บทที่ 604 เจ้าต้องการที่จะสอดใส่ไปที่ด้านหลังของข้าหรือไม่

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 604 เจ้าต้องการที่จะสอดใส่ไปที่ด้านหลังของข้าหรือไม่

 

“ข้ามาที่นี่เพื่อที่จะมอบอะไรให้กับเจ้าสักอย่าง” ซูหยางพูดแล้วก็นําเอาม้วนคัมภีร์ออกมาจากแหวนมิติก่อนที่จะวางมันลงที่ตรงหน้าซูลีชิง

 

“นี่คือ… วิชาการฝึกฝีมือ” ซูลี่ชิงเลิกคิ้วกับม้วนคัมภีร์ที่อยู่บนโต๊ะ

 

“นี่เป็นม้วนคัมภีร์ที่มีความหมายกับข้ามาก และข้าต้องการให้เจ้ารับมันไว้ แต่อย่างไรก็ตาม มิว่าเจ้าต้องการที่จะฝึกมันหรือไม่นั้น ก็จักขึ้นอยู่กับตัวของเจ้า”

 

“เจ้าหมายความว่ายังไงจึงกล่าวเช่นนั้น ทําไมเจ้าจึงต้องมอบสิ่งของที่เจ้ามิต้องการให้ข้าฝึกให้กับข้า” เธอยิ่งรู้สึกงงงวย

 

“บอกเจ้าตามตรง เจ้านั้นมิเหมาะกับการฝึกวิชาคู่” ซูหยางพลันกล่าวกับเธอ แล้วกล่าวต่อไปอีกว่า “แต่ทว่านั่นมิได้หมายความว่าเจ้านั้นมิได้มีพรสวรรค์ในการฝึกวิชาคู่ ตามความเป็นจริงเจ้านั้นมีพรสวรรค์ด้านนั้นมากทีเดียว เพียงแต่ว่าเจ้ามีพรสวรรค์ทางด้านกระบี่มากกว่า”

 

“ข้ามีพรสวรรค์ทางด้านกระบุรี… แต่ข้ามิค่อยได้จับกระบี่เท่าไหร่นักในชีวิตข้า และข้าก็รู้เพียงแค่พื้นฐาน…” เธอตอบด้วยสีหน้าสับสน

 

“ข้ารู้ว่านี่อาจจะกระทันหันเกินไปสําหรับเจ้า แต่สําหรับผู้ที่ฝึกกระบี่มาชั่วชีวิต ข้าสามารถบอกได้เลยว่าใครมีพรสวรรค์ทางด้านกระบีหรือไม่ ด้วยเพียงแค่มองดูสภาพร่างกายของพวกเขา และเจ้า ลีชิง มีร่างกายที่สมบูรณ์แบบ” ซูหยางกล่าวกับเธอ แล้วเขาก็พูดต่ออีกว่า “ตามจริงแล้ว ร่างของเจ้านั้นคล้ายคลึงกับคนที่ข้าเคยรู้จักมาก ดังนั้นข้าจึงเลือกวิชานี้มาให้กับเจ้า”

 

จากนั้นซูลี่ชิงก็เปิดม้วนคัมภีร์และอ่านวิชาการฝึกฝนนั้นออกมาดังๆ “ร่ายรํากระบี่ไร้รูป”

แม้ว่าจะไม่เคยได้ยินชื่อวิชานี้มาก่อน ซูชิงก็รู้สึกเหมือนกับว่าคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่ามันได้อยู่ในความทรงจําของเธออยู่แล้ว

 

“รวมถึงข้าแล้ว มีเพียงคนสี่คนที่ได้เรียนรู้วิชานี้มาก่อนหน้านี้ และสองคนในนั้นก็มิได้อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว วิชากระบี่นี้สร้างขึ้นมาโดยคนรักคนแรกของข้าที่กลายมาเป็นภรรยาคนแรกของข้า แต่หลังจากที่เธอสิ้นไปแล้ว ข้าก็ได้นําวิชานี้มาปรับปรุงจนกระทั่งข้ามสามารถที่จะปรับปรุงมันได้อีกต่อไป” ซูหยางอธิบายความสําคัญของวิชานี้ให้กับซูชิง

 

“วิชาที่สําคัญเช่นนี้ ข้ามิคิดว่าข้าจักควรรับมันไว้” ซูชิงกล่าวหลังจากที่ได้ยินคําพูดของเขา

 

แต่ทว่าซูหยางส่ายหน้าของเขาแล้วกล่าวว่า “มิว่าครั้งหนึ่งมันเคยขึ้นอยู่กับใครหรือว่ามันมีความสําคัญเพียงใดก็ตาม วิชาฝีมือก็จําเป็นที่จะต้องถ่ายทอดต่อไป ไม่เช่นนั้นมันก็จักสูญสิ้นความหมายไป ข้ามต้องการให้วิชานี้สูญหายไปตามกาลเวลา หรือว่าต้องการมอบให้กับผู้อื่นผู้ใดก็ได้ ดังนั้นข้าจึงนํามันมามอบให้กับเจ้า ซึ่งข้าไว้ใจเป็นอย่างมากพอที่จะฝากฝังวิชาที่สําคัญเช่นนี้ให้ นอกจากนี้เจ้ายังมีร่างกายที่เหมือนกับภรรยาคนแรกของข้าผู้สร้างวิชานี้ขึ้นมา ดังนั้นจึงมิมีใครในโลกนี้อีกแล้วที่เหมาะกับวิชานี้ไปมากกว่าเจ้า”

 

“ซูหยาง” ซูลี่ซึ่งพูดไม่ออกในเวลานั้น ในเมื่อเธอจมอยู่กับความตื้นตัน

 

