่รู้สึกว่าพี่เป็นปีศาจหรอกหรือ”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวถามขึ้น

 

 

“ใครว่าเล่า ท่านหล่อเหลาเสียขนาดนี้ ขนาดบนสวรรค์ยังมีน้อยเลยนะ ฉะนั้นบนโลกมนุษย์นี่ถึงหาได้ยากยิ่งอย่างไรเล่า ใครรสนิยมแย่ บอกมาเลย เดี๋ยวข้าไปช่วยจัดการเอง!”

 

 

ได้เห็นรูปลักษณ์ซย่าโหวฉิงเทียนเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนก็พอจะรู้แล้วว่าเสียงละเมอมาที่ว่า ‘ปีศาจ’ในขณะที่เขากำลังฝันร้ายนนั้น หมายความว่าอย่างไร

 

 

คนในยุคสมัยนี้ผู้คนล้วนแต่ตาดำผมดำ

 

 

แล้วรูปลักษณ์ของซย่าโหวฉิงเทียนเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมถูกเข้าใจผิดได้ง่ายว่าเป็นปีศาจ!

 

 

มิน่าเล่ามารดาเขาถึงได้ปฏิบัติต่อเขาเช่นนั้น!

 

 

อวี้เฟยเยียนแสดงออกเช่นนี้ ด้านหนึ่งก็เพราะว่านางชื่นชอบในเส้นผมสีเงินกับดวงตาสีม่วงของซย่าโหวฉิงเทียนจริงๆ ซึ่งมันเป็นตัวแทนของหนุ่มหล่อขั้นเทพในอนิเมะที่นางจินตนาการเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว อีกด้านหนึ่งเพราะนางต้องการใช้โอกาสนี้แก้ปมที่อยู่ในใจเขาให้คลายออก

 

 

“แมวน้อย เจ้าไม่รังเกียจ ไม่หวาดกลัวพี่”

 

 

“คนโง่!”

 

 

อวี้เฟยเยียนใช้การกระทำแสดงถึงความจริงใจของตนเอง

 

 

นางโอบกอดซย่าโหวฉิงเทียน แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นงับที่ปลายคางของเขา

 

 

“ห้ามท่านพูดถึงตัวเองเช่นนี้อีก ข้าชอบที่ท่านเป็นแบบนี้ ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านหล่อขั้นเทพโดยแท้!”

 

 

ถูกเรียกว่าเป็น ‘ปีศาจ’ มาตั้งหลายปี จู่ๆ ก็ถูกคนรักเรียกว่าเป็น ‘เทพ’ ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนตกใจอยู่ไม่น้อย

 

 

ขอเพียงแต่ นางชอบก็พอแล้ว!

 

 

ข้ามผ่านด่านในใจที่ยากที่สุดมาได้ ในที่สุดซย่าโหวฉิงเทียนก็ปลอดโปร่งโล่งใจแล้วเริ่มเล่าถึงเรื่องราวของตนเอง

 

 

บิดาอัปมงคล มารดาแต่งงานซ้ำสอง

 

 

เพราะรูปโฉมที่แปลกประหลาดแตกต่างจากคนทั่วไป ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าปีศาจน้อย ทั้งยังถูกแม่บังเกิดเกล้ารังเกียจเดียดฉันท์ ถึงขั้นที่ว่าสั่งคนไปสังหารให้ตายขณะมีอายุเพียงสามขวบ…

 

 

น้ำเสียงซย่าโหวฉิงเทียนราบเรียบเย็นชา แต่ทว่าหัวใจอวี้เฟยเยียนกลับบีบรัดแน่น

 

 

“ต่อมา พี่มาต้องมาอยู่ที่อาณาจักรฉินจื้อ ในฐานะตัวประกันของต้าโจว นับตั้งแต่นั้นพี่ก็คือซย่าโหวฉิงเทียน!”

 

 

คราวนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนบอกเล่าทุกอย่างให้นางได้รู้โดยไม่มีปิดบัง

 

 

ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลหนานกง หรือว่าความสัมพันธ์ฉันพ่อลูกของเขากับซย่าโหวจวินอวี่ ล้วนแต่เล่าให้อวี้เฟยเยียนฟังทั้งหมด

 

 

“ท่านบอกว่าหนานกงจื่อหลิงคือน้องสาวแม่เดียวกันแต่คนละพ่อกับท่าน”

 

 

“ใช่!”

