ตอนที่ 493 สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

บนม่านแสง ณ ศูนย์กลางของโรงประมูลคือรายการคุณสมบัติของแหวนมิติที่ฉินอวี้โม่ส่งให้กับโรงประมูลรั่วอานเพื่อฝากให้พวกเขานำมันออกประมูลให้กับนาง

“ช่างเป็นแหวนที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก !”

หลังจากเกิดความเงียบสงัดครู่ใหญ่ ใครคนหนึ่งก็อดใจไม่ไหวและโพล่งออกไป แววตาที่เขามองรายการคุณสมบัติของวัตถุล้ำค่าตรงกลางห้องโถงในตอนนี้เป็นประกายด้วยความปรารถนาและความตื่นเต้นสนใจ

คุณสมบัติของแหวนมิติทำให้ทุกคนหมายตาต้องการมันอย่างมิอาจห้ามใจ

“พื้นที่ความจุไร้ขีดจำกัดและความสามารถในการแฝงตัว สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านั้นคือมันมีคุณสมบัติพิเศษด้านการป้องกันที่สามารถตั้งรับแรงโจมตีของจอมยุทธ์ขอบเขตพสุธาเซียนขั้นต้นได้ถึงสามครั้ง คุณสมบัติของแหวนวงนี้ช่างมหัศจรรย์จริง ๆ !”

ใครอีกคนกล่าวด้วยความตื่นเต้นและสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับแหวนมิติเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน หากมีแหวนวิเศษเช่นนี้อยู่ในครอบครอง ต่อให้จอมยุทธ์ขอบเขตเซียนขั้นเก้าต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นต้น คนผู้นั้นก็อาจไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“ช่างเป็นแหวนที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก หากข้าเดาไม่ผิด มันคงเป็นสิ่งที่ท่านผู้นำหลอมขึ้นมาแน่ ๆ“

ซวงเสวี่ยยิ้มและคาดเดาที่มาของแหวนมิติที่ว่าได้ทันที เขาอยู่ในดินแดนทางเหนือแห่งนี้มานานและเข้าใจความเป็นไปเป็นมาของดินแดนนี้พอสมควร

ในดินแดนทางเหนือของดินแดนเทพมายามีช่างหลอมระดับสูงไม่มากนักและไม่เคยมีการประมูลแหวนมิติที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้มาก่อน เชื่อว่ามีเพียงผู้นำคนใหม่ของเขาเท่านั้นที่จะนำแหวนวิเศษซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์สำหรับทุกคนมาวางในงานประมูลได้อย่างไม่เดือดร้อนเช่นนี้

“ฮ่า ๆ ๆ ถึงอย่างไรมันก็ไร้ประโยชน์สำหรับข้า ควรที่จะนำมันออกไปประมูลและทดสอบสิ่งต่าง ๆ ดูจะดีกว่า”

ฉินอวี้โม่ยิ้มอ่อน สาเหตุหนึ่งที่นางนำแหวนมิตินี้ออกมาประมูล แท้จริงแล้วนางต้องการทดสอบอิทธิพลของหุบเขากรุ่นกำยาน นิกายอู่ซานและนิกายเพลิงแดงเดือด นางเชื่อว่าเพื่อแย่งชิงแหวนมิติล้ำค่าเช่นนี้ไปครอง ทั้งสามขุมกำลังจะต้องเปิดสงครามประมูลราคาอย่างสุดความสามารถเพื่อมิให้มันตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น

ซวงเสวี่ยและคนอื่น ๆ เข้าใจความหมายของฉินอวี้โม่ได้ทันทีและพวกเขายิ้มกริ่มเล็กน้อยด้วยแววตาสนใจราวกับกำลังจะได้รับชมเรื่องสนุก ๆ

ภายในห้องแยกอื่น ๆ เมื่อเห็นคุณสมบัติมากมายของแหวนมิติวงนี้ ไม่ว่าจะเป็นเฝินชวี่ ฮั่วหลินหรืออู่ถง ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกายและตั้งหน้าตั้งตารอแหวนวงนั้นอย่างใจจดใจจ่อ

