แน่นอนว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไม่ได้สนใจสีหน้าท่าทางที่สงสัยหรือประหลาดใจของคนเหล่านั้นขณะเดินเข้าไปในห้องแยกหมายเลขสอง เวลานี้กลุ่มของนางนั่งลงและสนทนากันอย่างสบาย ๆ
“ท่านผู้นำ ตอนนี้เราร่วมมือเป็นพันธมิตรกับนิกายเพลิงแดงเดือดแล้วใช่รึไม่ ?”
ซวงเสวี่ยเอ่ยถามขึ้นมา เขาสัมผัสได้ถึงกิริยาท่าทางของฮั่วหลินที่เปลี่ยนไป เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ร่วมมือเป็นฝ่ายเดียวกับนิกายเพลิงแดงเดือดและนั่นทำให้เขารู้สึกทึ่งเล็กน้อย
“ผู้นำนิกายเพลิงแดงเดือดเป็นบุรุษที่คู่ควรแก่ความเคารพและการร่วมมือด้วยอย่างแท้จริง ฮั่วหลินเองก็เป็นบุรุษที่ตรงไปตรงมามาก”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและกล่าวตอบ บัดนี้นางถอดผ้าคลุมบดบังใบหน้าออกแล้วและเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามชวนลุ่มหลง
แม้ว่าจะเคยเห็นใบหน้าของนางกันมาก่อน ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าของฉินอวี้โม่ชัด ๆ อีกครั้ง พวกเขาก็อดประหลาดใจไม่ได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่งที่สตรีผู้นี้คือผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ยของพวกเขา
“พวกคนจากหุบเขากรุ่นกำยานช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก เฝินชวี่ก็ยโสโอหังอย่างที่สุด ในงานชุมนุมดินแดนเหนือครานี้ เราจะต้องจัดการพวกนั้นอย่างสาหัสสากรรจ์ !”
เหมาซานกล่าวขึ้นเมื่อนึกถึงใบหน้าโอหังวางท่าของเฝินชวี่และรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา หากมิใช่เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาของการปะทะ เขาก็คงอดใจไม่ไหวที่จะสั่งสอนบทเรียนให้บุรุษหนุ่มโอหังผู้นั้นได้รู้สำนึก
“ไม่ต้องห่วงหรอก หลังจากงานชุมนุมดินแดนเหนือครานี้ หุบเขากรุ่นกำยานจะถูกกำจัดออกไปจากสามขุมกำลังใหญ่ของดินแดนเหนือ ตอนนี้ปล่อยให้เฝินชวี่ได้วางมาดอวดเบ่งไปก่อนเถอะ !”
ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างสบาย ๆ และไม่เห็นเฝินชวี่อยู่ในสายตาเลยสักนิด อย่างไรก็ตาม นางไม่เคยพบเฝินเมี่ยเทียน—ผู้นำหุบเขากรุ่นกำยานมาก่อนและเชื่อว่าเขาน่าจะเป็นคนที่รับมือได้ยากทีเดียว หากเป็นเช่นนั้นจริง การระวังตัวและรอบคอบไว้ก่อนก็เป็นสิ่งที่ดี
“ตอนนี้การดำเนินการต่าง ๆ ของเรือนเฟิงเสวี่ยไปถึงไหนแล้วรึ ?”