เวลาผ่านไปหลังจากนั้น ชูลี่ชิงก็ถามเขาว่า “ถ้าข้าตัดสินใจที่จะเรียนรู้วิชานี้ เจ้ายังจักร่วมฝึกกับข้าอยู่อีกหรือไม่”

 

“แน่นอน” ซูหยางพยักหน้าทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไร “ร่ายรํากระบี่ไร้รูปนั้นเกือบทั้งหมดนั้นเป็นวิชาการต่อสู้ ถ้าเจ้าต้องการที่จะพัฒมาพลังการฝึกปรือของเจ้า เจ้าก็ยังคงต้องฝึกฝนตามปกติ ถ้าเจ้าต้องการเจ้าสามารถเป็นผู้ฝึกวิชาคู่ไปพร้อมกับเป็นมือกระบี่ในเวลาเดียวกันได้ เช่นเดียวกันกับข้า”

 

“ขอบคุณซูหยางที่มอบวิชาที่ล้ําค่าเช่นนี้ให้กับข้า” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มสวยงามบนใบหน้า

 

“เจ้าสามารถที่จะไปหาข้าได้เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าตัดสินใจที่จะเริ่มฝึกฝนวิชานี้ ข้าจักชิ้นําเจ้าไปทีละขั้นตอน

 

“ข้าจักเริ่มฝึกฝนในวันพรุ่งนี้เช้า” เธอกล่าว

 

เมื่อเวลาผ่านไปอีกชั่วขณะ ซูลี่ชิงก็ถามเขาว่า “เจ้ายังมีอะไรกับข้าอีกหรือไม่ซูหยาง”

 

“ไม่ ข้ามิมีอะไรอีกแล้ว แล้วเจ้ามีอะไรกับข้าหรือไม่” เขาส่ายหน้า

 

“แน่นอน ข้ามิอาจที่จะรับของขวัญจากเจ้าโดยมิได้ขอบคุณให้ดี” จากนั้นซูชิงก็ยืนขึ้นและจับแขนของเขา ก่อนที่จะดึงเขาไปที่เตียงที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร

 

“ตอนนี้ในเมื่อเรามีศิษย์ใหม่มากมาย ข้ามัวแต่ยุ่งอยู่กับงานจนข้ามิได้เห็นเจ้ามาชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่เมื่อตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่ สุดท้ายข้าก็จักได้ทําอะไรสนุกๆบ้าง”

 

ซูลี่ชิงผลักซูหยางขึ้นไปบนเตียงก่อนที่จะนั่งคุกเข่าอยู่ตรงบริเวณระหว่างขาของเขาและยื่นมือของเธอไปที่เป้าของเขา

 

ไม่กี่อึดใจให้หลัง เธอก็คลายเสื้อผ้าบริเวณขาของเขา ปล่อยให้มังกรของเขาผงาดขึ้นอย่างอิสระ

 

“อืมม…”

 

ซูชิงยัดแก่นกายทั้งดุ้นเข้าไปในปากของเธอในที่เดียวและเริ่มขยับหัวของเธอเข้าออก

 

ซูหยางหลับตาและดื่มด่กับริมฝีปางอันอ่อนนุ่มและลิ้นที่เชี่ยวชาญของซูสี่ชิงอย่างเต็มที่ ปล่อยให้เธอลิ้มลองพี่เบิ้มของเขาจนกว่าเธอจะพอใจ

 

หลายนาทีให้หลัง ซูเชิงก็ถอนริมฝีปากของเธอออกจากแก่นกายของเขาและยืนขึ้นในขณะที่คลายเสื้อผ้าของตัวเธอเอง

 

จากนั้นเธอก็นั่งลงไปบนตักของเขายัดแก่นกายแท่งใหญ่ของเขาเข้าไปในถ้ําเปียกของเธอ

 

“อ๊าาง” ซูชิงครวญครางออกมาเบาๆ รู้สึกเสียวซ่านไปตลอดทั่วร่างของเธอ

 

เธอเริ่มขยับสะโพกของเธอไม่นานหลังจากนั้น ควบขี่ไปบนแก่นกายของเขาอย่างสง่างาม

 

ในเวลานั้น ซูหยางก็จ้องมองดูร่างกายอันสวยงามและสะโพกอันอ่อนนุ่มของเธออยู่เบื้องหลังอย่างเงียบๆ ดูมันสั่นกระเพื่อมจากแรงกระแทกจนรู้สึกอยากจะจับมันขึ้นมาอย่างรุนแรง

 

สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางก็ยอมแพ้แก่ความปรารถนาของเขา และเอื้อมมือไปยังสะโพกของซูลี่ชิงจับมันอย่างมั่นคงด้วยมือใหญ่ของเขา

 

“อาาาา” ซูลี่ชิงครางออกมาดังลั่นตอบสนองกับการสัมผัสของเขา และเธอก็หันหน้ากลับมามองเขาด้วยสายตายั่วเย้า

 

“ข้าสังเกตได้สักพักแล้วตอนนี้ว่าเจ้าชอบจับก้นข้าจริงๆ” เธอกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มยั่วเย้า

 

“ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นสมบัติที่ไร้ที่ติ ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะแตะมันเมื่อไหร่ก็ตามที่ข้าได้เห็น” ซูหยางกล่าวโดยไม่รู้สึกละอายแม้แต่น้อย

 

ซูชิงพลันหยุดการเคลื่อนไหวร่างกายของเธอแล้วกล่าวกับเขาในอึดใจให้หลังด้วยเสียงลังเลว่า “เช่นนั้น เจ้าต้องการที่จะสอดใส่ไปที่ด้านหลังของข้าหรือไม่”