“ฮ่า ๆ ๆ ทุกท่านน่าจะได้เห็นคุณสมบัติของแหวนวงนี้แล้ว ส่วนคุณค่าของมันนั้นไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเลย ราคาเริ่มต้นอยู่ที่หนึ่งหมื่นหินผลึกและการเสนอราคาแต่ละครั้งต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งพันหินผลึก”

โรงประมูลรั่วอานน่าจะมั่นใจในมูลค่าของแหวนมิติวงนี้อย่างแท้จริง พวกเขาจึงตั้งราคาเริ่มต้นของมันไว้สูงมากและไม่มีความลังเลใด ๆ พวกเขามั่นใจว่าราคาของมันจะไม่ต่ำกว่าของประมูลชิ้นต่อ ๆ ไปอย่างแน่นอน

ทันทีที่ราคาเริ่มต้นถูกประกาศออกมา ผู้เข้าร่วมครึ่งหนึ่งในโรงประมูลก็ได้ถอนตัวออกจากการประชันราคาทันที หนึ่งหมื่นหินผลึกเป็นมูลค่าที่มากพอสำหรับรองรับค่าใช้จ่ายของขุมกำลังขนาดเล็กได้นานครึ่งปี ในบรรดาทุกคนที่นี่ หากมิใช่เป็นผู้ที่มีภูมิหลังดีเป็นพิเศษ มันก็ยากที่ผู้ใดจะมีหินผลึกจำนวนมากเพียงนั้นเพื่อประมูลของเพียงชิ้นเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทราบดีว่าแหวนมิติวงนี้จะต้องจุดชนวนการแข่งขันแย่งชิงระหว่างหลายขุมกำลังใหญ่ ต่อให้กัดฟันเข้าร่วมประชันราคา พวกเขาก็สู้ได้เพียงช่วงต้น ๆ เท่านั้น หากไม่เกิดสิ่งใดเหนือความคาดหมาย วัตถุชิ้นนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของหนึ่งในสามขุมกำลังระดับหนึ่งเป็นแน่

“หนึ่งหมื่นห้าพันหินผลึก !”

แน่นอนว่าใครคนหนึ่งไม่รอช้าและขานราคาออกไปอย่างรวดเร็ว แม้ทราบว่าสามขุมกำลังใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพลแท้จริงในงานประมูลครานี้ พวกเขาก็ต้องการลองดูสักตั้ง บางที…แหวนมิติวงนี้อาจไม่มีประโยชน์สำหรับทั้งสามขุมกำลังและคนเหล่านั้นอาจไม่สนใจเข้าร่วมการเสนอราคาสำหรับของประมูลชิ้นนี้ก็ได้

“สองหมื่นหินผลึก !”

ใครอีกคนเสนอราคาสู้ทันที สำหรับแหวนวิเศษเช่นนี้ เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย หากได้มันมาครอง มันจะทำให้ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด

“สามหมื่นหินผลึก !”

“สี่หมื่นหินผลึก !”

“ห้าหมื่นหินผลึก !”

 ……

เสียงการเสนอราคาในโรงประมูลดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและไม่ยอมลดละ ทุกคนสงสัยใคร่รู้และสนใจในแหวนวงนี้เป็นอย่างยิ่ง ราคาประมูลของมันจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงไม่นาน ราคาของมันก็เพิ่มสูงขึ้นถึงหนึ่งแสนหินผลึกซึ่งทำให้จวินอู่ซิ่วผู้รับหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินงานประมูลและผู้จัดการโรงประมูลอย่างสวี่ฉู่คลี่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการขานราคาอย่างไม่หยุดหย่อนและโรงประมูลเต็มไปด้วยเสียงคึกคัก แต่ทั้งสามขุมกำลังระดับหนึ่งของดินแดนทางเหนือก็ยังไม่ได้เข้าร่วมศึกการประชันราคาแม้แต่ครั้งเดียว คาดว่าพวกเขากำลังรอให้มีคนแข่งขันน้อยลง

ในที่สุด เมื่อราคาประมูลของแหวนมิติทะลุไปถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นหินผลึก ความเร็วในการขานราคาก็ช้าลง ยิ่งไปกว่านั้น จากเดิมที่มีผู้เข้าร่วมหลายสิบคน ในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่ยังไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจและเสนอราคาต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้

“สองแสนหินผลึก !”

