ตอนที่ 1625 พลังยุทธโลกตะลึง!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1625 พลังยุทธโลกตะลึง!
พึ่บ!

เมื่อพวกเขาทั้งหลายร่อนตัวลงเรียบร้อยกู่ฮั่นก็รีบก้มหัวลงต่อหน้าเย่หยวนในทันที

“ผู้อาวุโสเย่ ข้าขอร้อง กลับไปช่วยอาจารย์ข้าด้วยเถอะ!” กู่ฮั่นกล่าวขึ้นด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอ

ตอนที่พวกเขาบินออกมาจากวงล้อมเมื่อสักครู่เย่หยวนบังเอิญได้ดึงตัวกู่ฮั่นออกมาด้วย

เพราะการที่เด็กคนนี้กล้าที่จะพูดอะไรแบบนั้นออกมาในสถานการณ์เมื่อสักครู่ มันแสดงให้เห็นได้อย่างดีว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนที่มีจิตใจคับแคบเลวร้ายใดๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตมันเป็นเพียงเพราะว่าตัวเขาหยิ่งยโสและไม่ยอมใครก็เท่านั้น

เย่หยวนได้ยินแบบนั้นจึงหันไปพูด “เมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ของพวกเจ้านั้นมีสงครามกับพวกปีศาจมานานปีและควรจะเป็นคนที่เกลียดชังพวกมันที่สุดแท้ๆ แต่พอหลิงจี้คุนได้เจอหน้าพวกปีศาจ เขากลับเลือกที่จะทำตัวสุภาพอ่อนน้อมกับพวกมัน ทำไมข้าถึงต้องไปช่วยคนแบบนี้ด้วย?”

เย่หยวนเองก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร แต่เรื่องที่อีกฝ่ายทำมันทำให้เขาทนรับไม่ไหวจริงๆ

กู่ฮั่นได้แต่กัดฟันตอบกลับไป “ท่านอาจารย์ได้ดูแลข้ามาอย่างดี ข้าคงปล่อยให้ท่านตายไปทั้งๆ แบบนี้ไม่ได้! ผู้อาวุโสเย่… หากท่านไม่คิดจะช่วยเช่นนั้นข้าก็ขอกลับไปช่วยท่านอาจารย์ด้วยตัวเองแล้วกัน!”

เย่หยวนจึงตอบกลับไปอย่างไม่แยแส “งั้นก็จงกลับไปเถอะ ข้าแค่บังเอิญช่วยเจ้ามาด้วย หากตอนนี้เจ้าคิดอยากตายเอง มันก็เป็นเรื่องของเจ้าแล้วใครจะมาห้าม?”

ใบหน้าของกู่ฮั่นเปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนและรีบมุ่งตรงไปยังที่ที่พวกเขาจากมาในทันที

แต่เพียงแค่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว สายตาสีแดงฉานนับไม่ถ้วนก็หันมาจ้องมองกู่ฮั่นในทันที

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

หนูยักษ์แทะกระดูกนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาหาเขา

สภาพของกู่ฮั่นตอนนี้เหมือนคนที่โดนสาดถังน้ำแข็งใส่หน้า เส้นขนในร่างกายของเขาลุกชันไปทั้งร่าง

พร้อมๆ กันนั้นสนามพลังงานก็เข้ามาปกคลุมตัวเขาในทันที ทำให้กู่ฮั่นไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย

อาณาจักรบรรพชนพระเจ้ามันอ่อนแอเกินกว่าที่จะสู้ที่นี่

ตุบ!

กู่ฮั่นพยายามที่จะก้าวถอยกลับมา แต่เท้าเจ้ากรรมก็ดันไปสะดุดก้อนหินจนล้มลง

“ช-ช่วยด้วย”

เป็นจังหวะนั้นเองที่เงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมดาบในมือ

ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ

ด้วยการสะบัดดาบครั้งเดียวของเงาร่างนี้ มันทำให้หนูยักษ์แทะกระดูกกลายพันธุ์ร่างขาดออกจากกันเป็นสองท่อนในทันที

เขาคนนี้คือเย่หยวน ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้ากู่ฮั่นก่อนจะพูดขึ้น “ยังอยากกลับไปอยู่ไหม?”