นับตั้งแต่ออกจากเรือนเฟิงเสวี่ยเพื่อเดินทางไปที่นิกายเพลิงแดงเดือด ฉินอวี้โม่ก็ยังไม่ได้กลับไปที่นั่นแม้แต่ครั้งเดียว เนื่องจากมอบอำนาจหน้าที่การจัดการทุกอย่างให้กับฉินเฟิงและคนอื่น ๆ นางจึงเอ่ยถามออกไป
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องห่วงเลย ท่านผู้นำ ท่านฉินเฟิงจัดการทุกอย่างได้อย่างราบรื่นและสมบูรณ์แบบ”
ซวงเสวี่ยยิ้มและน้ำเสียงของเขาแสดงถึงความเคารพต่อฉินเฟิงจากใจจริง แรกเริ่มเดิมที เขากังวลว่าการที่มอบอำนาจทุกอย่างให้อยู่ภายใต้การจัดการของฉินเฟิง ฉินเฟิงอาจจะจัดการได้ไม่ดีนัก ทว่าตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วว่าตนเองคิดผิดไปอย่างมหันต์ ความสามารถและความเฉลียวฉลาดของฉินเฟิงเหนือชั้นกว่าตัวเขามาก แม้ว่าบุรุษผู้นั้นจะดูเยาว์วัย แต่ความสามารถในการจัดการและดำเนินการทุกอย่างของฉินเฟิงก็เพียงพอที่จะโน้มน้าวใจและได้รับการยอมรับจากเขาอย่างแท้จริง
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะอย่างไม่แปลกใจนัก นางเองก็เชื่อมั่นในความสามารถของฉินเฟิงเป็นที่สุดเช่นกัน
“ศิษย์พี่ ข้าต้องขอบคุณสำหรับความทุ่มเทพยายามของท่าน”
นางยิ้มให้ฉินเฟิงและกล่าวขอบคุณจากใจจริง
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร ข้าเองก็มีเวลาว่างอยู่แล้ว”
ฉินเฟิงหัวเราะเบา ๆ ในขณะนี้เสี่ยวอ้ายโม่ก็อยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขาและกำลังหัวเราะคิกคักชอบใจ
ฉินเฟิงรักและเอ็นดูเด็กน้อยทั้งสองอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกัน เด็กน้อยชายหญิงก็ชื่นชอบ ‘ท่านลุง’ ผู้นี้ไม่น้อยเช่นกัน
และในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น จู่ ๆ พวกนางก็ได้ยินเสียงของสวี่ฉู่ดังขึ้นมาจากข้างนอก
“ฮ่า ๆ ๆ ถึงเวลาแล้ว ตามกำหนดการของโรงประมูล การประมูลของเราจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในตอนนี้ ครานี้เราได้เชิญแม่นางจวินอู่ซิ่วผู้เลื่องชื่อของดินแดนทางเหนือมาเป็นพิธีกรในการประมูล”
หลังจากสิ้นเสียงของเขา สตรีนางหนึ่งก็ค่อย ๆ ปรากฏกายบนแท่นสูงที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษตรงกลางโถงกว้างของโรงประมูลรั่วอาน
ต้องกล่าวเลยว่าโรงประมูลรั่วอานเป็นโรงประมูลชั้นเลิศอย่างแท้จริง ห้องแยกพิเศษหลายห้องของโรงประมูลก็น่าสนใจอย่างยิ่ง จากภายในห้องพิเศษเหล่านี้ ผู้ที่อยู่ข้างในสามารถมองเห็นทุกคนและทุกสิ่งที่เกิดขึ้นข้างล่าง ทว่าคนข้างล่างไม่สามารถมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในห้องเหล่านี้ได้
คนมากมายต่างก็ต้องการมาที่โรงประมูลรั่วอานแห่งนี้ คาดว่าผู้ก่อตั้งมันจะต้องเป็นคนที่ทรงพลังและทรงอิทธิพลอย่างยิ่ง
จวินอู่ซิ่วเป็นสตรีรูปโฉมงดงามต้องตา แม้พลังของนางจะไม่โดดเด่นนัก ทว่านางก็มีชื่อเสียงโด่งดังในดินแดนทางเหนือ เนื่องจากความงามชวนมองกอปรกับท่าทางสง่างามและเสน่ห์เหลือล้น นางจึงดึงดูดใจของบุรุษได้มากมาย ยิ่งไปกว่านั้น นางก็มีทักษะการหลอมที่ดีในระดับหนึ่งส่งผลให้ชื่อเสียงของนางในดินแดนนี้ไม่ด้อยไปกว่าสามขุมกำลังใหญ่เลย
