ตอนที่ 519 ชำระหนี้

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 519

ชำระหนี้

“ขอบคุณมาก ทั้งหมด 230 เหรียญทองตามสัญญา”ชายหนุ่มพนักงานเงินกู้ของร้านค้าในเมืองท่าพูดพลางรับเงินจากยี่เจินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ไม่นึกว่าท่านจะมาคืนเร็วอย่างนี้ ท่าทางกิจการคงจะดำเนินไปได้ด้วยดีสินะขอรับ”ชายหนุ่มว่าพลางเก็บเงินเข้าลิ้นชักทันที เงินทุน 200 เหรียญทองไม่ใช่จำนวนน้อยๆสำหรับพ่อค้ารายย่อย ตอนแรกมันคิดว่ายี่เจินจะใช้เวลาอีกสักปีหรือสองปีเสียอีกถึงจะเอาเงินมาคืน แต่กลับกลายเป็นว่าเพียงไม่กี่เดือนยี่เจินก็นำเงินมาคืนแล้ว นับว่าเหนือความคาดหมายของมันไปมาก

“ดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ”ยี่เจินว่าพลางยิ้มออกมา แม้จะต้องจ่ายค่าร่วมงานประมูลและค่าทำเครื่องประดับรวมทั้งค่าทองคำขาวและวัตถุดิบอื่นๆสำหรับทำทับทิมเพลิงให้กลายเป็นแหวนชั้นดีแล้ว เงินที่ยี่เจินเหลือก็ยังมีถึง 169 ล้านเหรียญทอง การคืนเงิน 200 เหรียญทองพร้อมดอกเบี้ยไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับมันในตอนนี้เลย และยี่เจินก็ถือคติว่าเมื่อมีหนี้ก็ต้องชดใช้ไม่อย่างนั้นก็ไร้ความเชื่อถืออยู่แล้ว ต่อให้กลายเป็นพ่อค้ารายใหญ่มีชื่อเสียงแต่หากได้ชื่อว่ายืมเงินแล้วไม่คืนใครจะกล้ามาทำธุรกิจด้วยกัน

“แล้ว ท่านจะทำอะไรต่อหรือขอรับ”ชายหนุ่มฝ่ายเงินกู้ถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายใจ อีกฝ่ายคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยแล้วนับว่าเป็นลูกค้าชั้นดีมีความน่าเชื่อถือเลยทีเดียว

“นั่นสินะ ยังมีหนี้บางอย่างที่ยังต้องใช้”ยี่เจินว่าพลางลุกขึ้นยืน

“หนี้อะไรหรือเจ้านาย ไม่ใช่ว่าท่านยืมเงินมาแค่ที่เดียวหรอกหรือ”เกว็นถามด้วยท่าทีประหลาดใจ นางกับเอมิลอยู่กับยี่เจินมาตลอดตั้งแต่จูล่งพาพวกมันมาหายี่เจิน นอกจากที่นี่แล้วนางจำได้ว่ายี่เจินไม่เคยไปกู้เงินที่ไหนมาอีกนี่นา

“เป็นหนี้ที่ใหญ่มากเลยล่ะ”ยี่เจินว่าพลางเดินออกไปจากร้านค้าอย่างรวดเร็ว โดยสถานที่ต่อไปของยี่เจินก็คือสมาคมพ่อค้าจากต่างแดนของเมืองท่า ยี่เจินยังไม่ลืมวันที่สินค้าตนเองจมหายไปกับทะเลเลยแม้จะผ่านมาหลายเดือนแล้ว วันนั้นตัวมันคิดว่าโลกของมันคงจบเท่านี้แล้วจริงๆ แน่นอนว่าคนที่ทำให้เรือเกิดความเสียหายย่อมเป็นพวกเอมิลและเกว็นที่อยู่ด้านหลัง

“ท่าน…ว่าอะไรนะขอรับ”พนักงานของสมาคมพ่อค้าพูดด้วยท่าทีตกตะลึง อยู่ๆยี่เจินก็มายื่นข้อเสนอที่แทบจะไม่ได้อะไรตอบแทนเลย

“เจ้านาย ท่านคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงให้เงินพวกมันไปตั้ง 30 ล้านเหรียญทองล่ะ”เอมิลถามด้วยท่าทีไม่เข้าใจ อยู่ๆยี่เจินก็มอบเงินให้กับสมาคมพ่อค้าเพื่อนำไปมอบให้กับเหล่าพ่อค้าที่ได้รับความเสียหายจากพายุลูกที่เอมิลและเกว็นสร้างขึ้น รวมทั้งยังจ่ายค่าเสียหายให้ผู้ค้ำประกันเรือสินค้าที่จมไปอีกต่างหาก เรียกได้ว่ายี่เจินจ่ายเงินจำนวนนี้เพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุของเอมิลและเกว็นเลยทีเดียว

