บทที่ 1209 พวกหนูต่ำต้อย

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1209 พวกหนูต่ำต้อย โดย Ink Stone_Fantasy

เมื่อนางกล่าวแบบนี้ คนที่อยู่ทางซ้ายและขวาก็ด่าในใจอย่างบ้าคลั่ง เกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะส่งนางเข้าหอโคมเขียว

แต่ก็ไม่มีทางเลือก ผู้หญิงคนนี้พูดไม่ผิดเช่นกัน ถ้าโดนท้ายทายแบบนี้แล้วไม่ทำอะไรสักหน่อย กลับไปก็จะแก้ตัวไม่สะดวกแล้วจริงๆ ที่สำคัญก็คือ ถ้าปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับท่านนี้ ต่อไปยังอยากจะทำมาหากินอยู่เปล่า พวกเขาล้วนเป็นคนของอ๋องสวรรค์อิ๋ง สี่อ๋องสวรรค์แห่งตำหนักสวรรค์ อยากจะย้ายไปไหนก็คงย้ายไม่สะดวก

“ฆ่า!” ทุกคนโบกอาวุธเรียกกำลังพลข้างหลัง กัดฟันติดตามจ้านหรูอี้ไปสังหาร

ชั่วพริบตาเดียว ทหารสวรรค์ที่ขี่สัตว์เทพสามพันกว่าตัวก็ตะโกนว่าฆ่าพร้อมพุ่งโจมตีออกมา

กำลังพลกลุ่มใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเชื่องช้านิดหน่อย รวมตัวกันได้หนึ่งแสนกว่าพุ่งออกไป ความคิดของคนพวกนี้ไม่ซับซ้อนเลย นั่นก็คือข้างหน้ามีสามพันคนร่วมมือกัน อย่าว่าแต่หนิวโหย่วเต๋อคนเดียวเลย ต่อให้เป็นนักพรตบงกชรุ้งก็โดนโจมตีจนหมอบได้เหมือนกัน กลัวก็แต่จะไม่สามัคคีกัน แต่ตอนนี้พร้อมใจกันโจมตี เวลาลงมือขึ้นมาก็เกรงว่าคงจะไม่ถึงคราวของพวกเขา

ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือตามไปประสมโรงเฉยๆ

จ้านหรูอี้ที่ขี่สัตว์เกราะทองคำรามฟ้าหันกลับมามองข้างหลัง ทำให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเยอะมากทันที

นางกลัวแค่คนพวกนี้จะไม่สามัคคีกันและไม่กล้าออกมาต่อสู้ ตอนนี้มีคนมากมายขนาดนี้ติดตามนางออกรบ คนที่มีของวิเศษติดตัวมีไม่น้อย ถ้าใช้ของวิเศษทุ่มไปพร้อมกัน ต่อให้สู้กับนักพรตบงกชรุ้งพวกนางก็ชนะอยู่ดี จะต้องชนะศึกนี้แน่นอน!

“ฆ่า!” ท่ามกลางเสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราด เหมียวอี้โบกทวนชี้ออกไป

“อ๋าว…” เฮยทั่นพุ่งออกไปอย่างกะทันหัน ไม่มีอะไรขวางกั้นได้

นี่คือการบุกโจมตีของคนหนึ่งคนกับกำลังพลนับแสน ชนปะทะกัน!

ถ้ามองจากมุมสูงลงไป ฉากที่ทำให้คนตกตะลึงนี้ปนด้วยความเศร้าสลดและเร้าใจอยู่หลายส่วน

ชายอ้วนกินน่องไก่ไปได้ครึ่งเดียวแล้วก็หยุด หยุดกินตั้งแต่ตอนที่เริ่มสู้รบกัน น่องไก่ที่มันเลี่ยนถูกกำอยู่ในมือ ส่วนมืออีกข้างถือไหสุรา เขากำลังก้มมองท้องฟ้าที่อยู่ข้างล่าง

ชายผอมที่อยู่ข้างกันกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ยื่นมือไปหยิบไหสุราในมือชายอ้วน เงยหน้ากรอกเข้าปากไปหนึ่งคำ พอเช็ดปากแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวชมว่า “ช่างเป็นวีรบุรุษ! เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย สามารถสละเลือดร้อนๆ ได้สักครั้ง ก็นับว่าไม่เสียชาติเกิดเหมือนกัน!”