กู่ฮั่นส่ายหัวจนมันแทบหลุดออกจากบ่า พร้อมท่าทางสั่นกลัวอย่างสุดขีด

เป็นเวลานี้นี่เองที่เขาได้เห็นว่าฝีมือของตัวเองและเย่หยวนมันห่างชั้นกันมากมายแค่ไหน

เพราะเมื่อเขามาเจอสัตว์อสูรพวกนี้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะต่อสู้ขัดขืนกลับไป

แต่เย่หยวนนั้นสังหารมันลงอย่างง่ายดายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก

หากตอนนี้กู่ฮั่นคิดจะกลับไป มันก็คงไม่ต่างจากการเดินไปหาที่ตายเท่านั้น

ฉุบ! ฉุบ! ฉุบ!

ตอนนี้หนูยักษ์แทะกระดูกอีกหลายตัวเริ่มหันมาสนใจทางนี้กันมากขึ้นและมุ่งหน้าตรงมาในทันที

ส่วนเย่หยวนนั้นก็ยังสะบัดดาบไปมาราวกับชาวนาที่กำลังเกี่ยวข้าว เก็บเกี่ยวชีวิตของเหล่าหนูยักษ์แทะกระดูกลงอย่างง่ายดาย ไม่มีพวกมันตัวไหนที่ทนรับเขาได้มากกว่าหนึ่งกระบวนท่า

“ใจเย็นๆ พวกเฒ่าเหล่านั้นมันหนังเหนียวตายยาก แต่ละคนต่างเป็นยอดฝีมือที่มีพื้นฐานหนักแน่น ต่อให้พวกหนูยักษ์แทะกระดูกมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน การจะสังหารพวกนั้นลงมันคงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก” เย่หยวนพูดออกมาอย่างเฉื่อยชาพร้อมสะบัดดาบในมือไม่หยุด

ตอนนี้ไม่ใช่แค่กู่ฮั่นเท่านั้น แม้แต่เจิ่งชีและคนจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็เพิ่งจะเคยเห็นเย่หยวนลงมือจริงๆ จัง ๆ เป็นครั้งแรก ตอนนี้จิตใจของพวกเขาเองก็อยู่ไม่สงบไม่ต่างจากกู่ฮั่น

เย่หยวนเคยหลบการโจมตีของกู่ฮั่นด้วยแนวคิดแห่งห้วงมิติโดยที่ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป

แต่ตอนนี้พวกเขาได้รู้แล้วว่าเย่หยวนนั้นน่ากลัวแค่ไหน!

หากตอนนั้นเย่หยวนตอบโต้กลับไปจริงๆ กู่ฮั่นคงไม่ได้มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้แน่ๆ

“แท้จริงแล้วผู้อาวุโสเย่ไม่ได้เก่งกาจแค่เรื่องแนวคิดแห่งห้วงมิติ ความน่ากลัวที่แท้จริงของเขานั้นมาจากการผสมผสานแนวคิดต่างๆ”

“ใครจะไปคิดว่าเขาจะผสานแนวคิดแห่งดาบเข้ากับแนวคิดแห่งห้วงมิติได้ขนาดนี้ ผู้อาวุโสเย่นั้นคืออัจฉริยะอย่างแท้จริง! ของแบบนี้มันยากกว่าการเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติธรรมดาๆ มากมายนัก!”

“แน่นอนอยู่แล้ว ผู้อาวุโสเย่นั้นมีอะไรเก็บซ่อนไว้อีกมากมาย! เราไม่มีทางรู้ได้หรอกว่าหากเขาเอาจริงขึ้นมา เขาจะแข็งแกร่งขึ้นได้อีกมากมายแค่ไหน!”