“ฮ่า ๆ ๆ ข้ารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นพิธีกรให้กับพวกท่านในงานประมูลครานี้และเป็นคนแนะนำสมบัติล้ำค่ามากมายให้กับทุกท่าน”
จวินอู่ซิ่วสวมชุดอาภรณ์สีแดงซึ่งให้อารมณ์ของความกระตือรือร้นและความสบาย ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางดูสมบูรณ์แบบและน้ำเสียงใสกังวานดั่งนกขมิ้นก็ไพเราะน่าฟังเป็นอย่างยิ่ง
ในตอนนี้ทั้งโรงประมูลรั่วอานเงียบสงัดไป ทุกคนกำลังตั้งตารอคอยการปรากฏของสินค้าประมูลชิ้นแรก พวกเขาจึงไม่กล่าวสิ่งใด
“สิ่งแรกที่จะถูกประมูลในวันนี้คืออสูรมายาระดับเซียนขั้นเก้าที่ถูกสยบแล้ว…แรดเขาทอง แรดเขาทองตัวนี้มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งและเขาสีทองอร่ามบนศีรษะของมันก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แทบไม่มีสิ่งใดที่จะทำลายได้ มันเป็นอสูรมายาที่ทุกคนต้องการจะครอบครองอย่างแน่นอน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่หนึ่งพันหินผลึก…และไม่มีขีดจำกัดราคา”
หลังจากกล่าวจบ จวินอู่ซิ่วก็รอให้ทุกคนเสนอราคา แรดเขาทองตัวนี้ถือว่ามีคุณสมบัติที่ดีและน่าจะขายได้ในราคาดี
สิ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายในดินแดนเทพมายาแตกต่างจากสองดินแดนก่อนหน้านี้และสิ่งที่พวกเขาใช้ซื้อขายก็คือหินผลึก สำหรับอัตราความแตกต่าง หากเทียบกับผลึกวิญญาณ หินผลึกหนึ่งก้อนมีค่าเท่ากับผลึกวิญญาณหนึ่งพันชิ้น และราคาประมูลเริ่มต้นของแรดเขาทองตัวนี้คือหนึ่งพันหินผลึกซึ่งแสดงให้เห็นถึงความล้ำค่าของมันได้อย่างชัดเจน
“ของประมูลชิ้นแรกก็เป็นสิ่งล้ำค่าถึงเพียงนี้ เห็นทีงานประมูลครานี้คงจะไม่ธรรมดาจริงๆ”
เมื่อเห็นของประมูลชิ้นแรกอย่างแรดเขาทองซึ่งเป็นอสูรมายาระดับสูง เหมาซานก็อดกล่าวพร้อมถอนหายใจไม่ได้
ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้สนใจแรดเขาทองตัวนี้มากนัก ในเมื่อมีผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับสูงอย่างฉินอวี้โม่ พวกเขาก็ไม่ได้ขาดแคลนอสูรมายาแม้แต่น้อย
เวลานี้ฉินอวี้โม่เพียงยิ้มบาง ๆ โรงประมูลรั่วอานแห่งนี้มีระบบการดำเนินการที่ชาญฉลาดยิ่งนักโดยเลือกใช้อสูรเซียนขั้นสูงสุดอย่างแรดเขาทองเป็นของประมูลชิ้นแรกเพื่อกระตุ้นบรรยากาศของการประมูล และของประมูลทุกชิ้นหลังจากนี้จะต้องมีราคาตั้งต้นที่สูงกว่าอย่างแน่นอน
“สองพันหินผลึก !”
เมื่อเห็นอสูรล้ำค่าตรงหน้า บรรดาผู้เข้าร่วมการประมูลก็ย่อมไม่อยู่เฉย
ทันทีที่สิ้นเสียงของจวินอู่ซิ่ว ใครบางคนก็อดใจรอไม่ไหวและขานราคาประมูลของตนด้วยความมั่นใจว่าจะต้องได้มันไปครอง
“สามพันหินผลึก !”
แน่นอนว่าเมื่อใครคนหนึ่งขานราคาเป็นคนแรก คนอื่น ๆ ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป อีกคนหนึ่งตะโกนออกไปอย่างรวดเร็วและแววตาของเขาแสดงถึงความกระตือรือร้นขณะมองแรดเขาทองตรงหน้า
“สี่พันหินผลึก !”
“ห้าพันหินผลึก !”
