บทที่ 1210 สมาคมร้านค้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1210 สมาคมร้านค้า โดย Ink Stone_Fantasy

เถิงเฟยไม่ได้ปฎิเสธว่าการขอเป็นพันธมิตรเมื่อครู่นี้มีเขาบงการอยู่เบื้องหลัง และไม่ปฏิเสธเช่นกันว่ามีความคิดจะรับเหมียวอี้เข้ามาทำงานด้วย เพียงแต่ขณะที่มองดูทิศทางที่เหมียวอี้หายไป ดวงตาเขาก็เป็นประกายเล็กน้อย เอามือขยี้เคราพลางกล่าวชมว่า “ช่างเป็นทหารเสือจริงๆ! สังหารฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้าน องอาจห้าวหาญ มีอะไรมากกว่านี้แล้ว หากเวลาผ่านไปสักระยะ จะต้องเป็นหนึ่งในแม่ทัพที่ห้าวหาญเกรียงไกรที่สุดในใต้หล้าแน่นอน น่าเสียดายแล้ว! เทียนหยวน เจ้าเวรนั่นมันไม่สนใจความเป็นความตายของทหารดีๆ!”

เกาก้วนเงียบงัน ดวงตาฉายแววล้ำลึก จ้องตรงไปยังจุดลึกของดาราจักรที่เปลี่ยนแปลงไปร้อยแปดพันเก้า

“ท่าไม่ดีแล้ว! จะเกิดเรื่องแล้ว!” จู่ๆ เถิงเฟยก็กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าก็ว่าอยู่ว่าทำไมเจ้าบ้านั่นใจกว้างไม่เก็บของไป ทั้งยังบอกว่าใครเก็บได้ก็เป็นของคนนั้น คงจะวางอุบายไว้เพราะจงใจจะให้เกิดเรื่อง”

เกาก้วนได้สติหันกลับมา แล้วมองตามสายตาของเขา มองดูศพสองพันกว่าร่างที่เหมียวอี้บุกสังหารและทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมบอกเบาๆ ว่า “คนยังไม่ทันแยกย้าย แต่ก็ตายไปมากมายขนาดนี้แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเจ้ากับข้าจะแก้ตัวกับราชินีสวรรค์ไม่ได้เลย สั่งให้คนเก็บกวาดศพพวกนี้ให้หมด เก็บเป็นของหลวงให้หมด”

“คิดว่าพวกเรากลัวเจ้ารึไง?” จนกระทั่งเหมียวอี้หายไปในจุดลึกของท้องฟ้า เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็เริ่มพูดมากอีกแล้ว โบกมือบอกทางซ้ายและขวาอย่างโอหังอวดดีว่า “ทุกคนมาที่นี่เพื่อทดสอบ ไม่ได้มาสู้ตายแลกชีวิตกับเจ้า ถ้าพวกเราสามัคคีรวมใจกันขึ้นมาจริงๆ หนิวโหย่วเต๋อจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ทุกคนว่ามั้ย?”

“ใช่!” เสียงตอบกลับที่แผ่วเบาหร็อมแหรมดังขึ้น

ฝานอวี้เฟยที่อยู่ข้างๆ เอียงหน้ามองด้วยสายตาดูถูก คิดในใจว่าถ้าทุกคนมีความคิดแบบเจ้ากันหมด จะสามัคคีรวมใจกันได้ก็แปลกแล้ว

คนที่มีความคิดดูถูกเหมือนนางมีไม่น้อยเลย ทว่าความคิดนี้ยังไม่ทันหายไป ก็ได้ยินเซี่ยโห้วหลงเฉิงแหกปากตะโกนอีกว่า “ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าใครก็ห้ามแย่ง! พี่น้องทั้งหลาย ลุย! ใครกล้าแย่งคนนั้นตาย!”

เล่นอะไรของเจ้า? ฝานอวี้เฟยหันกลับไปมอง ถึงได้พบว่าศพสองพันกว่าร่างที่เหมียวอี้ไม่ได้เก็บไป ในจำนวนนั้นเป็นร่างของผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์อยู่ไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นเนื้อก้อนใหญ่

แต่จนใจที่ไม่ใช่ทุกคนที่จะฟังคำสั่งเซี่ยโห้วหลงเฉิง ขู่ได้เพียงพวกที่ไม่มีคนหนุนหลัง คนอื่นๆ เรียกได้ว่าเข้ามาแย่งอย่างไม่ชักช้า ชัดเจนว่าใครเก็บได้ก็เป็นของคนนั้น เป็นของที่ไม่มีเจ้าของ

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครไว้หน้า เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็เดือดดาลทันที โบกดาบฟันจนเกิดเสียงร้องระงมพลางนำกลุ่มคนฝ่าเข้าไปแย่ง

ของที่ไร้เจ้าของ ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ แม้แต่คนของตระกูลโค่วกับกำลังพลสายชวดก็ฝ่าเข้ามาแย่งเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าการตะลุมบอนกลุ่มใหญ่ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายกำลังจะเริ่มขึ้น เสียงของจอมพลเถิงเฟยก็ดังขึ้นอย่างน่าตกใจราวกับฟ้าผ่า “หยุดนะ!”

