ณ ชั้นหนึ่งในอาคารใหญ่ข้างหยงฟากรุ๊ป ชายวัยกลางคนน่าเกรงขามสี่คนกำลังยืนอยู่หน้าหน้าต่างทรงสูง ต่างคนต่างใช้กล้องส่องทางไกลจับตาดูสถานการณ์ด้านล่าง
ถ้าเย่เทียนอยู่ต้องจำได้แน่ว่าชายวัยกลางคนทั้งสี่ก็คือปลาใหญ่ในแวดวงธุรกิจเมืองเจียงหวยที่เขาเพิ่งเจอที่วิลล่าฉินหยุนเมื่อตอนเย็น
ไห่เหวินคัง เฉียนหย่งซือ เหว่ยฉีจื้อ แม้กระทั่งฉีหยุนเผิงที่โดนอัดซะน่วมก็อยู่!
ยังไงซะพวกเขาก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าที่อยู่ในแวดวงธุรกิจมานาน ต่อให้รู้ว่าทั้งตระกูลฉินและตระกูลเจิ้งต่างเอาใจเย่เทียนอยู่ แต่พวกเขาก็อดอยากรู้ที่มาที่ไปของเย่เทียนไม่ได้
และด้วยเหตุนี้ พอออกจากวิลล่าฉินหยุนปุ๊บ พวกเขาก็มารวมตัวกันอีกครั้งโดยไม่บอกฉินโล่หยินและเจิ้งเหวยหวา และรีบร่วมมือกันส่งคนไปสืบภูมิหลังของเย่เทียน
แม้ว่าจนบัดนี้ยังไม่ได้ข่าวคราวอะไรกลับมา แต่พวกเขาย่อมไม่พลาดละครฟอร์มยักษ์ที่รู้กันทั่วเมืองในค่ำคืนนี้
“เหล่าเหว่ย คุณว่าเย่เทียนใช้วิธีอะไรกันแน่?”
“ยังไงซะเจ้าพวกข้างล่างนั้นก็มีฐานะอยู่บ้าง จะยอมเต็มใจคุกเข่าให้เย่เทียนต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้นได้ยังไง?”
เฉียนหย่งซือวางกล้องส่องทางไกลในมือลง และหันไปถามเหว่ยฉีจื้อที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ผมไม่รู้รายละเอียดหรอก แต่ผมเดาว่ามีความเป็นไปได้แค่สองอย่าง”
เหว่ยฉีจื้อเบ้ปาก และหันไปหยิบแก้วไวน์บนโต๊ะขึ้นมาจิบ ก่อนจะปริปาก “ไม่ข่มขู่ด้วยกำลังก็เอาผลประโยชน์เข้าล่อ ส่วนตัวผมเอนเอียงไปทางข้อแรก!”
“เหล่าเหว่ย ที่คุณพูดมาต่างจากไม่พูดตรงไหน?”
ไม่รอให้เฉียนหย่งซือตอบ ฉีหยุนเผิงด้านข้างก็วางกล้องส่องทางไกลลงเช่นกันและพูดอย่างขมขื่น “คุณดูสภาพผมในตอนนี้ก็น่าจะรู้นะว่าเห็นไอ้หนุ่มเย่เทียนเหมือนพูดง่ายแบบนั้น แต่ถ้าทำให้เขาโมโหจริงๆเขาไม่ยั้งมือแน่”
“หยางหยงฟายังไม่ปรากฏตัว จะบอกว่าจบสิ้นตอนนี้ยังเร็วเกินไป”
ไห่เหวินคังยังคงใช้กล้องส่องทางไกลจับตาดูสถานการณ์ด้านล่าง เขาเอ่ยราบเรียบ “หยางหยงฟารวยจากอะไรทุกคนรู้ดี ถ้าเขาเป็นคนยอมสยบง่ายๆก็ไม่มีทางมีฐานะอย่างในวันนี้หรอก”
“ที่พี่ไห่พูดมาก็ถูก”
เหว่ยฉีจื้อคิดตามและพยักหน้า “คนอย่างหยางหยงฟาร้ายกาจมาก ไม่ยอมจำนนง่ายๆหรอก”
แม้จะพูดเช่นนั้น แต่สี่คนในที่นี้รู้ดีแก่ใจว่านอกจากหยางหยงฟาจะมีไพ่ตายที่เก่งกว่านี้ ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์ของเหตุการณ์ในวันนี้คงไม่เปลี่ยนแปลง
ไม่แน่ตอนนี้หยางหยงฟาอาจจะไปหลบสำนึกเสียใจอยู่ที่ไหนก็ได้
“มาแล้ว! หยางหยงฟามาแล้ว!”
