บทที่ 655 องค์หญิงกู้กั๋ว

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 655 องค์หญิงกู้กั๋ว

จวินเซียวเซียวมองฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นคนได้หมดพลังแรงไปเสียแล้ว ร่างกายของนางไร้ความรู้สึก มือก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีเวลามาสนใจเด็ก เธอวางลงแล้วเริ่มเย็บแผลให้จวินเซียวเซียว

รอจนเธอเย็บแผลเสร็จ จวินเซียวเซียวได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว เด็กน้อยกำลังเล่นกับตัวเองอยู่

ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อจริงๆ เด็กน้อยแบบนี้ได้กำเนิดเกิดขึ้นมาแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นเช็ดอย่างเรียบง่ายแล้วห่อเอาออกมาด้านนอก แล้วกล่าวว่า“ยินดีกับฝ่าบาทด้วยเพคะ เป็นองค์หญิงเพคะ”

พระพันปีลุกขึ้นตรัสว่า “อุ้มมาให้ข้าดูที”

องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ยังไม่ทันได้อุ้ม ก็เอาไปให้พระพันปีอุ้มก่อนแล้ว

ร่างกายของเด็กยังไม่ได้ทำความสะอาด พระพันปีไม่ได้กลัวเปื้อน อุ้มหลานสาวเดินไปเดินมาในห้องบรรทม

“โอ้ คือสาวน้อยแสนสวยนี่เอง!”

ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวกลับไป รีบตรวจให้กับจวินเซียวเซียว เธอต้องการมั่นใจว่าจวินเซียวเซียวปลอดภัยแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นเปลี่ยนยาให้จวินเซียวเซียว ส่วนแม่นมเดินเข้าออกเป็นแถวยาวเหยียดและเริ่มจัดการทำความสะอาด

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้รู้สึกว่าเหนื่อยมาก เธอตกใจเฉยๆ

การคลอดลูก ไม่ใช่เล่มเกมส์ และเธอก็ไม่ใช่หมอแผนกสูตินรีเวชด้วย

ทุกอย่างจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว หน้าต่างถูกเปิดออก และห้องบรรทมที่แยกจากกันกลายเป็นหนึ่งเดียว นางกำนัลสองข้างเปิดม่านเตียงออก และจวินเซียวเซียวถึงได้พบพระพันปีและคนอื่นๆ

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นไปยืนอีกด้าน ถึงได้มีความรู้สึกว่าหญิงสาวที่อยู่สถานที่แห่งนี้มีความลำบากมากเท่าไหร่

พระพันปีเห็นคนล้างทำความสะอาดคราบเลือดให้เด็กน้อย แล้วอุ้มมอบแก่องค์จักรพรรดิอวี้ตี้

องค์จักรพรรดิอวี้ตี้อุ้มบุตรสาว แน่นนอนว่าอารมณ์แตกต่างกัน เมื่อก่อนอิจฉาที่หนานกงเย่มีลูกชายหลายคน แต่พระองค์มีบุตรสาวคนหนึ่ง ก็มีความสุขเปี่ยมล้นแล้ว

“ฝ่าบาท ตั้งชื่อให้แก่เด็กน้อยเสียสิ”พระพันปีกล่าวอย่างราบเรียบ

พระมเหสีหวามองไป กล่าวขึ้นว่า“โอ้ สวยเสียจริง เมื่อโตแล้วต้องสวยกว่าเสด็จแม่ของนางเป็นแน่แท้”

“ข้ายังคิดไม่ได้ดีเท่าไหร่เลย แต่วันนี้เรื่องการสู้รบกับเมืองอู๋โยวได้สงบลงแล้ว ทางชายแดนก็ส่งข่าวคราวมา ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้อ๋องเย่จะเคลื่อนทัพกลับมา แม้ว่าจวินโม่ซ่างจะหลบหนีแล้ว แต่ทว่าเขากลับยินยอมอุทิศแก่บ้านเมือง จะส่งเครื่องบรรณาการภาษีสิบปี