..…
ภายในเวลาเพียงไม่นาน ราคาประมูลของแรดเขาทองก็เพิ่มขึ้นถึงมากกว่าสองหมื่นหินผลึก และราคายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
ไม่ว่าในบริเวณห้องโถงจะมีการแข่งขันราคาอย่างดุเดือดเพียงใดก็ไม่มีใครในห้องพิเศษที่กล่าวเสนอราคาแม้แต่คนเดียว เห็นได้ชัดว่าฮั่วหลิน เฝินชวี่และคนอื่น ๆ ไม่ได้สนใจแรดเขาทองตัวนี้แม้แต่น้อย
“สองหมื่นห้าพันหินผลึก !”
ใครคนหนึ่งขานราคาออกไปอีกครั้งและสีหน้าของเขาเริ่มเหยเกเล็กน้อย นี่เป็นราคาสูงสุดที่เขาสามารถจ่ายได้และหากยังมีคนอื่นให้ราคาที่มากกว่านี้ เขาก็ทำได้เพียงแค่ยอมแพ้
ทว่าทันทีที่ราคานี้ถูกกล่าวออกไป ทั้งโรงประมูลก็เงียบลงอีกคราและไม่มีใครขานราคาสู้อีกต่อไป
แม้ว่าแรดเขาทองจะเป็นอสูรล้ำค่าอย่างยิ่ง ทว่าราคาประมูลในตอนนี้ก็สูงเกินไปแล้ว ถึงอย่างไรแล้วในดินแดนเทพมายาก็ยังมีอสูรมายาระดับเซียนขั้นเก้าอีกเป็นจำนวนมาก ตราบใดที่จับมันได้และใช้เงินที่น้อยกว่านี้ มันก็เพียงพอที่จะขอให้ผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับสูงสักคนช่วยสยบมัน
“สองหมื่นห้าพันครั้งที่หนึ่ง !”
เมื่อไม่มีผู้ใดขานราคาสู้ จวินอู่ซิ่วก็ทราบว่าราคาของแรดเขาทองน่าจะหยุดที่ราคานี้แล้วและเริ่มกล่าวออกไปตามขั้นตอน
“สองหมื่นห้าพันครั้งที่สอง !”
ยังคงไม่มีผู้ใดเสนอราคาเพิ่ม
จวินอู่ซิ่วก็กวาดสายตามองฝูงชนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนยิ้มหวานและกล่าวเสียงดังฟังชัด “ครั้งที่สาม…ปิดการประมูลที่ราคาสองหมื่นห้าพันหินผลึก ! ขอแสดงความยินดีกับท่านสุภาพบุรุษท่านนี้ด้วยเจ้าค่ะ แรดเขาทองตัวนี้เป็นของท่านแล้ว”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ปิดการประมูล’ บุรุษผู้นั้นก็โล่งใจเล็กน้อยและใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข สำหรับเขาแล้วแรดเขาทองตัวนี้มีคุณสมบัติที่ดีอย่างยิ่ง หากมันช่วยเพิ่มโอกาสให้เขาบรรลุขอบเขตพสุธาเซียน เขาก็จะสามารถสร้างเงินได้อย่างมหาศาล
จวินอู่ซิ่วขยิบตาส่งสัญญาณให้กับเด็กรับใช้ผู้ซึ่งรับแรดเขาทองไปและเดินตรงไปหาบุรุษผู้เป็นเจ้าของคนใหม่ของมัน
เขายื่นหินผลึกให้เด็กรับใช้อย่างมีความสุขและทำพันธสัญญากับแรดเขาทองทันที ตลอดกระบวนการนี้ รอยยิ้มกว้างยังคงประดับบนใบหน้าของเขาดุจดั่งบุปผาเบ่งบานสดใส
“ฮ่า ๆ ๆ ทุกท่านที่ไม่ได้แรดเขาทองตัวนี้ไปครองก็ไม่ต้องเศร้าเสียใจไป ของประมูลชิ้นต่อไปจะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”
จวินอู่ซิ่วยิ้มหวานหยดและเริ่มกล่าวถึงของชิ้นที่สองในงานประมูลครานี้
“ของประมูลชิ้นที่สอง… สำหรับทุกท่านที่ชอบอาวุธประเภทหอก พวกท่านจะต้องไม่พลาดของชิ้นนี้เด็ดขาด”
หลังจากกล่าวจบ หอกเล่มหนึ่งก็ปรากฏในมือของนาง