ทันใดนั้นไห่เหวินคังที่ยังไม่วางกล้องส่องทางไกลมาตั้งแต่ต้นก็ส่งเสียงเตือนฉับพลัน ทำให้เหว่ยฉีจื้อและฉีหยุนเผิงรีบหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาจับตาดูอีกครั้ง
กลับเป็นเฉียนหย่งซือที่รู้สึกว่ามือถือในกระเป๋าสั่นขึ้นมาในเวลานี้ จึงหยิบออกมาดู
“ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
เมื่อเห็นเนื้อหาข้อความ เฉียนหย่งซือก็รีบหาข้ออ้างถอยออกไป
รอจนเขาเดินพ้นประตูมาแล้วและมาถึงจุดทางออกฉุกเฉิน ก็มีผู้ชายใส่หมวกแก๊ป สวมหน้ากากปิดบังหน้าตาจนมิดมายืนรออยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเห็นเฉียนหย่งซือปรากฏตัว ชายหมวกแก๊บก็ล้วงเอาแฟ้มเอกสารสีเหลืองออกจากด้านหลังอย่างรู้ตัวและยื่นให้ ก่อนจะหันหลังจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เขากวาดสายตามองเอกสารผ่านๆ ทันใดนั้นสีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นมา
ไม่มีเหตุผลอื่น แหล่งข้อมูลของปลาใหญ่ในแวดวงธุรกิจเมืองเจียงหวยที่รวมตัวกันนั้นน่ากลัวมาก ไม่เพียงแต่สืบมาได้ว่าเย่เทียนเป็นเขยแต่งเข้าของบริษัทแซ่เฉินแห่งเมืองเจียงหนัน ยังขุดจนรู้ว่าเขามาจากตระกูลเย่แห่งเมืองจิน
“มิน่าล่ะตระกูลฉินและตระกูลเจิ้งถึงสนับสนุนเขาขนาดนี้ ที่แท้นายมีฐานะตรงนี้ด้วย”
นัยน์ตาเฉียนหย่งซือหรี่ลงเล็กน้อย และรีบยัดเอกสารกลับเข้าไปในแฟ้ม ทว่าไม่ได้ย้อนกลับทางเดิมเพื่อไปบอกเพื่อนทั้งสามคนในทันที แต่มายังชั้นบนสุดของอาคาร
ที่นี่ มีคนสองคนกำลังจับตาดูสถานการณ์ด้านล่างผ่านกล้องส่องทางไกลเช่นกัน
ถ้าเย่เทียนอยู่ที่นี่ ต้องจำได้ทันทีว่าสองคนนี้เคยมีโอกาสได้พบกับเขาครั้งหนึ่งที่เรือสำราญกระบี่แหลม เฉียนซิงหรงและเจียงเหอซวนจากหอเป่ยโต่วแห่งโลกศิลปะการต่อสู้
“พี่ ได้ข้อมูลของเย่เทียนมาแล้วครับ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนของตระกูลเย่แห่งเมืองจิน!”
เฉียนหย่งซือส่ายหน้าด้วยความขมขื่น และยื่นแฟ้มเอกสารสีเหลืองในมือให้เฉียนซิงหรง
ใช่แล้ว! เฉียนหย่งซือและเฉียนซิงหรงเป็นคนในตระกูลเดียวกัน แค่เฉียนหย่งซือไม่มีพรสวรรค์ในด้านศิลปะการต่อสู้ จึงต้องไปต่อสู้ในโลกฆราวาสเพิ่งแย่งชิงทรัพยาการให้หอเป่ยโต่ว
“ตระกูลเย่แห่งเมืองจิน?!”