 

 

ทันใดนั้นอวี้เฟยเยียนก็มุดหน้าลงในอ้อมอกของซย่าโหวฉิงเทียน โดยที่แก้มทั้งสองข้างของนางแดงก่ำ

 

 

เมื่อครู่นางกำลังหึงหวงแม้กระทั่งน้องสาวของเขา

 

 

มองออกว่าอวี้เฟยเยียนกำลังขัดเขินเป็นอย่างมาก ซย่าโหวฉิงเทียนก็อมยิ้มแล้วกล่าวปลอบว่า

 

 

“ไม่เป็นไร! หลิงเอ๋อร์ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าคือพี่ใหญ่ของนาง!”

 

 

สำหรับเหตุผลที่หนานกงจื่อหลิงมายังอาณาจักรฉินจื้อนี่ ซย่าโหวฉิงเทียนก็บอกกับอวี้เฟยเยียนเช่นกัน

 

 

“อะไรนะ”

 

 

เพียงแค่ได้ยินว่าซย่าจื่ออวี้เพื่อที่จะช่วยเหลือลูกชายของนางกับหนานกงอ๋าวแล้ว ต้องการควักหัวใจของซย่าโหวฉิงเทียนนั้น อวี้เฟยเยียนก็ถึงกับระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่

 

 

“คนเช่นนี้ไม่คู่ควรเป็นแม่ ซย่าโหวฉิงเทียนหากท่านรับนางเป็นแม่ละก็ ข้าเป็นคนแรกที่จะไม่ปล่อยท่านเอาไว้แน่!”

 

 

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!

 

 

เอาความโกรธเคืองมาลงที่ลูกโดยไร้ซึ่งเหตุผล ไม่เพียงแต่เย็นชาใช้กำลัง ทั้งยังให้คนไปตามฆ่าซย่าโหวฉิงเทียนทั้งที่เขายังเยาว์วัย นางไม่ใช่คนแล้ว!

 

 

โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่า เมื่อครั้งที่ซย่าโหวฉิงเทียนล้มป่วยขณะอยู่ที่หอราชาโอสถ ก็เพราะน้ำมือซย่าจื่ออวี้ ทำให้อวี้เฟยเยียนยิ่งอารมณ์คุกรุ่น

 

 

จึงมิต้องพูดถึงเรื่องที่ซย่าจื่ออวี้ต้องการหัวใจของซย่าโหวฉิงเทียนเพื่อไปเปลี่ยนให้กับหนานกงเช่อเลย!

 

 

“ในเมื่อนางเย็นชาใจร้ายไร้คุณธรรมไร้ความเป็นคนถึงเพียงนี้ ระหว่างท่านกับนางก็ควรจะตัดขาดกันตั้งนานแล้ว คราวหน้าได้พบนาง ท่านอย่าได้ใจอ่อนเด็ดขาดนะ!”

 

 

อวี้เฟยเยียนได้ถือว่าซย่าจื่ออวี้ หนานกงเช่อและหนานกงเอ๋าเป็นศัตรูของนางไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

 

 

พวกเขาใจร้ายกับซย่าโหวฉิงเทียนถึงเพียงนี้ สมควรตายจริงๆ!

 

 

หากภายหน้าได้มีโอกาสไปที่เมืองอู๋โยวละก็ นางจะต้องไปพบครอบครัวเลวๆ นี่เสียหน่อย!

 

 

“รับบัญชา!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนเชยคางน้อยของอวี้เฟยเยียนอย่างมันเขี้ยว

 

 

นี่นางกำลังเรียกร้องความยุติธรรมให้เขาอยู่นะ!

 

 

“มีคนคอยห่วงใยเช่นนี้ ดีจริงๆ!”

 

 

“ซย่าโหวฉิงเทียน ขอให้ท่านจงเชื่อเสมอว่าท่านไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว!”