ทุกคนที่ถืออาวุธอยู่ในมือหันกลับมามอง พบว่าจอมพลเถิงหน้าดำคร่ำเครียดเหมือนก้นหม้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเห็นทูตตรวจการฝ่ายขวาที่ทำสีหน้าเย็นเยียบอยู่ข้างกายเขา แต่ละคนก็ทำสีหน้าอับอายทันที ไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีกแล้ว แม้แต่เซี่ยโห้วหลงเฉิงเองก็ยังต้องหัวหัว ถ้าเกาก้วนฆ่าเขาแล้ว เกรงว่าแม้แต่ท่านอาหญิงก็คงจะไม่พูดอะไรมาก

จะไม่ให้จอมพลเถิงหน้าดำคร่ำเครียดคงไม่ได้ ถ้าต่อสู้กันขึ้นมาในเหตุการณ์แบบนี้ ก็จะบาดเจ็บล้มตายเยอะกว่าตอนที่สู้กับเหมียวอี้เยอะ กองทัพตะลุมบอนกันไม่ใช่ของเด็กเล่น เวลาคนตายขึ้นมาก็ไม่ใช่แค่พันสองพันแล้ว ไม่ทันไรก็นับได้เป็นหมื่น ไม่ว่าจะเป็นเกาก้วนหรือเถิงเฟย ก็ไม่มีทางยอมปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น

“ทหาร!” เถิงเฟยโบกมือ “เก็บของทั้งหมดหมดไว้เป็นของหลวง ใครเก็บไว้ส่วนตัว ประหาร!”

คำว่า ‘ประหาร’ ที่พูดตอนสุดท้ายเรียกได้ว่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เจ้าพวกคนไม่เอาถ่านทำให้ไฟโกรธสุมเก็บกดอยู่ในใจเขา กำลังพลหนึ่งล้านถูกนักพรตวรยุทธ์ระดับเดียวกันแค่คนเดียวสังหารจนขี้ขลาดตาขาว แต่เวลาจะชุบมือเปิบและสู้กันเองภายในกลับไม่มีใครเกี่ยงกัน อีกประเดี๋ยวถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูราชันสวรรค์ ดีไม่ดีอาจจะปรับปรุงในระดับที่เข้มข้นกว่านี้ก็ได้ ขนาดเขายังทนมองไม่ไหวเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับราชันสวรรค์ล่ะ!

“รับทราบ!” มีคนนำทัพพุ่งออกมาทันที ตะคอกให้กำลังพลที่กำลังจะตะลุมบอนกันถอยออกไป แล้วทำการเก็บยึดสิ่งของ

นับตั้งแต่ตอนนี้ไป ความครึกครื้นตอนเข้านรกถึงได้นับว่าหายไปอย่างเป็นทางการ กำลังพลหนึ่งล้านดึงความสนใจกลับมาสู่การทดสอบอีกครั้ง เหมียวอี้ไม่อยู่แล้ว ระหว่างพวกเขาไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน การหาพันธมิตรและแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเองต่างหากที่สอดคล้องกับความจริง

เพียงแต่น่าเสียดายความตั้งใจของเหมียวอี้ เหมียวอี้เองก็หมดความสามารถที่จะบุกสังหารต่อไป ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสคือสาเหตุแรก สูญเสียจิงชี่เสินเหมือนกับตอนใช้ท่าไม้ตายนึ่งทวนหนึ่งสังหารกับหนึ่งทวนสิบสังหาร อย่างแรกกับอย่างหลังต่างกันแค่ใช้หลายครั้งกับใช้ครั้งเดียวก็เท่านั้นเอง