“เงินจำนวนนี้ ข้าได้มาเพราะพวกเจ้า”ยี่เจินว่าพลางมองตั๋วเงินในกระเป๋าของตนเอง แม้จะจ่ายให้สมาคมและผู้ค้ำประกันไป 30 ล้าน ตัวยี่เจินก็ยังเหลือเงินอยู่อีก 139 ล้านเชียวนะ เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่หอบสินค้ามาไม่ถึง 100 เหรียญทองหวังมาขายของในต่างแดนแล้วเทียบไม่ติดเลย

“ข้ารู้สึกว่ามีแต่ข้าเท่านั้นที่ได้รับการเยียวยาจากพายุที่พวกเจ้าก่อ ข้ารู้สึกไม่เป็นธรรม”ยี่เจินส่ายหน้าช้าๆทั้งที่ตนเองไม่ต้องสนใจก็ได้ แต่เอมิลและเกว็นก็มาเป็นลูกน้องของมันได้พักหนึ่งแล้ว ยี่เจินเลยเกิดความรู้สึกต้องรับผิดชอบขึ้นมาก็ว่าได้

“นี่ท่าน…..ชดใช้หนี้แทนเรางั้นหรือ”เกว็นถามพลางมองไปทางยี่เจินด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ สิ่งที่ยี่เจินจ่ายไปนั้นคือเงินสำหรับชดใช้ความเสียหายที่เอมิลและเกว็นสร้างขึ้น เป็นเงินชดเชยที่พวกเอมิลและเกว็นสมควรจะจ่ายด้วยตนเองด้วยซ้ำ แน่นอนว่าทั้งสองไม่คิดจะจ่าย และลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำ แต่สำหรับยี่เจินที่เข้าใจความรู้สึกของพ่อค้าที่ได้รับความเสียหาย ตัวมันไม่อาจปล่อยไปได้จริงๆ

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”ยี่เจินหัวเราะออกมาพลางพาทั้งสองตนออกมาจากสมาคมพ่อค้า ยามนี้ทั้งเอมิลทั้งเกว็นต่างหันมามองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มออกมาช้าๆ

“เจ้านาย ท่านจะทำอะไรต่องั้นหรือ”เกว็นว่าพลางเดินตามยี่เจินมาด้านข้างด้วยท่าทียิ้มแย้ม

“ท่านจะไปขายอัญมณีอีกหรือเปล่า ตอนนี้ช่างทำอัญมณีต้องยินดีรับของจากท่านแน่ๆ”เอมิลว่าพลางเดินตามยี่เจินมาเช่นกัน ท่าทางพวกมันจะอยากตามยี่เจินไปอีกสักพักเสียแล้ว

“เรามีทุนขนาดนี้แล้วก็ลงหลักปักฐานเสียเลยแล้วกัน”ยี่เจินว่าพลางมองขึ้นไปทางเหนือ แต่เดิมยี่เจินกะจะมาหาซื้อร้านเพื่อทำการค้าอยู่แล้ว ไหนๆก็มีเงินแล้วตั้งร้านค้าของตนเองก็คงจะดี เพียงแต่ตอนนี้ยี่เจินไม่ทราบจะขายอะไรดีนี่สิ เพราะหลังจากมาที่อาณาจักรไชน์แล้วยี่เจินก็พบว่าสินค้าจากอาณาจักรอู๋และไป๋นั้นมีพ่อค้าจำนวนมากเอามาขายเช่นเดียวกับที่มันคิดเอาไว้ตอนแรก กลายเป็นว่าพ่อค้าขนของเข้ามาเยอะเกินไป แถมยังมีพ่อค้ารายใหญ่หลายๆเจ้าส่งของมาขายเป็นจำนวนมากอีกต่างหาก ทำให้กำไรที่ได้ไม่มากอย่างที่ยี่เจินคิด แถมอัตราการแข่งขันก็สูงขึ้นเสียด้วย

“ไม่เลวนี่ ข้ามีแผนจะเสนอเจ้าอยู่พอดี”ขณะกำลังพูดคุยกับพวกเอมิลอยู่นั้น อยู่ๆที่ด้านหน้ายี่เจินก็ปรากฏร่างของรูบี้ขึ้นมาเสียก่อน ทำเอายี่เจินแทบจะกระโดดหนีด้วยความตกใจ ที่ด้านข้างของรูบี้ปรากฏร่างของไป๋จูล่งและสาวๆผู้ติดตามของจูล่งที่ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีกต่อไปแล้ว