“ตอนแรกมีข่าวลือ บอกว่าหนิวโหย่วเต๋อโดนเพื่อนร่วมงานด่าทอดูหมิ่น แต่ยอมหดหัวเป็นเต่าไม่กล้าเถียงกลับ ช่างเป็นเรื่องที่ผิดพลาดที่สุดในใต้หล้า เป็นเรื่องน่าขำที่สุดในโลก!” ชายอ้วนหันกลับมา ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง แล้วก้มหน้าดูการปะทะข้างล่างต่อไป

ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ที่ก่อนหน้าที่พุ่งใส่ขบวนทัพใหญ่หนึ่งล้าน ก็เป็นเพราะคนส่วนใหญ่หลบเลี่ยงการต่อสู้ ตอนนี้กำลังพลหนึ่งแสนกว่าไม่ได้วางกำลังรบ และไม่ได้หลบหลีกเช่นกัน แต่รวมตัวกันเป็นฝ่ายพุ่งเข้ามาโจมตีก่อน ทหารสวรรค์สามพันกว่าคนที่ขี่สัตว์เทพก็คือกำลังหลัก แค่ลักษณะพลังที่แสดงออกมาก็ไม่เหมือนกันแล้ว เมื่อกำลังแบบนี้รวมตัวกันขึ้นมา ต่อให้เป็นนักพรตบงกชรุ้งก็ยังต้องถอย แต่เหมียวอี้กลับดันทุรังพุ่งเข้าใส่

ฉากนี้ทำให้แม้แต่จอมพลเถิงเฟยก็ยังทำสีหน้าตกตะลึง ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น นี่ต้องใช้ความกล้าหาญขนาดไหนถึงจะทำแบบนี้ได้? ถ้าเปลี่ยนเป็นคนปกติทั่วไปก็คงรีบหนีแล้ว เขายอมรับว่าถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเองในปีที่วรยุทธ์เท่านี้ ก็ทำอะไรแบบนี้ไม่ได้อยู่ดี

“ยอมตายดีกว่ายอมแพ้เหรอ? ทำไมต้องลำบากขนาดนี้!” จอมพลเถิงถอนหายใจ

บรรยากาศอันน่าตกตะลึงที่แฝงไปด้วยความเศร้าโศกเร้าใจทำให้โค่วเหวินชิงเบิกตากว้าง ในดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง มีแต่ความตกตะลึง ตกตะลึงอยู่ในหัวใจ นางอยู่ในแดนฝึกตนมาหลายปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผู้ชายแบบนี้

ปี้เยว่ฮูหยินที่ทำสีหน้าสะเทือนอารมณ์ก็ได้แต่ตาค้างเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น

เกาก้วนกลับขมวดคิ้วมุ่น เหมียวอี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่กำลังฝืนประคองตัวเองอยู่ ถึงแม้จะปิดบังคนอื่นได้ แต่กลับปิดบังสายตาของเขากับเถิงเฟยไม่ได้ ในสายตาเขา การกระทำของเหมียวอี้คือการรนหาที่ตาย เขาคิดไม่ตกว่าทำไมเหมียวอี้ต้องทำแบบนี้

หารู้ไม่ว่าสำหรับเหมียวอี้แล้ว ในใจตอนนี้มีอยู่เหตุผลเดียว นั่นก็คือไม่มีเหตุผล!

ถ้าจะให้หาเหตุผลสักข้อหนึ่ง นั่นก็คือยังฆ่าคนได้ไม่มากพอ! ยังฆ่าไม่หนำใจ! ข้าก็แค่อยากจะใจร้อนวู่วามสักรอบ! ไม่อย่างนั้นในใจก็จะเป็นทุกข์เพราะเก็บกด!