 

 

“ถึงแม้ว่าท่านจะแอบอ้างฐานะเป็นตัวประกัน แต่ในพระทัยฝ่าบาท ท่านก็คือลูกชายของพระองค์ พระองค์ทรงดีกับท่านมากมาย ท่านเองคงจะรับรู้ได้”

 

 

“แม้ว่าท่านจะไม่รู้ว่าบิดาบังเกิดเกล้าของท่านเป็นใคร แต่สวรรค์ก็ประทานพ่อดีๆ ให้กับท่านคนหนึ่ง ถือว่าเป็นการชดเชยจากสวรรค์ และการมีอยู่ของท่านถือเป็นการชดเชยความผิดที่มีต่อบุตรชายในพระทัยของฝ่าบาทอีกด้วย นี่จึงนับเป็นวาสนาต่อกันของท่านสองคน!”

 

 

เมื่อนึกถึงท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของซย่าโหวจวินอวี่ที่มีต่อซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกว่าฮ่องเต้อ้วนก็น่าสงสารหน่อยๆ

 

 

ถึงตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าบุตรชายเขาป่วยตายตั้งแต่อยู่ที่ฉินจื้อแล้ว…

 

 

บางทีอาจเพราะสวรรค์สงสารเห็นใจซย่าโหวจวินอวี่ จึงลิขิตให้ซย่าโหวฉิงเทียนได้มาอยู่ข้างกายเขากระมัง!

 

 

“เสด็จพี่ดีกับพี่มาก! บุญคุณยิ่งใหญ่ของเขา พี่จะไม่ลืมตลอดชีวิต พี่จะคุ้มครองต้าโจว คุ้มครองเสด็จพี่ ตราบที่พี่ยังมีลมหายใจอยู่!”

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ ในหัวของซย่าโหวฉิงเทียนก็ปรากฏภาพที่ซย่าโหวจวินอวี่จ้องมองมาที่เขาและรอคอยให้เขาเรียกพระองค์ว่า ‘เสด็จพ่อ’ ตาละห้อยขึ้นมา

 

 

อวี้เฟยเยียนพูดถูก ถึงแม้ว่าพวกเขาใช่พ่อลูกโดยสายเลือด ทว่ากลับเป็นพ่อลูกในความรู้สึกตั้งนานแล้ว

 

 

ได้มาพานพบในฐานะพ่อลูก นับเป็นวาสนาโดยแท้!

 

 

ไหนเลยจะร้องขอให้ยืนยาวอีกเล่า!

 

 

ไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดแล้วอย่างไร เขาเห็นซย่าโหวจวินอวี่เป็นพ่อตั้งนานแล้ว!

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนตัดสินใจเด็ดขาดอย่างลับๆ กลับไปต้าโจวคราวนี้ จะต้องหาโอกาสเรียกเขาว่า พ่อ สักครั้งให้เขาดีใจ!

 

 

เมื่อได้เปิดอกสารภาพเรื่องราวทุกอย่างออกไปแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก

 

 

ต่อหน้าอวี้เฟยเยียนเขาเป็นผู้ที่โปร่งใส ไร้ซึ่งสิ่งปกปิดใดๆ

 

 

ทำให้ในใจของเขารู้สึกสบายอย่างที่สุด

 

 

ขณะเดียวกันซย่าโหวฉิงเทียนก็รู้สึกเป็นปลื้มกับท่าทีของอวี้เฟยเยียนเป็นอย่างมาก

 

 

เฉกเช่นที่นางเคยกล่าวเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในฐานะอะไร เป็นใคร จะผ่านอะไรมาก็ตามแต่ นางก็ยังคงยืนหยัดในความรู้สึกนี้ไม่มีเสื่อมคลาย

 

 

“แมวน้อย ได้พบกับเจ้า นับเป็นวาสนาของพี่ยิ่งนัก!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนก้มหน้าลงจุมพิตลงที่หน้าผากของอวี้เฟยเยียนแผ่วเบา หากไม่ใช่นาง เขาก็คงไม่รู้ว่าชีวิตช่างสวยงามและน่าอัศจรรย์เช่นนี้ ชีวิตที่เปี่ยมล้นด้วยความเจริญและสวยงาม เปี่ยมล้นด้วยความสุขและความหวัง!