“ของประมูลชิ้นที่สองคืออาวุธระดับวิจิตรขั้นพิภพ—หอกลมกรด หอกลมกรดเล่มนี้มีคุณสมบัติที่ดีอย่างยิ่งและมีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ หนึ่งในนั้นคือการปลดปล่อยพายุลมกรดออกมาเมื่อจ้วงแทงมันออกไป นับเป็นอาวุธที่ดีมากทีเดียว ราคาตั้งต้นอยู่ที่ห้าร้อยหินผลึกและราคาประมูลแต่ละครั้งต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งร้อยหินผลึก”
จวินอู่ซิ่วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เมื่อนางโบกมือเรียวอย่างแผ่วเบา ม่านแสงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านางและคุณสมบัติต่าง ๆ ของหอกลมกรดก็ถูกแสดงให้เห็นภายในม่านแสงนั้น
เมื่อทุกคนเห็นคุณสมบัติของหอกลมกรด พวกเขาก็ต้องตกตะลึงทันที อาวุธที่มีคุณสมบัติพิเศษเช่นนี้หายากอย่างยิ่ง การที่หอกลมกรดมีคุณสมบัติน่าทึ่งเช่นนี้ มันถือเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างแท้จริง
“หนึ่งพันหินผลึก !”
ใครคนหนึ่งอดขานราคาออกไปไม่ได้ เขาปรารถนาที่จะได้ครอบครองหอกเล่มนี้อย่างที่สุด
“หนึ่งพันห้าร้อย !”
ใครอีกคนกล่าวต่ออย่างรวดเร็วและไม่ต้องการที่จะน้อยหน้า เขาเองก็ปรารถนาที่จะครอบครองหอกเล่มนี้อย่างมากเช่นกัน “สองพัน !” “สองพันห้าร้อย !” “สามพัน !” “สามพันหนึ่งร้อย !”
..…
ราคาของหอกเล่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนฉินอวี้โม่ซึ่งเป็นผู้ที่หลอมอาวุธชิ้นนี้ขึ้นมาก็ต้องประหลาดใจอย่างมาก นางไม่คาดคิดเลยว่าหอกเล่มนี้จะได้รับความนิยมและความสนใจถึงเพียงนี้
ท้ายที่สุด หลังจากสงครามการประมูลราคา หอกลมกรดก็ปิดการประมูลในราคาหนึ่งหมื่นสองพันหินผลึก บุรุษผู้ชนะการประมูลถือหอกเล่มนั้นไว้ในมือราวกับกำลังประคองสมบัติล้ำค่า แววตาของเขาแสดงถึงความสุขที่เปี่ยมล้น
ของประมูลหลายชิ้นต่อมาล้วนเป็นของที่ไม่โดดเด่นนักและด้อยกว่าหอกลมกรดเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้น วัตถุเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นผลงานการหลอมของฉินอวี้โม่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับของประมูลสองรายการแรก ผู้คนมากมายก็ยังหมายตาปรารถนาวัตถุเหล่านั้นและท้ายที่สุดก็ปิดการประมูลในราคาที่ดี
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าเกรงว่าของประมูลชิ้นต่อไปจะต้องทำให้ทุกท่านอดกลืนน้ำลายไม่ได้แน่ ๆ แม้แต่ข้าก็ตื่นเต้นยิ่งนัก”
แม่นางจวินอู่ซิ่วหยิบของประมูลอีกชิ้นหนึ่งออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ตื่นเต้น และรายการข้อมูลคุณสมบัติของมันก็ปรากฏบนม่านแสง
เมื่อเห็นคุณสมบัติหลากหลายเหล่านี้ ทั้งโรงประมูลรั่วอานก็เงียบลงครู่ใหญ่ก่อนที่เสียงฮือฮาจะดังขึ้น ภายในชั่วพริบตา บรรยากาศในโรงประมูลแห่งนี้ก็ดูตื่นเต้นเร้าใจเป็นอย่างมาก !
.