ใบหน้าแต่ละหน้าที่ตราตรึงอยู่ในใจเขาก่อนหน้านี้ ตอนแรกเขาอยู่ลำพังแต่กลับมีคนอยากเอาชีวิตเขา การหลบหนีของพวกจางฮั่นฟางได้จุดไฟบางอย่างขึ้นในใจเขาแล้ว ไม่มีใครเข้าใจได้ถึงความรู้สึกที่เขาเก็บกลั้นเงียบๆ ตลอดมาหลังจากโดนหยามหมิ่นที่จวนแม่ทัพภาคตงหัว…

เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กัน จู่ๆ จ้านหรูอี้ที่ขี่สัตว์พาหนะนำรบอยู่แนวหน้าก็กระทืบเท้า

“กรรร…” สัตว์เกราะทองคำรามฟ้าพลันคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ปากที่เหมือนแอ่งเลือดอ้าออก แสงสีทองเรืองรองสายหนึ่งที่เหมือนทั้งคลื่นเมฆทั้งระลอกคลื่นก็โจมตีไปยังเหมียวอี้ที่พุ่งมาตรงหน้า

ปฏิกิริยาแรกของเหมียวอี้ก็คือ สัตว์พาหนะของอีกฝ่ายเป็นประเภทที่สามารถใช้คลื่นเสียงโจมตีได้ คลื่นเสียงสามารถกลายเป็นแสงสีทองที่มีรูปร่างได้ คาดว่าคงจะมีความพิเศษยิ่งกว่าเดิม

ไม่สนใจว่าจะใช่หรือไม่ใช่ เหมียวอี้ไม่สนด้วยว่ารสชาติหลังจากถูกโจมตีจะเป็นอย่างไร รีบใช้เพลิงจิตปกป้องร่างกายอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ปกป้องเฮยทั่นด้วย

แทบจะเป็นชั่วพริบตาเดียว แสงสีทองหลายชั้นที่ถาโถมเข้ามาก็ปกคลุมเขากับเฮยทั่นเอาไว้แล้ว รอบกายทั้งสองมีระลอกคลื่นสาดซัดหนึ่งชั้น รู้สึกได้ถึงพลังโจมตีไร้รูปร่างที่สามารถทำให้คนสะท้านใจ ส่วนความรู้สึกทุกข์ทรมานอย่างอื่นนั้นไม่มี

คนหนึ่งคนกับสัตว์พาหนะหนึ่งตัวพุ่งไปหาจ้านหรูอี้ต่อ

“เอ๋! ต้านทานการโจมตีกลืนวิญญาณของสัตว์เกราะทองคำรามฟ้าได้ยังไง” จอมพลเถิงที่ดูการต่อสู้กล่าวอย่างประหลาดใจ “สงสัยหนิวโหย่วเต๋อจะฝึกเคล็ดวิชาลับที่ไม่ธรรมดา”

นี่ก็คือความคิดของจ้านหรูอี้เช่นกัน เห็นเหมียวอี้ยังขี่สัตว์พาหนะอย่างมั่นคงและโจมตีฝ่าแสงสีทองที่สัตว์เกราะทองคำรามฟ้าพ่นเข้ามา ไม่มีปฏิกิริยาผิดปกติเลยแม้แต่น้อย นางตกใจอยู่บ้าง จึงรีบยกมือขึ้น ในกำไลเก็บสมบัติพลันมีกระบี่วิเศษผลึกแดงบริสุทธิ์ยาวประมาณหนึ่งจั้งพ่นออกมา

จ้านหรูอี้ใช้มือข้างหนึ่งจับทวน แล้วใช้มืออีกข้างชี้ควบคุม กระบี่ใหญ่ฟันออกไปอย่างฉับพลัน รอบๆ ตัวกระบี่มีกระแสไฟฟ้าลอยขึ้นมา

เหมียวอี้ใช้ฝ่ามือข้างเดียวยันไว้ ขณะกำลังจะผลักลูกกลมตีไม่พังออกมาต้านทาน คาดไม่ถึงว่าจ้านหรูอี้จะกางนิ้วทั้งห้า กระบี่ใหญ่พลันกลายเป็นกระบี่เล็กยาวเท่าแขนกระจายออกมาร้อยเล่ม ลากเป็นตาข่ายสายฟ้ากระจายออกมา ราวกับมีแหใหญ่ผืนหนึ่งครอบเหมียวอี้กับเฮยทั่นเอาไว้ด้วยกัน

เหมียวอี้ล้มเลิกความคิดที่จะใช้ลูกกลมตีไม่พังทันที ร่างกายของเขาพลิกอย่างรวดเร็ว อ้อมไปหลบอยู่ใต้ท้องเฮยทั่น

