บทที่ 2144+2145

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2144 สิ่งนี้ปลอมแปลงไม่ได้!

กู้ซีจิ่วเลื่อนลอยอยู่พักหนึ่ง เธอรู้สึกว่าสถานการณ์นี้คุ้นๆ อยู่บ้าง ราวกับเธอเคยพบพานมาก่อนเมื่อตอนไหน…

เจ็บนั้นย่อมเจ็บอยู่บ้าง โดยเฉพาะกับของเขา…ที่ใหญ่กว่าปกติ ถึงแม้จะเล้าโลมก่อนอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี…

เพียงแต่ความเจ็บนี้สำหรับเธอที่ล้มลุกคลุกคลานภายใต้กรงเล็บของสัตว์ร้ายเป็นประจำแล้ว ไม่นับว่าเป็นอย่างไรเลย ยังอยู่ในขอบเขตที่พอรับไหว เธอแค่รู้สึกว่าคุ้นๆ เท่านั้น…

เธอกอดเขาแน่น โพล่งถาม

“เมื่อก่อน…พวกเราไม่เคยทำกันจริงๆ หรือ?”

ตี้ฝูอีมองคิ้วที่มุ่นนิดๆ ของนาง

“โง่งม เจ้ายังบริสุทธิ์อยู่ เยื่อพรหมจรรย์นั้นยังอยู่ แน่นอนว่าไม่เคยทำ!”

เขามองออกตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วว่ากู้ซีจิ่วยังบริสุทธิ์อยู่ แต่กู้ซีจิ่วบอกเขาอย่างเต็มปากเต็มคำว่านางอาจจะมีสามีแล้ว เขาจึงมาใคร่ครวญดูว่าหรือเป็นเพราะนางใกล้จะบรรลุขั้นซ่างเสินแล้ว ต่อให้ไม่บริสุทธิ์แล้ว ก็อาจทำให้คนมองไม่ออกได้

แต่พอถึงยามนี้ เขาสัมผัสถึงเยื่อพรหมจรรย์ของนางได้ชัดเจน

สิ่งนี้ปลอมแปลงไม่ได้!

นางยังบริสุทธิ์อยู่!

ถึงแม้ท่านแม่จะเคยบอกเอาไว้แล้วว่า ที่โลกนั้นของนางมีศาสตร์การซ่อมแซมเยื่อพรหมจรรย์อันใดอยู่ แต่ด้วยนิสัยของกู้ซีจิ่ว หากว่านางประกอบกิจกับคนรักจริงๆ ไม่มีทางจะซ่อมแซมเยื่อพรหมจรรย์เด็ดขาด…

เมื่อดูจากรูปการณ์แล้ว ตอนนั้นนางกับหวงถูไม่ได้มีสัมพันธ์สวาทกัน หวงถูยังมิใช่สามีของนาง! อย่างมากก็เป็นแค่คนรัก…

ความรู้สึกนี้ทำให้ตี้ฝูอีโล่งอกยิ่งนัก

ความรู้สึกผิดที่เดือดพล่านอยู่ในใจบรรเทาลงไปมาก…

มาถึงยามนี้แล้ว สำนึกเสียใจใดๆ ล้วนไม่มีประโยชน์ ร่างกายเขาอยู่ในสภาพที่เจียนจะปะทุแล้ว…

เขาหลุบตามองนาง มองพวงแก้มที่ซับสีแดงเรื่อดั่งอาทิตย์อุทัย แนบจุมพิตลงไปอย่างร้อนแรงอีกครา

“ซีจิ่ว ไม่ว่าอย่างไร ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไป…แม้ว่าเจ้าจะสังหารข้าก็ตาม”

เงาร่างทาบทับประสานกัน เงาคนโยกไหว ทุกอย่างปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทุกอย่างราวกับเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง…

ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว กลิ่นสวาทในกระโจมยังไม่เลือนหาย ไอรักหนาแน่น

เรื่องบางเรื่องพอได้เริ่มขึ้น ก็ไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว ในที่สุดก็ปล่อยไปตามใจปรารถนา ต่างฝ่ายต่างปล่อยกายปล่อยใจตน

ต่างคนต่างถึงฝั่งฝัน ต่างคนต่างปลดปล่อย โอบกอดกันถึงฝั่งฝันไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ได้รับความสุขจากการบรรลุจุดสุดยอด…

….

แน่นอนว่าตี้ฝูอีไม่ได้เคี่ยวกรำเธอทั้งคืนจริงๆ

หนึ่งคือ นี่เป็นครั้งแรกของเธอ เคี่ยวกรำอย่างไม่ยับยั้งเช่นนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามก็เริ่มงอแงแล้ว พลางก่นด่าสิ่งที่เรียกว่ากินท่อนเดียวผงาดได้ทั้งคืนอยู่ในใจว่าบัดซบ เธอรู้สึกว่าถ้าถูกเคี่ยวกรำทั้งคืนจริงๆ คาดว่าร่างคงแหลกเสียแล้ว

สองคือ พรุ่งนี้ยังต้องพาคนหนีออกไปจากสถานที่ผีสางแห่งนี้อีก ทั้งคู่ต้องรักษาพละกำลังเอาไว้ มิใช่สิ้นเปลืองไปกับเรื่องนี้จนหมด

ดังนั้นหลังจาก ‘ฤทธิ์ยา’ บนร่างตี้ฝูอีสลายไปแล้ว ท่ามกลางคำอ้อนวอนอย่างต่อเนื่องของกู้ซีจิ่ว ในที่สุดตี้ฝูอีก็ยอมปล่อยนาง กอดนางไว้แล้วแล้วนอนหลับ…