การมาของนาง เป็นการให้โชคลาภแก่ต้าเหลียงของข้า

ชื่อองค์หญิงกู้กั๋วเถิด”

พอองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัสออกมา ทุกคนต่างหมอบลงกล่าวว่า“ยินดีกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ปลื้มปีติที่มีองค์หญิง เป็นโชคลาภแก่ต้าเหลียง”

ฉีเฟยอวิ๋นไปดูแลจวินเซียวเซียวด้วยความเบื่อหน่าย ล้วนดูเด็กน้อยคนนั้น แล้วจวินเซียวเซียวที่เป็นแม่นับว่าอะไรกัน

หลังจากสองสามชั่วยาม ทุกคนล้วนตกอยู่ในวังวนความยินดี เพราะว่าฝ่าบาทได้องค์หญิง เวลาเดียวกันแม่กับลูกปลอดภัย ก็สามารถยกโทษให้ไว้ชีวิตของผู้คนนับไม่ถ้วน ไม่เพียงแต่ยกโทษให้ อีกทั้งยังชมเชยด้วย

แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ จวินเซียวเซียวนอนอยู่เพียงลำพัง

อยู่เป็นเพื่อนนาง มีเพียงแค่ฉีเฟยอวิ๋นผู้เดียว

หลังจากสองชั่วยามแล้ว องค์จักรพรรดิอวี้ตี้เดินมาเยี่ยมดูนาง

องค์จักรพรรดิอวี้ตี้นั่งลง กอบกุมมือของจวินเซียวเซียวแล้วกล่าวว่า“ข้าต้องขอบใจพระสนมเอกมาก พระสนมเอกลำบากแล้ว”

ฉีเฟยอวิ๋นถอนสายบัว แล้วจึงออกไป

จวินเซียวเซียวส่ายหน้า กล่าวว่า“หม่อมฉันไร้ประโยชน์ ไม่ได้ให้กำเนิดองค์ชายแก่ฝ่าบาทเพคะ”

“ข้าชื่นชอบองค์หญิง”

ก่อนที่ฉีเฟยอวิ๋นจะลงไปได้ยินคำกล่าวพูดเหล่านี้ และคำพูดเหล่านี้คล้ายดั่งกริชที่แหลมคม กำลังทำร้ายคน

แน่นอน ว่าคนที่ถูกทำร้ายนั่นไม่ใช่ฉีเฟยอวิ๋น แต่เธอรู้สึกว่าองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ผู้นี้ไร้ความรู้สึกเกินไปแล้ว

จวินเซียวเซียวให้กำเนิดลูกของพระองค์ แต่ทว่าเป็นเวลานานถึงได้นึกถึงจวินเซียวเซียว ไร้ความรู้สึกสิ้นดี

พอออกมาถึงด้านนอกฉีเฟยอวิ๋นไปหาพระพันปี และตรวจให้เด็กน้อยด้วย

เด็กน้อยสวยมาก คิ้วตาปากสวย ดูแล้ว พอโตจะต้องเป็นสาวสวยอย่างแน่นอน

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวพูดคุยกับพระพันปี ก็เริ่มรอ เธออยากรอมู่เหมียน สรุปรอสองชั่วยามจนจะหลับแล้ว เธอก็ไม่ได้เจอมู่เหมียน

คนคือเหล็กข้าวคือเหล็กกล้า ฉีเฟยอวิ๋นอยากกินข้าว

เลยลุกขึ้นไปกินข้าว จากนั้นก็เลยพักผ่อนอยู่ที่พระตำหนักจวิ่นซิ่วสักหน่อย

จวินเซียวเซียวผ่าคลอด อยากจะลงจากเตียงต้องรอเจ็ดวัน เจ็ดวันนี้ฉีเฟยอวิ๋นไปไหนไม่ได้แล้ว

เธอก็เลยหาโอกาสไปเจอมู่เหมียน

แต่เธอนอนตื่น องค์จักรพรรดิอวี้ตี้กลับอยู่ตรงหน้าเธอ อีกทั้งนั่งบรรจงมองเธอ!