กระบี่บินที่มีตาข่ายไฟฟ้ายิงเข้ามาราวกับพายุฝน เฮยทั่นก้มหน้าปกป้องเหมียวอี้ที่อยู่ใต้ท้อง แล้วใช้หัวพุ่งชนเข้าไป

แกร๊งๆๆ! กระบี่บินสิบกว่าเล่มที่ยิงมาตรงหน้าถูกชนจนพลิกปลิวออกไป เฮยทั่นฝ่าออกจากตาข่ายไฟฟ้าได้อย่างห้าวหาญ กระแสไฟฟ้าโจมตีโดนตัวมัน แต่ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับมันเลย มันพุ่งตัวไปข้างหน้าต่อ

จ้านหรูอี้ตระหนกตกใจ สัตว์พาหนะของอีกฝ่ายไม่กลัวสายฟ้างั้นเหรอ?

นางจะไปรู้ได้อย่างไร ว่าเฮยทั่นสามารถอาบน้ำอยู่ท่ามกลางสายฟ้าตอนเรียกฟ้าเรียกฝนได้ ในจุดนี้เหมียวอี้รู้ดีกว่านาง ถึงได้ให้เฮยทั่นมาเป็นโล่กำบังให้

มือข้างหนึ่งช้อนออกมาใต้ท้องเฮยทั่น คว้ากรวยแหลมแท่งหนึ่งที่อยู่บนเกราะรบเฮยทั่น แล้วพลิกตัวโผล่ออกมาจากใต้ท้องเฮยทั่นโดยตรง

ปฏิกิริยาอันรวดเร็วในการขึ้นลงนี้ทำให้คนที่กำลังดูการต่อสู้รู้สึกทึ่งมาก

พอจ้านหรูอี้โบกมือ กระบี่บินร้อยเล่มที่พุ่งเข้ามาก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เลี้ยวโค้ง กระบี่ใหญ่ที่มีสายฟ้าฟันไปทางแผ่นหลังของเหมียวอี้อย่างเกรี้ยวกราด

เหมียวอี้สาวเท้าเหยียบจากแผ่นหลังเฮยทั่นขึ้นไปบนยอดหัวของเฮยทั่น อาศัยแรงเฉื่อยจากการพุ่งโจมตีของเฮยทั่นเพื่อเหยียดเท้าดีดตัวออกมา รีบดึงระยะห่างระหว่างตัวเองกับจ้านหรูอี้ให้เข้าใกล้กัน แล้วปาดทวนออกมาโดยตรง

แต่ใครจะคาดคิด จ้านหรูอี้ไม่แสดงฝีมืออ่อนด้อยเลยสักนิด สาวเท้ากระโจนตัวขึ้นมาเช่นเดียวกัน ทะยานฟ้าพร้อมกางแขน ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นคนที่มีสามหัวหกแขน ในมือถือทวนสามด้าม โจมตีไปที่เหมียวอี้พร้อมกัน ร้ายกาจถึงขีดสุด ทั้งคู่ทะยานขึ้นฟ้าปะทะกันอย่างคล่องแคล่วแข็งแรง

สองหัวสี่แขนและทวนยาวหนึ่งด้ามของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นภาพมายา ดวงตาอิทธิฤทธิ์ไม่มีทางมองออกได้ และเหมียวอี้ก็ใช้ตาทิพย์ไม่ทันด้วย จึงรีบเอียงหน้าหลับตา พอสะบัดมือ ทวนยาวที่มีจุดดำขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองหมุนวนก็เอียงเล็กน้อย

จ้านหรูอี้ที่ใช้ทวนสามด้ามพร้อมกันตกใจมาก เห็นอีกฝ่ายหลับตามองข้ามภาพมายาของนาง แต่ยังสามารถปะทะกับอาวุธจริงของนางได้อย่างแม่นยำ

นางเปลี่ยนท่าไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงโจมตีปะทะกันตรงๆ

ตอนที่ทวนสองด้ามสัมผัสกัน จ้านหรูอี้ก็นึกเสียใจทีหลังทันที พลังที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งทำให้แขนของนางสูญเสียความรู้สึก ความรู้สึกสุดท้ายที่แวบเข้ามาในหัวก็คือเหลือเชื่อ

ปั้ง! ปั้ง!