เดิมเมื่อทุกคนเห็นว่าเย่หยวนเข้าไปสู้ พวกเขาก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือในทันที

แต่ดูสภาพการณ์ในตอนนี้แล้ว พวกเขานั้นไม่ต้องทำอะไรเลย

หนูยักษ์แทะกระดูกไม่สามารถเป็นคู่มือให้กับเย่หยวนได้ด้วยซ้ำ!

หนูยักษ์แทะกระดูกกลายพันธุ์เหล่านี้มันทรงพลังจนยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้ายังต้องเกรงกลัว แต่เย่หยวนกลับสังหารมันได้ง่ายดายราวกับกำลังถอนหญ้าในสวน

ในเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ เย่หยวนก็สังหารหนูยักษ์แทะกระดูกไปแล้วนับร้อยตัว แต่ท่าทางของเขาก็ยังคงสุขุมเยือกเย็น ไม่มีร่องรอยความเหนื่อยอ่อนใดๆ

จู่ๆ ก็มีหนูยักษ์แทะกระดูกตัวใหญ่น่าเกรงขามพุ่งตัวออกมาจากฝูงของมัน เปลี่ยนร่างของมันเป็นแสงสีดำพุ่งใส่เย่หยวนด้วยความเร็วสูง

“เย่หยวน ระวัง! นี่มันสัตว์อสูรระดับสี่” เจิ่งชีตะโกนขึ้นทันทีที่เห็น

พูดจบคำเขาก็เตรียมท่าจะเข้าไปช่วยเย่หยวนในทันที

แต่เป็นเย่หยวนที่พูดขึ้นมาขัดไว้ก่อน “พวกเจ้าอย่าขยับ! นี่แหละคือสิ่งที่ข้ากำลังรออยู่!”

เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็หันมามองหน้ากันด้วยความไม่เชื่อในทันที

แม้ต้องเผชิญกับหนูยักษ์แทะกระดูกระดับสี่ เย่หยวนก็ไม่คิดที่จะถอย แต่เขากลับก้าวไปข้างหน้า พร้อมยกดาบขึ้นฟันใส่เจ้าหนูยักษ์แทะกระดูกที่พุ่งตัวเข้ามา

ตอนนี้พลังของเย่หยวนนั้นพุ่งขึ้นสูง คลื่นดาบฉีปรากฏขึ้นมารอบๆ ตัวเขาอย่างดุดัน

เย่หยวนนั้นบรรลุแนวคิดแห่งดาบในระดับสี่ดาวไปแล้วในห้วงมิติสืบทอด!

แนวคิดแห่งดาบในระดับสี่ดาวผสานกับแนวคิดแห่งห้วงมิติระดับสองดาว นี่เป็นสิ่งที่เหนือล้ำกว่าใครๆ

มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่และตอนนี้ก็ได้เวลาทดสอบมันแล้ว!

แคร่ง! แคร่ง! แคร่ง!

คลื่นดาบฉีของเย่หยวนเข้าปะทะกับกรงเล็บของเจ้าหนูยักษ์แทะกระดูกกลางอากาศ พร้อมด้วยพลังวิญญาณที่อัดแน่นของเขามันจึงส่งร่างของเจ้าหนูยักษ์แทะกระดูกลอยออกไปไกล

เมื่อเหล่าคนจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้เห็นแบบนี้พวกเขาก็ได้แต่อ้าปากค้างไปตามๆ กัน

“นี่… นี่มันเรื่องอะไรกัน? นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับสี่ ได้จริงๆ เรอะ?”

“ไม่สิ ดวงตาข้าต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ระดับสี่ มันต่างจากระดับสาม อย่างสิ้นเชิง จะมีใครสามารถก้าวข้ามช่องว่างแห่งพลังนั้นได้กัน?”