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นจากเตียง ทำความเคารพองค์จักรพรรดิอวี้ตี้”ฝ่าบาท”

“อืม ดูแล้วเจ้ามิเป็นไร”องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ลุกขึ้นยืน ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้พบว่าด้านในห้องบรรทมไม่มีคนอื่นแล้ว มีเพียงองค์จักรพรรดิอวี้ตี้กับเธอ

“ไม่เป็นไรแล้วเพคะ ขอบพระทัยฝ่าบาทที่มาเยี่ยมหม่อมฉัน หม่อมฉันจะไปดูพระสนมเอกเซียวตอนนี้เลยเพคะ”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวจบรีบเดินออกนอกห้องบรรทม

องค์จักรพรรดิอวี้ตี้มองฉีเฟยอวิ๋น เอามือไขว้หลังไว้ สายตายิ่งมีความอึมครึมเปล่าเปลี่ยวมากขึ้น

ฉีเฟยอวิ๋นเข้ามาในห้องบรรทมของจวินเซียวเซียว จวินเซียวเซียวกำลังอดทนกับความเจ็บปวดรอฉีเฟยอวิ๋นมา พอเจอหน้ากันฉีเฟยอวิ๋นรีบฉีดยาให้จวินเซียวเซียวเลยหนึ่งเข็ม

“รอยกริชทางที่ดีที่สุดคือหายสมานกันเอง หากว่าฉีดยาชาให้พระสนมเซียว การฟื้นฟูก็ไม่ดี เจ็ดวันนี้จะลำบากหน่อยเพคะ”

ใบหน้าที่ซีดเซียวของจวินเซียวเซียวยังมีรอยยิ้ม กล่าวขึ้นว่า‘‘ข้าควรที่จะขอบใจพระชายาเย่ หากไม่ใช่ว่าพระชายายเย่มาทันเวลา ข้าเกรงว่าคงจะไม่อยู่แล้ว”

จวินเซียวเซียวมององค์หญิงกู้กั๋วที่อยู่ข้างกาย แววตาอบอุ่นอยู่มาก แต่ทว่าอารมณ์ลึกๆยังมีความซับซ้อน

ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากพูดอะไรมาก เธอทำเพียงสิ่งที่ควรจะทำ

อยู่ในสถานที่ที่เป็นของราชวงศ์ ชีวิตคล้ายดั่งขี้หมูราขี้หมาแห้ง โดยเฉพาะผู้หญิง

การช่วยชีวิตคนเป็นหน้าที่ของหมอ ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับใครที่มากเกินไป

“สุขภาพร่างกายสำคัญ พระสนมเอกเบาใจผ่อนคลาย ไม่กี่วันนี้จะต้องอยู่ที่นี่ จนถึงพระสนมเอกฟื้นฟู แต่วันนี้พระสนมเอกจะต้องลงจากเตียง ก่อนหน้านี้ได้บอกกล่าวแล้วว่าก่อนที่จะขับลมไม่สามารถกินอาหารได้ พระสนมเอกทำได้หรือไม่เพคะ?”