เสียงสะเทือนดังขึ้นต่อเนื่องสองครั้ง ทวนยาวหลุดมือจ้านหรูอี้กระเด็นออกไปในชั่วพริบตาเดียว แล้วก็ถูกทวนแทงเข้ามาที่หน้าอกหนึ่งครั้ง “อั้ก!” นางตาเหลือกพร้อมเงยหน้ากระอักเลือดสดออกมาคำหนึ่ง สะเทือนจนร่างกระเด็นออกไปราวกับผีพุ่งใต้

เถิงเฟยที่หรี่ตามองพึงพำว่า “วิชาทวนของเจ้าบ้านี่บรรลุถึงความหมายที่ลึกซึ้งของการทำลายความว่างเปล่าแล้ว มิน่าล่ะ” เมื่อครู่นี้เขาสังเกตเห็นจุดสีดำที่แวบผ่านบนหัวทวนตอนที่เหมียวอี้ออกทวนแล้ว

เหมียวอี้ที่ยังไม่ทันลืมตาสะบัดหลัง ลูกกลมตีไม่พังเม็ดหนึ่งที่แขวนอยู่ข้างหลังพลันลอยออกมาปรากฏตัว กลายเป็นวัตถุขนาดใหญ่กันข้างหลังเขาเอาไว้

ปั้ง! กระบี่ใหญ่สายฟ้าที่ฟันโจมตีเข้ามาโดนลูกกลมสีแดง ชั่วพริบตาเดียวก็โดนแว้งกัด โดนลูกกลมสีแดงกลืนเข้าไปแล้ว

จากนั้นเหมียวอี้ก็ลืตาแล้วหันมาโบกมือเก็บลูกกลมตีไม่พังเอาไว้ เฮยทั่นที่พุ่งตามมาที่หลังแบกเขาสังหารไปข้างหน้าต่อ

ทั้งสองประมือสู้กันเพียงชั่วพริบตาเดียว คนที่ดูอยู่ทอดถอนใจด้วยความทึ่ง ต่างก็พากันชื่นชมอยู่ในใจ สมกับเป็นอันดับหนึ่งที่ราชันสวรรค์แต่งตั้งให้ทั้งคู่

ไม่ว่าใครก็ว่าจ้านหรูอี้ไร้ความสามารถไม่ได้ อย่างน้อยนางรู้ทั้งรู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อห้าวหาญขนาดนี้แต่ก็ยังกล้าสู้กันตรงๆ ความกล้าหาญนี้ควรค่าแก่การชื่นชม ที่จริงความสามารถที่จ้านหรูอี้เพิ่งแสดงไปเมื่อครู่นี้ ทุกคนก็ได้เห็นแล้วเช่นกัน เพียงแต่หนิวโหย่วเต๋อมีระดับเหนือกว่าก็เท่านั้นเอง

ตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อไม่เพียงแค่ห้าวหาญดุร้ายเท่านั้น แต่ดูจากวิธีการรับมือรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินในชั่วพริบตาเดียวนั้น ก็รู้แล้วว่าเขาเชี่ยวชาญเรื่องการรบที่สุด

ทัพใหญ่หลายแสนที่พุ่งเข้ามาโจมตี พอเห็นแม่ทัพที่บุกนำมาโดนเหมียวอี้โจมตีจนกระเด็นออกไป พวกเขาก็ตกใจไม่เบาจริงๆ จ้านหรูอี้มีวรยุทธ์บงกชทองขั้นเก้าเชียวนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะต้านทานการโจมตีของหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว ล้อเล่นอะไรกัน!

ที่จริงในการรบครั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหมียวอี้เอาชนะนักพรตบงกชทองขั้นเก้าได้ภายในท่าเดียว ที่สำคัญคือก่อนหน้านี้ทุกคนไม่เห็นเอง

ก็เป็นเพราะว่าไม่เคยเห็นนี่แหละ พอมาเจออะไรแบบนี้กะทันหัน คนที่พุ่งตามมาข้างหลังถึงได้หวาดกลัวเพราะไม่ได้เตรียมใจ ขนาดนักพรตบงกชทองขั้นเก้ายังต้านไม่ไหวแม้แต่ท่าเดียว แถมอีกฝ่ายยังมีของที่เอาไว้เก็บของวิเศษโดยเฉพาะ ยังจะสู้กันทำบ้าอะไรล่ะ!