ที่จริงเหมียวอี้สามารถใช้ท่าหนึ่งทวนหนึ่งสังหารได้เพียงเก้าครั้ง ครั้งที่สิบถึงแม้จะมีแรงเหลืออยู่นิดหน่อย แต่ก็ไม่สามารถรวบรวมจิงชี่เสินเพื่อใช้มันออกมาได้อีก ไม่เหมือนท่าหนึ่งทวนสิบสังหารที่สามารถทำให้คนหมดช่องว่างโต้ตอบได้โดยสิ้นเชิง และตอนที่สู้กับเนี่ยกงและอู๋ไก้ซวงก่อนหน้านี้ เหมียวอี้ก็ใช้ท่านี้กับพวกเขาไปคนละหนึ่งครั้ง ตอนสู้กับธนูดาวตกของต่งอิ้งเกาก็ใช้ไปหนึ่งครั้งแล้วเหมือนกัน ตอนสู้กับจ้านหรูอี้ก็ใช้ไปหนึ่งครั้ง รวมทั้งหมดใช้ท่านี้ไปแล้วสี่ครั้ง สูญเสียจิงชี่เสินไปไม่น้อยเลย กอปรกับอาการบาดเจ็บสาหัส การบุกสังหารอันดุเดือดหลายครั้งทำให้ได้รับบาดเจ็บเพิ่ม ภายใต้ความจนใจถึงได้ทิ้งของกำนัลจากการรบไว้เป็นกองแล้วจากไป หวังว่าจะหลอกล่อให้คนพวกนั้นฆ่ากันเอง เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนพวกนั้นจะยังอ่อนโยน จิตใจดี ให้เกียรติและอดกลั้นได้

เดิมทีสถานการณ์ก็ดำเนินไปตามทิศทางที่เขาวางแผนไว้ แต่จนใจที่โดนเกาก้วนกับเถิงเฟยขัดขวาง ทำลายแผนการดีๆ ของเขาไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้คึกครื้นแล้วจริงๆ

รอจนกระทั่งคนที่เข้าร่วมการทดสอบแยกย้ายกันไป ทั้งหมดหายไปในจุดลึกของดาราจักรแล้ว เกาก้วนกับเถิงเฟยก็สบตากันแวบหนึ่ง แล้วก็ต่างคนต่างสั่งระดมพลของตัวเอง ทำให้กำลังพลที่คุมและรับผิดชอบการทดสอบมารวมตัวกันทันที ก่อนจะรีบไปยังจุดลึกของทะเลดาวที่กว้างใหญ่ไพศาล ตรงนี้ไม่มีทางกลับ ต้องออกไปผ่านทางออกของนรก

ปี้เย่วฮูหยินที่ติดตามขบวนจากไปยังคงรู้สึกไม่สงบใจ ทำสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก หันหน้ามองไปยังทิศทางที่เหมียวอี้หายไปอยู่เป็นระยะ…

ตอนนี้เหมียวอี้กำลังฟื้นฟูสภาพร่างกายอยู่บนตัวของเฮยทั่นแล้ว ในมือถือระฆังดาราติดต่อกับจีฮวน : นัดกันแล้วไงว่าจะเจอกันตรงใกล้ๆ ทางเข้า พวกเจ้าอยู่ที่ไหนกัน?

จีฮวน : เจ้าอย่ามาโทษพวกเราเลย กว่าพวกเราจะออกจากที่ซ่อนตัวไปตรงทางเข้าได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ประสบอันตรายไปหลายครั้ง เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว พวกเราไม่ได้เบี้ยวนัดด้วย พวกเราไปถึงตั้งนานแล้ว แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ ตำหนักสวรรค์จะส่งทัพใหญ่มากวาดล้างตรงทางเข้าออกเป็นบริเวณกว้าง โชคดีที่พวกเราหนีได้เร็ว เกือบจะโดนขนาบอยู่ระหว่างทัพใหญ่ของตำหนักสวรรค์กับโจรกบฏในนรก โจรกบฏกลุ่มนั้นก็ดักซุ่มอยู่ในนี้ตั้งนานแล้วเหมือนกัน น่าหวาดเสียวมาก โชคดีที่อวิ๋นอ้าวเทียนหนีได้เร็ว เออใช่ พวกเราก็ติดต่อเจ้าเหมือนกัน ทำไมเจ้าไม่ตอบ?

เรื่องนี้เหมียวอี้สามารถเข้าใจได้ ตำหนักสวรรค์ส่งคนมากวาดล้างล่วงหน้าแล้วจริงๆ ส่วนสถานการณ์ของเหมียวอี้ตอนนั้นก็ไม่สะดวกจะติดต่อกับภายนอก จึงถามอีกว่า : พวกเจ้าอยู่ที่ไหนกัน?

