ตอนที่ 838

Alchemy Emperor of the Divine Dao

วิญญาณของสตรีที่ตายแล้วเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายต่อวิญญาณเขาได้แน่นอน เพราะอย่างไรในตอนที่พวกนางมีชีวิตอยู่พลังของพวกนางคงสูงกว่าหลิงฮันไม่รู้กี่เท่า ถึงแม้พวกนางจะตกตายไปแล้วก็ยังคงทิ้งจิตวิญญาณที่หลงเหลือความคิดเอาไว้ได้

ต้องรู้ก่อนหน้าเรือลำนี้ได้ถูกผลักออกมาจากช่องว่างมิติ ซึ่งช่องว่างมิตินั้นมีอำนาจในการฉีกกระชากวิญญาณให้แหลกเป็นเสี่ยงๆได้ แต่ถึงอย่างนั้นวิญญาณของพวกนางก็ยังคงปลอดภัย!

ในช่วงที่มีชีวิตพวกนางต้องเป็นจอมยุทธระดับพระเจ้าแน่นอน!

การคำรามของพวกนางนั้น พวกนางไม่ได้คำรามใส่หลิงฮันคนเดียวแต่ยังพุ่งเป้าไปที่คนอื่นๆด้วย

ถึงแม้พวกนางจะไม่มีพลังอำนาจเหลืออยู่แล้ว แต่พวกนางก็ยังสามารถสร้างความเสียหายต่อจิตวิญญาณได้ แต่จอมยุทธระดับทลายมิติย่อมไม่หวั่นเกรง โดยเฉพาะกับจอมยุทธที่บรรลุแก่นแท้แห่งวรยุทธแล้ว พวกเขามีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง

แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่จอมยุทธระดับทลายมิติและไม่บรรลุแก่นแท้แห่งวรยุทธแล้ว จิตวิญญาณของพวกรู้สึกราวกำลังถูกฉีกกระชากออกเป็นเสี่ยงๆ

‘ตุบ!’

จู่ๆจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาคนหนึ่งก็ล้มลงไปและไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย

เขาเสียชีวิตลงแล้ว

วิญญาณของเขาถูกทำลายจนไม่เหลือซาก กายหายของเขาในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเปลือกหอยว่างเปล่าที่รอคอยวันเน่าสลาย

จอมยุทธคนนั้นเป็นจอมยุทธเฒ่าของห้านิกายโบราณ แม้ในโลกภายนอกเขาจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ แต่ในที่นี้พลังของเขาไม่นับว่าเป็นอันใดได้

สหายของเขาทำได้เพียงเก็บร่างของเขาเข้าไปในอุปกรณ์มิติและค่อยกลับออกไปฝังร่างของเขาทีหลัง

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

ภายใต้การโจมตีทางวิญญาณของทหารสตรี จอมยุทธที่เข้ามาในเรือก็เริ่มล้มลงเรื่อยๆ คนที่ล้มลงไปมีทั้งจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาและบุปผาผลิบาน ส่วนจอมยุทธที่ระดับต่ำกว่านี้นั้นพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้ามาภายในเรือ

“คนที่มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าระดับสวรรค์รีบออกไปซะ!” ราชันดาบตะโกน ตัวเขานั้นบรรลุแก่นแท้แห่งดาบแล้ว ดังนั้นเขาจึงใช้อำนาจของมันปลุกคนอื่นๆให้ตื่นจากความโลภและสั่งให้ล่าถอย

หากแค่ยืนต้านการโจมตีทางจิตวิญญาณยังทำไมได้ พวกเจ้าคิดว่ายังมีโอกาสได้รับสมบัติอีกรึ? พวกเจ้าอยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะเป็นการนำชีวิตมาทิ้ง

สำหรับจอมยุทธระดับสวรรค์ แม้พวกเขาจะรู้สึกอึดอัดจนอย่างอาเจียนแต่จิตวิญญาณของพวกเขาก็ยังไม่แหลกสลาย พวกเขายังสามารถทำการสำรวจเรือต่อไปได้

พวกเขาสำรวจห้องพักเรือต่อไป ถ้าหากพวกเขาพบสมบัติจริงๆ พวกเขาคงไม่สามารถแย่งชิงกับหม่าตั้วเปาได้ดังนั้นเรื่องการแย่งชิงสมบัติคงต้องให้เป็นหน้าที่ของฉัวชี่ฟงและพรรคพวก

หลิงฮันและหม่าตั้วเปาเดินข้างกายกัน ทั้งการสำรวจในชั้นที่หนึ่งพวกเขาพบเพียงวิญญาณของทหารสตรีห้าคนนั้นเท่านั้น แต่จากจำนวนของห้องพักแล้วเรือลำนี้สมควรมีจำนวนทหารมากกว่านี้ แต่ที่วิญญาณเหลือเพียงสตรีห้าคนนั้นก็เป็นเพราะพวกนางคือทหารห้าคนที่แข็งแกร่งที่สุด

ในขณะที่คิดเช่นนั้นพวกเขาก็มาถึงชั้นสองของเรือ

ชั้นนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยห้องพักที่ว่างเปล่าเหมือนกับชั้นแรก

เมื่อเดินไปสักพัก พวกเขาก็พบกับทหารสตรีอีกครั้งเหมือนกับในชั้นหนึ่ง แต่ครั้งนี้ไม่มีใครหวาดกลัวพวกนางพวกเขา พยายามต้านทานการโจมตีทางจิตวิญญาณและเดินผ่านไป