เมื่อเห็นจ้านหรูอี้สะเทือนจนกระเด็นถอยหลัง ก็มีคนรีบมาคว้าแขนจ้านหรูอี้เอาไว้ หัวสมองตอบสนองเร็วเหมือนกัน หันเลี้ยวแล้วหนีทันที ทั้งยังไม่ลืมที่จะหาข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองมีผลงานและไร้ความผิดอย่างสง่าผ่าเผย ตะโกนเสียงดังว่า “ปกป้องผู้บัญชาการใหญ่จ้าน!”

เขาปกป้อง ส่วนคนอื่นๆ ก็ลนลานหนีตามหลังไป ตามไปปกป้องแล้ว

พอทำแบบนี้ ทัพใหญ่ก็วุ่นวายไร้ระเบียบทันที กำลังหลักสามพันคนที่ขี่สัตว์เทพอยู่ข้างหน้าหนีไปทางซ้ายและขวา ทำให้กำลังพลที่ตามมาข้างหลังประสบหายนะ เหมียวอี้ที่ควบเฮยทั่นพุ่งมาเข้าไปในกลุ่มคนแล้ว ออกทวนราวกับมังกรสังหารเป็นทางเลือดอีกครั้ง สังหารจนมีเสียงกรีดร้องระงม

พอเถิงเฟยที่ดูการต่อสู้เห็นสภาพการณ์นี้ ก็รีบหยิบระฆังดาราออกมาแล้ว ไม่รู้ว่ากำลังติดต่อไปที่ไหน

กำลังพลแสนกว่าที่รวมตัวกันพุ่งเข้ามาเปลี่ยนเป็นหนีกระเจิดกระเจิงทันที เหมียวอี้ที่ยังสังหารไม่หนำใจพุ่งไปหาทัพใหญ่ที่รวมตัวกันตอนหลัง

คนที่อยู่ข้างหลังไม่กล้าแม้แต่จะบุกโจมตี ย่อมไม่มีใครมีเจตนาจะต่อสู้ ไม่มีใครเล่นกับเขาแล้ว ลนลานหนีกระเจิงอย่างสะบักสะบอมทันที

หลังจากเหมียวอี้สังหารฝ่าออกมาจากทัพใหญ่ ก็เหาะไปยังดาราจักรอันกว้างใหญ่ต่อ ครั้งนี้ไม่ได้กลับไปอีก

หัวหน้าของกำลังพลสายชวดที่อยู่บนฟ้าสูงและทำตัวอยู่นอกเหตุการณ์มาตลอด จู่ๆ ก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ถามเสียงดังว่า “หนิวโหย่วเต๋อ ทำไมไม่มาเป็นพันธมิตรกับข้าเพื่อรับมือการทดสอบล่ะ?”

เหมียวอี้ไม่รู้เลยว่าข้างหลังมีใครกำลังพูดกับเขาอยู่ เพียงตอบกลับเสียงดังว่า “พวกหนูต่ำต้อย หนิวอยู่ด้วยแล้วรู้สึกอับอาย! ของที่ข้าไม่เก็บก็ถือว่าเป็นรางวัลให้พวกเจ้าแล้วกัน ใครเก็บได้ก็ถือว่าเป็นของคนนั้น”

พอพูดจบ จู่ๆ เหมียวอี้ที่หันหลังให้พวกเขาก็ยกมือกดหน้าอก ถ่มเลือดสดออกมาอีกคำ เลือดสดระหว่างปากและจมูกเริ่มไหลซึม แต่กลับดันทุรังไม่ปล่อยให้ร่างกายโอนเอน เพียงให้เฮยทั่นเร่งความเร็วจากไป

“…” คนที่ตะโกนขอเป็นพันธมิตรพูดไม่ออก

เกาก้วนมองตามเหมียวอี้จากไปไกล เหล่ตามองเถิงเฟยแวบหนึ่ง แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ถ้าอยากจะรับเขาไว้ ก็ต้องถามผู้บังคับบัญชาของเขาก่อนว่าจะยอมปล่อยตัวมาหรือเปล่า”

…………………………