เสียงหนึ่งดังมาจากห้องพิเศษหมายเลขสาม และผู้ที่นั่งอยู่ในห้องนั้นมิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นคนของหุบเขากรุ่นกำยาน

นับตั้งแต่เห็นคุณสมบัติของแหวนมิติวงนี้ เฝินชวี่ก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าจะต้องครอบครองแหวนมิติวงนี้มาให้ได้ เพียงแต่เขาไม่เอ่ยขานราคาก่อนหน้านี้เพราะต้องการรอให้ผู้ร่วมแข่งขันลดน้อยลงเสียก่อน ตอนนี้เมื่อเหลือคู่ต่อสู้เพียงสามคนและราคาในแต่ละครั้งต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งพันหินผลึกจึงได้เวลาที่เขาจะขานราคาที่สูงกว่าเดิมมากออกไป

“ฮ่า ๆ ๆ นายน้อยของหุบเขากรุ่นกำยานเสนอราคาที่สองแสนหินผลึก มีผู้ใดให้ราคาที่สูงกว่านี้รึไม่ ?”

หลังจากชะงักค้างไปชั่วขณะเมื่อได้ยินราคาประมูลของเฝินชวี่และทั้งโรงประมูลเงียบสงัดอีกครา แน่นอนว่าผู้ดำเนินการประมูลอย่างจวินอู่ซิ่วก็ไม่ปล่อยให้บรรยากาศชะงักงันไป นางยิ้มหวานและกวาดสายตามองทุกคนก่อนเอ่ยกระตุ้นขึ้นมา

“เหอะ สองแสนหนึ่งพันหินผลึก !”

ภายในห้องโถง ใครคนหนึ่งที่ดูจะไม่ธรรมดาขานราคาอย่างไม่ยอมแพ้ต่อเฝินชวี่

“สองแสนสองพันหินผลึก !”

อีกคนหนึ่งก็ไม่ยอมอ่อนข้อเช่นกันและกล่าวทบราคาอีกหนึ่งพันหินผลึก แม้พวกเขาทราบว่าอาจไม่สามารถสู้ราคาประมูลของหุบเขากรุ่นกำยานได้ แต่พวกเขาก็ไม่พลาดที่จะใช้โอกาสนี้ในการขูดเลือดขูดเนื้อของหุบเขากรุ่นกำยานสักหน่อย

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าขอถอนตัวจากการแข่งขัน แม้ว่ามันจะคุ้มค่ากับราคา ข้าก็ไม่มีปัญญาจ่ายมันหรอก”

บุคคลที่สามผู้ซึ่งไม่เคยไหวหวั่นกับสงครามการประชันราคามาตั้งแต่ต้นประกาศขอถอนตัวจากการแย่งชิงแหวนมิติล้ำค่านี้ไปอย่างกะทันหัน เขาตระหนักดีว่าอีกสองขุมกำลังยังไม่ได้เสนอราคาออกมา และแหวนวิเศษวงนี้อาจจะไม่ได้ตกไปอยู่ในมือของเฝินชวี่ด้วยซ้ำ

“สองแสนห้าหมื่นหินผลึก !”

เฝินชวี่ไม่ทุกข์ร้อนหรือกดดันแต่อย่างใด เขาเพิ่มราคาทบไปอีกเกือบห้าหมื่นหินผลึกในคราเดียว

“หุบเขากรุ่นกำยานทั้งมั่งคั่งและทรงพลังจริง ๆ !”

คู่ต่อสู้คนหนึ่งกัดฟันกรอดขณะมองไปที่ห้องพิเศษของเฝินชวี่และตัดสินใจที่จะหยุดการประชันราคา สองแสนห้าหมื่นหินผลึกเป็นราคาที่เกินงบประมาณของเขาไปมาก ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากนี้ก็อาจมีสินค้าประมูลที่ดียิ่งกว่า เขาจึงไม่ต้องการเสนอราคาเพื่อแหวนวงนี้อีกต่อไป

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าก็ขอถอนตัวเช่นกัน”

อีกคนกล่าวพร้อมรอยยิ้มเพื่อประกาศว่าเขาก็ล้มเลิกความตั้งใจแล้วเช่นกัน ทว่าสายตาของเขากลับมองไปยังห้องแยกของอีกสองขุมกำลัง

“ในเมื่อไม่มีใครเสนอราคาแล้ว เชิญประกาศผลการประมูลได้เลย”

เมื่อทุกคนถอนตัวจากการแข่งขันกับเขา เฝินชวี่ก็ยิ้มเยาะด้วยความพึงพอใจและกล่าวบอกให้โรงประมูลรั่วอานประกาศผลทันที

“ฮ่า ๆ ๆ ใครบอกกันว่าไม่มีใครที่ต้องการเสนอราคาแล้ว ?”