“ทำได้ เมื่อครู่เพิ่งจะกินโจ๊กเล็กน้อย”

“เพคะ เช่นนั้นอีกสักครู่จะประคองพระสนมเคลื่อนไหวร่างกายนะเพคะ สิ่งนี้ตามตำราแพทย์คือการผ่าคลอด การคลอดชนิดนี้ จะต้องลำบากอดทน หากไม่ลงมาเดิน จะทำให้เกิดผังพืด แต่จะเจ็บบ้าง”

“อืม”

ฉีดยาเสร็จ ฉีเฟยอวิ๋นประคองจวินเซียวเซียวลงจากเตียง จวินเซียวเซียวเป็นหญิงตรงไปตรงมา เจ็บจนเหงื่อแตก แต่ทว่ากลับไม่เปล่งเสียงออกมา

นางกำนัลล้วนดูออกว่าจวินเซียวเซียวเจ็บจนทนไม่ไหว

ส่วนคนที่เดินมาด้านหน้าเกลี้ยกล่อมรั้งให้หยุด จวินเซียวเซียงถอยออก

ฉีเฟยอวิ๋นดูออกว่าจวินเซียวเซียวเจ็บจนถึงที่สุดแล้ว แต่เธอพูดอะไร จวินเซียวเซียวเชื่อหมด

“พอแล้ว พักผ่อนแล้วตอนเย็นลุกขึ้นหนึ่งครั้ง วันนี้พอแล้วเพคะ”ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าพอแล้วจึงนำจวินเซียวเซียวไปพักผ่อน

หลังจากนอนลงแล้วจวินเซียวเซียวยังไม่อยากพัก กล่าวขึ้นว่า“พระชายาเย่ ตอนที่ท่านคลอดลูกก็เป็นเช่นนี้หรือ?”

“หม่อมฉันไม่เป็นเช่นนี้เพคะ หม่อมฉันคลอดเอง อีกทั้งเวลานั้นหมดสติ……”

ทั้งสองคุยกันจนจวินเซียวเซียวไม่มีแรงหลับไป ฉีเฟยอวิ๋นจับกุมที่ข้อมือนาง ทดสอบหยั่งเชิงสักครู่หนึ่ง พบว่านางชี่เลือดพร่อง การนอนหลับไม่ดี

เธอเลยลุกขึ้นไปเขียนตำรับยา เตรียมให้นางกำนัลไปจัดเตรียม

แต่หมุนตัวมองไปทางจวินเซียวเซียว ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้เก็บตำรับยา คนรับใช้ได้ไปที่พระพันปีทางด้านนั้นแล้วเชิญแม่นมาหนึ่งท่านมา

“ในนี้คือตำรับยา รบกวนแม่นมแล้ว”

แม่นมเป็นคนของพระพันปี นางชื่อแม่นมหวัง เป็นคนแก่ที่เอาเข้าวังมาจากตระกูลหวัง แน่นอนเข้าใจความหมายเหตุผลในนั้น

แม่นมหยิบรับตำรับยาแล้วออกไป แม่นมไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นเลยไปตรวจสอบโจ๊กชามนั้นของจวินเซียวเซียว เป็นอย่างที่คิดในโจ๊กมียาที่เป็นผลกระทบต่อจิตประสาท

ฉีเฟยอวิ๋นเอาโจ๊กชามนั้นวางบนโต๊ะ เหม่อลอยอยู่ครึ่งชั่วยามได้

แม่นมหวังกลับมาฮีเฟยอวิ๋นเป็นคนที่ต้มยาเอง ต้มเสร็จแล้วรอจวินเซียวเซียวตื่น จากนั้นมองตอนที่นางดื่มลงไป

ระยะเวลาเจ็ดวัน ฉีเฟยอวิ๋นดูแลจวินเซียวเซียวที่พระตำหนักจวิ่นซิ่น แล้วก็รอมู่เหมียนมา แต่ตั้งแต่เริ่มต้นจนตอนท้ายกลับไม่มา ฮองเฮาเฉินอวิ๋นชูถูกสั่งห้าม นางก็เลยไม่มา

ผ่านเจ็ดวันไป ฉีเฟยอวิ๋นได้เตรียมตัวจะออกไปแล้ว

ก่อนที่จะกลับออกไปฉีเฟยอวิ๋นเตรียมตัวจะไปดูมู่เหมียนสักหนึ่งครั้ง เพื่อความมั่นใจว่านางไม่เป็นไรใช่หรือไม่