เมื่อหาพันธมิตรจากทัพใหญ่ของการทดสอบไม่ได้ เขาก็ทำได้เพียงมาหาพวกอวิ๋นอ้าวเทียน ตอนนี้ต่อให้มีคนจากทัพใหญ่ที่เข้าร่วมการทดสอบอยากจะมาเป็นพันธมิตรกับเขา แต่เขาก็จะไม่รับพิจารณาเหมือนกัน

จีฮวน : ผีที่ไหนจะไปรู้ว่าอยู่ที่ไหน บนแผนที่ดาวก็หาชื่อไม่เจอ เพื่อให้เจอกับเจ้าได้สะดวก พวกเราจึงไม่ได้เพ่นพ่านไปไหน เจ้าหยิบแผนที่ออกมาดู ทิศทางที่อยู่ตรงข้ามกับทางเข้านรก อาศัยวรยุทธ์อย่างเจ้าน่าจะใช้เวลาประมาณสามวัน ถ้าเห็นกลุ่มดาวสีฟ้าก็แสดงว่าถึงแล้ว ถ้าเห็นเจ้าแล้วพวกเราจะโผล่หน้าไป ระหว่างทางคงการติดต่อเอาไว้ จะได้คอยบอกทางหเจ้าได้

ผีหลอก! ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ในทิศทางตรงกันข้าม!

เหมียวอี้ไม่ได้บอกว่าตัวเองประสบภัยอะไรมา พอเก็บระฆังดาราแล้วหันกลับ กลับไปตรงทางเข้านรก แต่เขาไม่กล้ากลับโดยใช้เส้นทางตรง แต่เหาะลงข้างล่างเพื่ออ้อมกลับมา…

ใช้เวลาเดินทางสามวัน เวลาสามวันนี้เพียงพอที่จะให้เกิดเรื่องราวกับขึ้นมากมาย

ในวันนั้น หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม ณ สมาคมร้านค้า ตลาดสวรรค์ ดาวเทียนหยวน

โจวหราน หัวหน้าสมาคมร้านค้าที่ถูกเลือกขึ้นใหม่กำลังนั่งอยู่เบื้องบน กำลังนิ่งเงียบไม่พูดอะไร

ที่เขาสามารถขึ้นนั่งในตำแหน่งหัวหน้าสมาคมได้ ก็ย่อมมีเหตุผลอยู่แล้ว เพียงเพราะเขาเป็นผู้จัดการร้านของร้านค้าตระกูลเซี่ยโห้วที่อยู่ที่นี่ ก็ช่วยไม่ได้ ถึงแม้ลูกหลานของตระกูลเซี่ยโห้วจะถูกสังห้ามไม่ให้ยุ่งกับตแหน่งขุนนางในตลาดสวรรค์ แต่ราชินีสวรรค์ก็ควบคุมตลาดสวรรค์ทั้งหมด ต่อให้ราชินีสวรรค์ไม่ทำอะไร แต่ผลประโยชน์ที่นำมาให้ตระกูลเซี่ยโห้วก็เป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่ดี

ทางซ้ายและขวามีหัวหน้าสมาคมสาขาของสี่เขตเมืองนั่งอยู่ฝั่งละสองคน ข้างล่างยังมีอีกสองแถว แถวละหกคน เป็นตำแหน่งของกรรมการสิบสองคน

ผู้จัดการร้านของตระกูลสี่อ๋องสวรรค์ไม่เกี่ยงที่จะถูกเลือกเป็นรองหัวหน้าสมาคม ผู้จัดการร้านของสิบสองจอมพลถูกเลือกเป็นกรรมการ ส่วนกรรมการอีกสิบสองตำแหน่งที่เหลือ ตระกูลของสามสิบหกเทพประจำดาวครองไปแล้วแปดตำแหน่ง ได้ไปเขตเมืองละสองคน คนอื่นๆ ที่ไม่ถูกเลือกก็ทำได้เพียงโทษว่าตัวเองไม่มีผลการลงคะแนนมากพอ ส่วนตำแหน่งกรรมการที่เหลืออีกสี่ตำแหน่งมอบให้ร้านค้าที่ไม่มีทางการหนุนหลัง สมาคมร้านค้าต้องการมีตัวแทน เป็นไปไม่ได้ที่จะกันคนที่ไม่มีทางการหนุนหลังไว้ข้างนอกทั้งหมด

คนที่ได้นั่งในที่ประชุมมีทั้งหมดยี่สิบเก้าคน หวงฝู่จวินโหรวก็เป็นหนึ่งในกรรมการเช่นกัน อวี้ซวีเจินเหรินก็ครอบครองได้หนึ่งตำแหน่ง

รสชาติของการได้คุมอำนาจสมาคมร้านค้าของตลาดสวรรค์อีกครั้งไม่เลวเลย กลุ่มคนข้างล่างกำลังหัวเราะกระซิบกระซาบกัน หลังจากผู้จัดการร้านหูอวี้หยวนคุยกับคนข้างๆ ไปสักพัก ก็เอียงหน้าเหลือบมองด้านบน แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “หัวหน้าสมาคมโจว ทุกคนมากันครบแล้ว ทำไมท่านไม่พูดอะไรสักที มีเรื่องอะไรกันแน่?”