จู่ ๆ ฮั่วหลินก็ยิ้มกริ่มและกล่าวขึ้น “ข้าเองก็สนใจแหวนวงนี้เช่นกัน”

หลังจากกล่าวจบ เขาก็ขานราคาประมูลของตน

“สองแสนหกหมื่นหินผลึก !”

“ฮั่วหลิน นี่เจ้าตั้งใจที่จะสู้กับหุบเขากรุ่นกำยานของข้างั้นรึ !”

สีหน้าของเฝินชวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าฮั่วหลินขานราคาเพื่อประมูลแข่งกับตน ทว่าเขาเพียงยิ้มเยาะและกล่าวออกไป

“ฮ่า ๆ ๆ เราก็สนใจในแหวนล้ำค่าวงนี้เช่นกัน การที่กล่าวว่านี่เป็นการที่เราตั้งใจสู้กับหุบเขากรุ่นกำยานของเจ้านั้น มันดูจะเป็นการกล่าวหาเกินไปหน่อย”

ฮั่วหลินยิ้มและกล่าวตอบโต้เบา ๆ โดยไม่สนใจวาจาของเฝินชวี่

“เหอะ แต่ก็น่าเสียดาย ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องได้แหวนวงนี้มาครอง !”

เมื่อเฝินชวี่ได้ยินคำพูดไม่สะทกสะท้านของฮั่วหลิน เขาก็แสยะยิ้มอีกคราและเสนอราคาออกไป “สามแสนหินผลึก !”

ต้องกล่าวเลยว่าหุบเขากรุ่นกำยานเป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งในดินแดนทางเหนืออย่างแท้จริง แม้มีขุมกำลังระดับหนึ่งถึงสามแห่ง นิกายเพลิงแดงเดือดและนิกายอู่ซานก็ยังตามหลังพวกเขาอยู่เล็กน้อย

“สามแสนหนึ่งหมื่นหินผลึก !”

เสียงเบาของอู่ถงดังขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อเข้าร่วมศึกประชันราคานี้เช่นกัน คุณสมบัติของแหวนมิติวงนี้ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือคุณสมบัติการแฝงตัวที่สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง การที่ต้องลงทุนด้วยเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้แหวนวงนี้มาครอบครอง หากบิดาของอู่ถงทราบเรื่อง เขาก็ต้องอนุมัติอย่างแน่นอน

“ฮ่า ๆ ๆ นิกายอู่ซานก็คิดจะเข้าร่วมการแข่งขันด้วยงั้นรึ ?!”

เมื่อได้ยินวาจาของอู่ถง น้ำเสียงของเฝินชวี่ก็เย็นชายิ่งขึ้น ทว่าเขายังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

“สามแสนห้าหมื่นหินผลึก !”

หลังจากขานราคาสู้ เขาก็ยิ้มกริ่มและกล่าว “ฮ่า ๆ ๆ ไม่ทราบว่าเรือนเฟิงเสวี่ยอยากจะขานราคาสู้ด้วยรึไม่ ? ไหน ๆ ตอนนี้พวกเจ้าก็กลายเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่สี่ของดินแดนทางเหนือแล้ว”

เมื่อได้ยินวาจาของเฝินชวี่ที่เล็งเป้าหมายไปที่เรือนเฟิงเสวี่ย ทุกคนก็มองไปที่ห้องพิเศษของฉินอวี้โม่ด้วยความสงสัยใคร่รู้และต้องการเห็นว่าคนเหล่านั้นจะมีการตอบสนองอย่างไร

“ฮ่า ๆ ๆ นายน้อยเฝินชวี่ลืมไปแล้วรึว่าผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ยของเราเป็นช่างหลอมระดับปรมาจารย์ผู้ถือครองเพลิงจักรพรรดิ แหวนมิติเช่นนี้…ผู้นำของเราก็สามารถหลอมมันขึ้นมาได้เอง เพราะฉะนั้นเชิญทั้งสามขุมกำลังแข่งขันกันไปเถอะ พวกเราขอรอชมเรื่องที่น่าตื่นเต้นก็เพียงพอ”