สีหน้าของเฉียนซิงหรงเคร่งเครียดขึ้นเช่นเดียวกัน เขารีบรับแฟ้มเอกสารสีเหลืองมาเปิดดู
“ไม่คิดเลยว่าเจ้านี่จะเป็นคนฝั่งนั้น ฉวยโอกาสการแข่งขันคัดเลือกในครั้งนี้ ขอฉันดูหน่อยเถอะว่าทำไมคนฝั่งนั้นถึงเหนือกว่าผู้อื่น!”
ไม่ใช่แค่เขา แม้กระทั่งเจียงเหอซวนที่ยิ้มมุมปากอยู่ตลอดประหนึ่งว่าไม่ต้องการแข่งขันกับใครยังมีแววตาตะลึงอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความแน่วแน่
……
ขณะเดียวกัน การปรากฏตัวของหยางหยงฟาด้านล่างเป็นที่ฮือฮาของฝูงชนตรงลานกว้างในชั่วพริบตา
“มาแล้วๆ! หยางหยงฟามาแล้ว!”
“ในที่สุดเจ้าตัวก็มาแล้ว ดูซิว่าเจ้าเย่เทียนนั่นจะสามหาวอยู่ได้ยังไง”
“ละครเรื่องนี้สนุกขึ้นเรื่อยๆแล้ว ไม่รู้ว่าใครจะหัวเราะถึงท้ายที่สุด?”
หยางหยงฟาเดินตามเส้นทางที่ฝูงชนเหลือไว้ให้ตรงมาถึงด้านหน้าของเย่เทียน
หลังจากได้เห็นผู้บริหารระดับสูงสิบกว่าคนของหยงฟากรุ๊ปที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเย่เทียนแล้ว เขาก็โกรธจนหน้าแดงก่ำ จ้องเย่เทียนเขม็งด้วยสายตาที่แทบจะมีไฟพ่นออกมา
เขาแค่คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะใช้วิธีการที่ต่ำช้าถึงขีดสุดอย่างลักพาตัว
ว่ากันว่า: เป็นฝ่ายรับอย่างเดียวมันเสียมารยาท
หลังจากโดนผู้ชายเสื้อหนังดักฆ่ากลางทาง หัวใจของเย่เทียนก็ท่วมท้นไปด้วยความโกรธ และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะจัดการหยงฟากรุ๊ปให้ได้
ระหว่างทางกลับเขตเมือง เย่เทียนไม่ลืมที่จะโทรหาตี๋ต้าจื้อ และสั่งเธอไปบอกคนของแก๊งซินเซ่งอัน ให้พวกเขาจับตัวญาติมิตรของผู้บริหารระดับสูงของหยงฟากรุ๊ป ต้องทำให้พวกเขาอับอายต่อหน้าฝูงชนในคืนนี้ให้ได้ และไม่อาจลืมตาอ้าปากได้อีกต่อไปนับจากนี้!
และเพราะเหตุนี้หยางจิ่งหมิงจึงยังไม่ปรากฏตัวจนถึงป่านนี้ ผู้บริหารระดับสูงสิบกว่าคนของหยงฟากรุ๊ปถึงได้คุกเข่าด้วยความเต็มใจ
หยางหยงฟากัดฟันกรอดด้วยความโมโห เขาไม่คิดเลยว่าเย่เทียนจะชั่วช้าขนาดนี้
แต่เหนือไปกว่านั้น เขาไม่อยากคุกเข่าขอโทษเย่เทียนต่อหน้าสาธารณชน พฤติกรรมน่าอับอายเช่นนี้เขาไม่สามารถทำได้จริงๆ
“เย่เทียน นายคิดว่าตอนนี้ตัวเองชนะอย่างสมบูรณ์แล้วเหรอ?”
หยางหยงฟาจ้องเย่เทียนอย่างเอาเป็นเอาตาย พูดด้วยความโกรธเกรี้ยว “นายอาจจะขู่ฉันได้ในตอนนี้ แต่คุณสามารถทนรับการแก้แค้นของฉันหลังจากนี้ได้เหรอ?!”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่นัยน์ตาหยางหยงฟาฉายแววขมขื่นอย่างควบคุมไม่ได้
จนถึงตอนนี้เย่เทียนยังยืนสบายดีอยู่ที่นี่ แต่เขายังติดต่อผู้ชายเสื้อหนังไม่ได้เลย หยางหยงฟาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าผู้ชายเสื้อหนังคงจะเคราะห์ร้ายแล้วล่ะ….