“ผะ แผนอะไรหรือขอรับ”ยี่เจินว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีประหม่า วันก่อนที่มันได้ทราบว่าแท้จริงแล้วไป๋จูล่งที่ทำตัวเป็นลูกน้องของมันมาตลอดนั้นคือใครกันแน่ ทำเอามันตกใจยิ่งกว่าราคาประมูลที่มันได้มาเสียอีก กว่าจะทำใจได้เล่นเอาซะมาถึงเมืองท่าแล้วเลย

“หลานชายของข้าคนนี้คิดค้นโลหะชนิดใหม่ขึ้นมาได้”รูบี้ว่าพลางผายมือไปทางจูล่งที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ เพราะก่อนหน้านี้รูบี้พึ่งจะเอาผลการทดสอบโลหะผสมของจูล่งมาให้ดู นางทั้งทดลองด้วยตนเองและส่งไปให้พวกชิงจื่อทดลองดูว่าสามารถนำไปใช้กับงานของพวกมันได้หรือไม่ และผลก็ออกมาดีมากทีเดียว โลหะที่จูล่งผสมออกมานั้นมีหลายตัวที่ทำประโยชน์ได้และราคาถูกกว่าการใช้แร่หายากในการสร้างหลายเท่า อย่างดาวเทียมของชิงจื่อเอง หากลดต้นทุนจากการใช้โลหะหายากมาใช้โลหะผสมที่จูล่งคิด ก็อาจจะสร้างได้ 7 หรือ 8 เครื่องได้ด้วยราคาที่สร้างเครื่องเก่าได้เครื่องเดียวเลยด้วยซ้ำ

“ข้ากำลังจะเสนอให้หลานชายข้าตั้งโรงงานผลิตโลหะพวกนั้นขึ้นมาส่งขายในสายผลิตของพวกเรา แต่ดูเหมือนจะยังขาดต้นทุนไปนิดหน่อย”รูบี้ว่าพลางมองไปทางยี่เจิน ตัวยี่เจินนั้นพึ่งได้เงินจากการขายเครื่องประดับไป มีทุนมากพอจะสร้างโรงงานอยู่แล้ว แถมราคาแร่ที่ใช้สร้างก็ไม่แพงด้วย เงิน 139 ล้านของยี่เจินสามารถซื้อมากักตุนได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว

“เจ้านาย ท่านเป็นพ่อค้าที่ข้าเชื่อใจที่สุดแล้ว เจ้านายสนใจจะมาเป็นหุ้นส่วนของข้าหรือไม่”จูล่งถามพลางยิ้มออกมา เงินของจูล่งนั้นมีเพียงค่าหลอมโลหะที่ได้จากรูบี้ก่อนหน้านี้เท่านั้น แน่นอนว่ามันไม่พอ มันจำเป็นต้องใช้เงินทุนจากยี่เจินด้วย

“เป็นข้าจะดีแล้วงั้นเหรอ”ยี่เจินถามด้วยท่าทีกังวล รูบี้เป็นใครกัน นางคือผู้มีอำนาจด้านการเงินสูงที่สุดคนหนึ่งของโลก คนที่จะมาสร้างโรงงานให้จูล่งนางสามารถหามาได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว

“เจ้านาย ต้องเป็นท่านเท่านั้นขอรับ”จูล่งยิ้มด้วยท่าทีมั่นใจ มันอยู่กับยี่เจินมาพักใหญ่แล้ว แม้จะไม่สามารถบอกได้ว่ายี่เจินเป็นพ่อค้าที่ดีที่สุด หรือเก่งกาจที่สุด แต่ในเหล่าพ่อค้าที่จูล่งรู้จัก ซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก ยี่เจินเป็นคนที่น่าเชื่อถือและน่าเคารพที่สุดแล้ว แม้จะเปิดเผยความจริงออกมาแล้วจูล่งก็ยังยืนยันว่าจะเรียกยี่เจินว่าเจ้านายต่อเพราะมันนับถือยี่เจินมากยังไงล่ะ

“โลหะผสมงั้นหรือ”ยี่เจินว่าพลางกำหมัดแน่น น่าสนใจดีไม่ใช่หรือยังไง

“ได้แน่นอน”ยี่เจินตอบพลางยืดอกด้วยท่าทีมั่นใจ ก่อนหน้านี้มันสาละวนกับเรื่องอัญมณีมาพักใหญ่แล้ว ทำให้มันพอจะทราบตำแหน่งเหมืองต่างๆมาบ้าง นอกจากเหมืองอัญมณีแล้วยังมีพวกเหมืองแร่อีกต่างหาก มันมั่นใจมากเลยทีเดียวว่าจะหาแร่ราคาถูกมาได้