ฉินเฟิงกล่าววาจาแสดงความเห็นออกไป

เมื่อทุกคนได้ยินวาจาของฉินเฟิง พวกเขาก็ตระหนักถึงสิ่งนี้เช่นกัน ผู้นำของเรือนเฟิงเสวี่ยเป็นช่างหลอมที่เก่งกาจมากฝีมือและกล่าวได้ว่าแหวนมิติเช่นนี้อาจจะไม่ได้อยู่ในสายตาของ ‘เขา’

“หึ คุยโวโอ้อวดอย่างไม่ละอายใจ หากผู้นำของพวกเจ้ามีฝีมือถึงขั้นหลอมแหวนระดับนี้ได้ แล้วเหตุใดเขาจึงไม่มีชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วดินแดนกันเล่า ?”

เฝินชวี่ยิ้มเยาะและไม่เชื่อคำพูดของฉินเฟิงเลยสักนิด

“สามแสนหกหมื่นหินผลึก !”

ฮั่วหลินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “แข่งขันกันต่อเถอะ ถึงแม้หุบเขากรุ่นกำยานจะร่ำรวยมั่งคั่งเป็นอย่างยิ่ง ข้าก็ถูกใจแหวนวงนี้ไม่น้อยเช่นกัน”

“สี่แสนหินผลึก !”

เฝินชวี่ไม่ยอมลดละและยังคงทบราคาต่อไป

‘สี่แสนหินผลึก’ นี่เป็นราคาที่เกินกว่ามูลค่าของแหวนมิติไปมากแล้ว ทว่าสีหน้าของเฝินชวี่ยังคงเฉยเมยไม่สะทกสะท้านแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของหุบเขากรุ่นกำยานได้อย่างชัดเจน

“สี่แสนหนึ่งหมื่นหินผลึก !”

อู่ถงยังคงขานราคาต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นกัน

สถานการณ์ในตอนนี้ราวกับกลายเป็นเกมการแข่งขันประมูลราคาระหว่างสามขุมกำลังระดับหนึ่งของดินแดนทางเหนือไปเสียแล้ว พวกเขาล้วนต้องการใช้การแข่งขันนี้เพื่อพิสูจน์ความมั่งคั่งของอีกฝ่าย

“สี่แสนห้าหมื่นหินผลึก !”

เฝินชวี่ยิ้มเย็นและกล่าวต่อไป ทว่าภายในใจของเขาก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย

“สี่แสนหกหมื่นหินผลึก !”

ฮั่วหลินยิ้มกริ่มและไม่มีท่าทีว่าจะลดละ เขาและอู่ถงมีความเข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องกล่าววาจาด้วยซ้ำขณะขานราคาเพิ่มขึ้นหนึ่งหมื่นหินผลึกซึ่งทำให้เฝินชวี่แทบพูดไม่ออก

“ห้าแสนหินผลึก!”

ครานี้เฝินชวี่กัดฟันกรอดและกล่าวออกไป หากฮั่วหลินและอู่ถงยังคงสู้ราคา เขาก็จะยอมแพ้อย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้เขาไม่ได้แหวนวิเศษวงนี้ไปครอง เขาก็ยังทำให้หนึ่งในคู่แข่งขันต้องเสียหินผลึกจำนวนมหาศาลซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาพึงพอใจเช่นกัน

“ยินดีด้วย แหวนมิติเป็นของเจ้าแล้ว”

อู่ถงและฮั่วหลินกล่าวอย่างเข้าใจตรงกันและล้มเลิกการเสนอราคา

เฝินชวี่ถึงกับชะงักค้างไปทันที

ภายในห้องพิเศษอีกห้องหนึ่ง ฉินอวี้โม่อดหัวเราะอย่างสาแก่ใจไม่ได้ ดูเหมือนว่าฮั่วหลินและอู่ถงจะตั้งใจกลั่นแกล้งเฝินชวี่ ทว่าในทางกลับกัน ฝ่ายของนางก็สร้างรายได้ได้เป็นกอบเป็นกำ !

.