“โลกใบนี้มันมียอดมนุษย์แบบนี้อยู่ด้วยเรอะเนี่ย! เย่หยวนมันไม่ใช่คนแล้ว!”

“ผู้อาวุโสเย่นั้นไม่ชอบอวดแสดงฝีมือ แต่พอได้ใช้พวกมันออกมาก็ทำให้ฟ้าถล่มดินทลายทันที!”

สัตว์อสูรระดับสี่ นั้นพัฒนาโลกใบเล็กในร่างตัวเองและสามารถใช้พลังแห่งโลกได้ไม่น้อย

แต่เย่หยวนกลับสามารถรับมือกับมันได้อย่างไม่เสียเปรียบ!

พลังการต่อสู้นี้มันเหนือล้ำความคาดหมายของทุกผู้คน ทำให้ผู้ที่ได้เห็นต้องอ้าปากค้าง

ตอนที่เย่หยวนยังอยู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าเขาเองก็สามารถชนะนักยุทธอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้เช่นกัน

แต่เรื่องนั้นมันแตกต่างกับเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง

เพราะสำหรับสายตาคนทั่วๆ ไปแล้ว เรื่องแบบนี้มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

มันก็ยังมียอดอัจฉริยะกลุ่มเล็กๆ ที่สามารถใช้ความเข้าใจในแนวคิดมาผสานวิชาต่อสู้และล้มคู่ต่อสู้ที่มีระดับเหนือกว่าตนได้

ตอนที่เย่หยวนยังอยู่ในโลกเบื้องล่าง ความรู้ความสามารถประสบการณ์ของนักยุทธในโลกนั้นมันไม่มีทางเทียบเคียงกับนักยุทธในมหาพิภพถงเทียนได้เลย

ในมหาพิภพถงเทียนนี้ การที่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะชนะอาณาจักรราชันพระเจ้านั้นมันเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด

และกฎเหล็กข้อนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถทำลายมันลงได้!

จากระดับสาม ขึ้นสู่ระดับสี่ นั้นมันมีความแตกต่างที่ราวกับอยู่กันคนละโลก

เมื่อนักยุทธได้พลังของโลกมาไว้กับตัว พวกเขาก็จะสามารถปกครองเหนือทุกสิ่งและสังหารทุกอย่างที่อยู่ระดับต่ำกว่าได้ด้วยแค่การกระดิกนิ้ว

เพราะฉะนั้นภาพที่อยู่ตรงหน้านี้มันจึงทำให้เหล่าคนจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต้องตกตะลึงอย่างบอกไม่ถูก

เย่หยวนถือดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าไว้ในมือ ตัวของเขาราวกับว่าได้กลายเป็นเทพแห่งสงครามไปแล้ว แต่ละดาบที่ฟาดฟันออกมานั้นราวกับภาพลวง กวัดแกว่งไปมาจนมองตามไม่ทัน

เพลงดาบเมฆาลับแลที่เย่หยวนใช้อยู่ในตอนนี้เรียกได้ว่าอยู่ในจุดสูงสุด!

ตอนนี้ต่อให้เป็นสัตว์อสูรระดับสี่ ก็ยังทำไม่สามารถเทียบเคียงกับเย่หยวนได้!

ดวงตาของเจิ่งชีนั้นเบิกโพลง พร้อมด้วยปากที่ยังอ้าค้างไว้ตั้งแต่ต้นอย่างไม่สามารถหุบลงได้

ตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังสงสัยว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปหาสัตว์ประหลาดแบบนี้มาจากที่ไหน

“ข้าเคยคิดว่าข้าเข้าใจความสามารถของเย่หยวนทั้งหมดแล้ว แต่ดูท่าสิ่งที่ข้ารู้จะเป็นเพียงแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น! เด็กคนนี้ หากต่อไปเขาจะทำเรื่องเหลือเชื่ออะไรอีกข้าก็คงไม่แปลกใจแล้ว!” เจิ่งชีกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขื่นขม