โจวหรานได้ยินแล้วดึงสติกลับมา นั่งตัวตรงแล้วถอนหายใจ “ทุกท่าน เรื่องาการทดสอบที่นรกเกิดหักมุมนิดหน่อย นายท่านที่อยู่เบื้องหลังพวกเราเกรงว่าจะไม่มีทางลงมือกับหนิวโหย่วเต๋อได้อีกแล้ว”

ทุกคนได้ยินแล้วงงทันที หวงฝู่จวินโหรวรีบถามว่า “หมายความว่ายังไง?”

ดวงตาของทุกคนล้วนฉายแววสอบถาม ต่างก็รู้ว่าราชินีสวรรค์เป็นคนจัดการทดสอบในนรก ข่าวของตระกูลเซี่ยโห้วย่อมไวกว่าทุกคนอยู่แล้ว ในด้านนี้ต่อให้เป็นสมาคมวีรชนที่ได้ชื่อว่าข่าวไวก็เทียบไม่ติด

“เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้ เพิ่งได้ข่าวมาจากนรก…” โจวหรานหยุดชะงัก เหมือนลำบากที่จะเอ่ยคำต่อไปออกมา

“หัวหน้าสมาคมโจว เกิดอะไรขึ้นท่านก็บอกมาสิ”

“ใช่ ทุกคนรออยู่นะ”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำมถึงลงมือกับหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้?”

กลุ่มคนพากันถามซักไซ้หลายปาก

โจวหรานถอนหายใจ สายตาไปหยุดอยู่ที่กรรมการคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างล่าง “ผู้จัดการร้านเถียน เจ้าต้องเตรียมทำใจไว้ให้ดีนะ  จาเหรินจวิ้น หลานชายนายหญิงเจ้าของร้านของเจ้าตายด้วยน้ำมือหนิวโหย่วเต๋อแล้ว”

ผู้จัดการร้านเถียนเฟิงฮ่าวที่นั่งอยู่ข้างล่างอ้าปากค้าง จากนั้นก็โบกมือซ้ำๆ “หัวหน้าสมาคมโจว ข่าวของเจ้าจริงหรือปลอม? เพื่อที่จะปกป้องนายน้อยจา นายหญิงร้านค้าส่งยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการใหญ่ไปสี่คน เป็นนักพรตบงกชทองขั้นเก้าที่เชี่ยวชาญการรบทั้งหมด สู้กับหนิวโหย่วเต๋อไม่มีทางเสียเปรียบแน่”

โจวหรานถอนหายใจแล้วตอบว่า “ข้ารู้ สี่คนนั้นมีเนี่ยกง ไก้อู๋ซวง หู่โพ่ ฮัวต้าหลาง แต่หนิวโหย่วเต๋อนั่นเหี้ยมหาญจริงๆ นายน้อยจาของเจ้ากระโดดออกไปท้าสู้คนแรก ผลก็คือโดนหนิวโหย่วเต๋อใช้ทวนปาดทีเดียวตายเลย จากนั้นสี่คนที่เจ้าบอกก็ระดมทัพห้าหมื่นกว่าคนมาล้อมโจมตีหนิวโหย่วเต๋อทันที ผลก็คือเนี่ยกง ไก้อู๋ซวงกับหู่โพ่ตายด้วยทวนของหนิวโหย่วเต๋อทั้งหมด แต่ฮัวต้าหลางหนีไว โชคดีเอาชีวิตรอดมาได้ ส่วนกำลังพลห้าหมื่นนั่นก็โดนหนิวโหย่วเต๋อบุกเดี่ยวโจมตีจนแตกกระเจิง โดนหนิวโหย่วเต๋อใช้ทวนฟันตายคาที่ไปสองพันกว่าคน ฆ่าจนคนหนีหัวซุกหัวซุน ศึกเดียวของหนิวโหย่วเต๋อทำให้ทัพใหญ่หนึ่งล้านสั่นสะเทือนแล้ว! เรื่องนี้ไม่ผิดพลาดแน่นอน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองชั่วยามก่อนหน้านี้เอง ได้รับการยืนยันแล้ว คาดว่าอีกไม่นานเจ้าคงได้รับข่าว ที่นี่แค่รู้เร็วกว่าเจ้าก้าวหนึ่งเท่านั้นเอง”

…………………………