“ดี งั้นเรามาตกลงสัญญากัน”รูบี้ว่าพลางพายี่เจินเดินทางต่อไปที่ปราสาทเจ้าเมือง มาคุยธุระกันที่นี่น่าจะดีกว่า ไหนจะข้อตกลงและรายได้ เกรงว่าจะให้คนภายนอกรู้ไม่ได้เสียด้วย

“เป็นอย่างไรท่านยี่เจิน ท่านเห็นด้วยหรือไม่”รูบี้ถามพลางวางเอกสารลงบนโต๊ะด้วยท่าทียิ้มแย้ม เมื่อทราบว่าโลหะผสมที่จูล่งสร้างนั้นสามารถนำมาใช้ได้ไม่ใช่แค่กับงานของรูบี้แต่กลับใช้ได้กับทั้งงานของชิงจื่อและงานของจินจื่อด้วย เรียกได้ว่าโลหะผสมพวกนี้สารพัดประโยชน์จนน่าตกใจทีเดียว

“คะ คนงาน 25,000 คน พื้นที่โรงงาน 1,200 ไร่”ยี่เจินกลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทีตื่นตระหนก ที่ดิน 1,200 ไร่นั้นรูบี้เป็นผู้เสนอเองจึงไม่ต้องเสียเงิน แต่ค่าสร้างอาคารและอุปกรณ์ต่างๆที่กินเงินยี่เจินไปทีเดียว 50 ล้านเหรียญทองและค่าคนงานที่ต้องจ่ายเดือนละเกือบครึ่งแสนเหรียญทองอีก ทำเอายี่เจินแทบจะหน้ามืด นี่คือรายจ่ายของโรงงานขนาดใหญ่งั้นหรือ ไหนจะค่าแร่ต่างๆที่ต้องจ่ายอีก….

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่อยากเร่งพวกเจ้ามาหรอก แต่ข้าเองก็อยากเริ่มงานทดลองให้ไวที่สุด”รูบี้ว่าพลางนำเอกสารอีกแผ่นออกมา

“หลังจากสร้างอาคารและเริ่มการผลิต ข้าอยากจะได้โลหะผสมหมายเลข 02 สัก 130,000 แผ่น กับหมายเลข 01 อีก 300,000 แผ่น อ่อถ้าจะให้ดีเอาหมายเลข 03 05 และ 12 อีกอย่างละ 50,000 แผ่นด้วยก็แล้วกัน”รูบี้สั่งด้วยท่าทีสบายๆราวกับกำลังสั่งกระดาษแผ่นละ 0.5 เหรียญทองแดงไม่มีผิด แค่ที่รูบี้พูดออกมานั้นก็ทำเอายี่เจินแทบจะลืมหายใจแล้ว จำนวนเงินที่เหลือของมันจะเพียงพอจริงๆงั้นหรือ

“แบบนั้นมันไม่มากไปหน่อยหรือขอรับ”ยี่เจินกลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทีลำบากใจ ตัวมันไม่มั่นใจเลยว่าจะสามารถผลิตสินค้าออกมาได้มากมายเช่นนั้นตั้งแต่เดือนแรก

“เจ้าพูดอะไรกัน นี่มันน้อยมากเลยนะ”รูบี้ว่าพลางกะพริบตาปริบๆด้วยท่าทีสับสน ทำเอายี่เจินเกือบลืมไปเลยว่าตนเองกำลังจะทำการค้ากับนักประดิษฐ์ที่คุมสายการผลิตของทั้งอาณาจักร

“แถมพวกชิงจื่อยังบอกว่าต้องการสินค้าของเจ้าด้วยเช่นกัน พอผ่านเดือนแรกไปแล้วน่าจะต้องใช้ของมากกว่าที่บอกไป 3 หรือ 4 เท่าได้”รูบี้พูดด้วยท่าทีสบายๆราวกับจำนวนเงินที่พูดออกมานั้นเป็นจำนวนน้อยๆเสียอย่างนั้น ทำเอายี่เจินเริ่มกังวลแล้วว่าตนเองจะไหวหรือไม่

“ไม่ต้องห่วงเจ้านาย ท่านยังมีพวกเราอยู่”เกว็นกับเอมิลพูดพลางจับบ่ายี่เจินกันคนละข้าง ทำให้ยี่เจินพึ่งสำนึกได้ว่ายามนี้ตนเองไม่ได้ทำงานเพียงลำพังแล้ว มันยังมีอสูรที่น่าเหลือเชื่ออยู่อีก 2 ตนนี่นา

“เจ้านาย ข้าเองก็ยังไม่หมดสัญญาจ้างไม่ใช่หรือไง”จูล่งว่าพลางยิ้มออกมา ท่าทางการค้าของยี่เจินจะมัวแต่มาขายของธรรมดาไม่ได้เสียแล้ว