ถึงแม้เรือลำนี้จะมีขนาดใหญ่แต่พวกเขาก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ในการสำรวจ

พวกเขาเดินขึ้นไปยังชั้นที่สาม

ชั้นนี้เองก็เป็นห้องพักเหมือนกันแต่เห็นได้ชัดว่ามันดูหรูหรากว่าชั้นก่อนๆ แต่ละห้องมีขนาดกว้างใหญ่ซึ่งสมควรเป็นคนระดับสูงของเรือที่จะพักในชั้นนี้

ชั้นนี้เองก็มีทหารเช่นกัน

แต่จำนวนของพวกนางนั้นเพิ่มขึ้น ทหารสตรีจำนวนเกือบห้าสิบคนคำรามโจมตีจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่องจนเหล่าจอมยุทธระดับสวรรค์ที่ยังไม่บรรลุแก่นแท้วรยุทธไม่อาจต้านไหวอีกต่อไป

หลิงฮันนำจูเสวียนเอ๋อ เจ้ากระต่ายและหนูทองคำเข้าไปในหอคอยทมิฬก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนฮูหนิวนั้น ด้วยศักยภาพราวกับสัตว์ประหลาดของนาง นางไม่ได้รับผลกระทบใดๆแม้แต่น้อย ส่วนตัวเขาที่บรรลุแก่นแท้แห่งดาบแล้วก็ไม่เกรงกลัวเช่นกัน

จอมยุทธของห้านิกายโบราณตกตายอย่างต่อเนื่อง จอมยุทธระดับสวรรค์นั้นถูกทำลายจิตวิญญาณจนเหลือแต่ซากศพที่ยังอุ่นๆ จิ่วโหยวหวังที่เห็นเช่นนี้ก็มองไปยังศพแต่ละร่างด้วยสายตาที่เร่าร้อน

ศพเหล่านี้เป็นวัตถุดิบที่สดใหม่ ถ้าหลอมศพเหล่านี้ให้กลายเป็นหทารซากศพล่ะก็ มันจะเป็นทหารซากศพที่แสดงพลังออกมาได้เต็มศักยภาพที่สุด

เพียงแต่ว่าตอนนี้พวกเขานั้นจับมือเป็นสหายกันอยู่ เหล่าจอมยุทธของห้านิกายโบราณมองมายังนิกายพันศพด้วยสีหน้ารังเกียจ พวกเขาเกิดความคิดที่ว่าจะกำจัดนิกายพันศพทิ้งไปก่อนแล้วค่อยหาสมบัติต่อ

“จะว่าอะไรไหมหากข้าจะขอรับศพเหล่านี้ไป? อย่างไรพวกเจ้าก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้อยู่แล้ว!” จิ่วโหยวหวังอดที่จะกล่าวเช่นนั้นออกมาไม่ได้ ศพของจอมยุทธระดับสวรรค์สามารถหลอมเป็นทหารซากศพทองคำระดับสามได้ มันคือทหารซากศพที่แข็งแกร่งเป็นรองเพียงราชันซากศพเท่านั้น

จอมยุทธของห้านิกายโบราณจ้องกลับไปด้วยสายตาเขม็ง พวกเขารีบเก็บศพของสหายพวกเขาทันที แม้อุปกรณ์มิติของพวกเขาจะใส่สิ่งมีชีวิตเข้าไปไม่ได้ แต่หากเป็นศพย่อมไม่มีปัญหา

เมื่อพวกเขาเดินมาผ่านมาถึงส่วนกลางของชั้น พวกเขาก็พบกับสตรีอีกกลุ่มหนึ่ง มีสตรีคนหนึ่งได้นั่งอยู่บนโต๊ะยาวด้านหน้าพวกเขา แม้นางจะสวมใส่ชุดเกราะเหมือนกับทหารคนอื่นแต่นางดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แค่มองแวบแรกก็สามารถบอกได้ว่าชุดเกราะของนางนั้นเป็นชุดเกราะชั้นเลิศที่มีผ้าคลุมผูกไว้ด้านหลัง

“ถอยไปก่อน!” สตรีผู้นั้นกล่าว

“น้อมรับคำสั่ง!” ทหารสตรีเก้าคนด้านหลังนางกล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะขยับถอยไป

“การได้พบกับพวกเจ้าในวันเวลาที่ผ่านพ้นมาหลายปีเช่นนี้คงจะเป็นการนำพาของโชคชะตาเป็นแน่!” สตรีผู้นั้นมองไปยังกลุ่มจอมยุทธที่เข้ามาในเรือและกล่าว “ข้าขอเชิญชวนพวกเจ้ามาดื่มชาด้วยกันหน่อยจะได้หรือไม่”

จอมยุทธทุกคนมองหน้ากัน วิญญาณสตรีตรงหน้ามาขอให้พวกเขาร่วมดื่มชาด้วย? ใครกันจะไปกล้าตอบรับคำเชิญของนาง!

“ไม่มีใครต้องการร่วมดื่มชากับข้าเลยรึ?” สตรีผู้นั้นหัวเราะ

ทหารสตรีก่อนหน้านี้นั้นพวกนางมีความคิดหลงเหลืออยู่อย่างเดียวคือการปกป้องเรือรำนี้ แต่วิญญาณสตรีตรงหน้าพวกเขานั้นมีความคิดเป็นของตนเอง ช่างน่าเหลือเชื่ออะไรเช่นนี้

หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ถ้าผู้อาวุโสไม่รังเกียจในระดับพลังที่ต่ำต้อยของข้า ข้าก็ยินดีร่วมดื่มชาและพูดคุยกับผู้อาวุโส”