ถึงอย่างไรร่างของกู้ซีจิ่วก็ไม่มีพลังวิญญาณ ภายใต้การเคี่ยวกรำเช่นนี้จึงสูญเสียกำลังไปมาก ซุกเกยอยู่ในอ้อมอกตี้ฝูอีหลับใหลไปแทบจะทันที ดูท่าแล้วฟ้าผ่าก็คงไม่ตื่น

เพียงแต่ก่อนที่นางจะหลับไปยังคงจับมือเขาไว้ตามสัญชาตญาณ สอดนิ้วประสานมือกับเขา เอ่ยงึมงำประโยคหนึ่ง

“นับจากนี้ไป เจ้าเป็นของข้าแล้ว ไม่อนุญาตให้จากไปไหนอีก…”

จากนั้นนางก็หลับใหลไปอย่างสบายใจยิ่งนัก ต่อให้หลับไปแล้ว ริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ยังหยักขึ้นน้อยๆ ราวกับแมวที่อิ่มหนำแล้ว

ตี้ฝูอีกลับหลับไม่ลงอยู่เนิ่นนานนัก มองใบหน้ายามหลับใหลของนางในอ้อมแขนอย่างเหม่อลอย

เขาเคยคิดเอาไว้เช่นกันว่าวันหน้าจะครอบครองนางเสีย ในสถานที่ทั้งสองฝ่ายรักใคร่กันแล้ว

————————————————————————————-

บทที่ 2145 ชาติก่อนตนจะใช่หวงถูหรือเปล่านะ?

เพียงแต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะรวดเร็วปานนี้!

ครั้งนี้ก็นับว่าเป็นการรักใคร่สมัครใจกันทั้งสองฝ่ายกระมัง?

แต่ว่า ถ้าหากวันหน้าความทรงจำของนางฟื้นฟูกลับมา…

นางจะด่าว่าเขาฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้อื่นหรือไม่? จะด่าว่าเขาไอ้สารเลวหรือเปล่า? จะตัดขาดกับเขาอย่างสมบูรณ์หรือไม่?

เขารู้ดีว่าที่ตนทำเช่นนี้ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่ค่อนข้างต่ำทรามด้วยซ้ำ แต่ว่า…เขาควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ…

เขาหลุบตาลงจุมพิตแพขนตาของนาง ตัวเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดถึงยึดติดกับนางมากถึงเพียงนี้ ความยึดติดอันแรงกล้านี้ทำให้ตัวเขาค่อนข้างหวาดหวั่นอยู่บ้าง

ท่ามกลางรัตติกาลอันมืดมิด เขายกฝ่ามือขึ้นมามอง ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจอีกครั้ง

ชาติก่อนตนจะใช่หวงถูหรือเปล่านะ?

จะใช่คนที่นางบากบั่นตามหาอย่างยากลำบากผู้นั้นหรือไม่?

เมื่อก่อนตี้ฝูอีปฏิเสธที่จะพิจารณาถึงความเป็นไปได้นี้ เนื่องจากเขาไม่อยากเป็นตัวแทนของผู้ใด ต่อให้เป็นตัวแทนของตัวเองในชาติก่อนเขาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนักอยู่ดี

แต่ตอนนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าถ้าหากว่าชาติก่อนตนคือหวงถูก็ดูเหมือนไม่จะแย่นัก อย่างน้อยหลังจากความทรงจำนางกลับคืนมาก็ไม่สามารถตัดขาดกับเขาได้จริงๆ…

แต่ว่า หากว่าไม่ใช่ล่ะ?

เขาหลับตาลงเล็กน้อย ปฏิเสธที่จะคิดต่อไป เลี่ยงไม่ให้ตนต้องติดอยู่ในวังวนปัญหาที่ยากจะคลี่คลายได้

เขามองมือที่สอดประสานกับนางอยู่ ถอนหายใจเบาๆ

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางในตอนนี้ผูกติดอยู่กับเขาชมชอบเขา หากว่าไม่มีบุรุษที่เรียกว่าหวงถูคนนั้น นางอาจจะรักเขาจริงๆ ก็ได้…

คนที่มีชีวิตอยู่บนโลก ต้องเห็นปัจจุบันสำคัญที่สุดสิ

เขาก้มลงไปจุมพิตริมฝีปากที่บวมเจ่อนิดๆ ของนางเบาๆ

“ซีจิ่ว อภัยให้ข้าด้วย…”

กู้ซีจิ่วที่อยู่ในอ้อมแขนเขาพลันมุ่นคิ้วนิดๆ พึมพำออกมาประโยคหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

“เจ็บ…”

ยังเจ็บอยู่หรือ?

หลังเสร็จกิจตี้ฝูอีได้ทำความสะอาดให้นางแล้ว เนื่องจากฤทธิ์ยา ถึงแม้เขาจะพยายามระวังแล้ว แต่ก็ยังรุนแรงไปบ้างอยู่ดี ทำให้นางเจ็บอย่างไม่อาจเลี่ยงได้

ดังนั้นตี้ฝูอีจึงทายาสมานแผลรักษาส่วนนั้นให้นางแล้ว ยาของเขาย่อมเป็นยาที่มีฤทธิ์น่าอัศจรรย์ ทาลงไปครึ่งชั่วยามอาการบวมก็หายไปแล้ว

ตอนนี้พอได้ยินนางที่อยู่ในห้วงนิทราบ่นออกมาว่าเจ็บโดยไม่รู้ตัว จึงตัดสินใจในทันใด ลุกขึ้นมาตรวจดูนางอีกครั้ง พวกว่าส่วนใหญ่หายดีแล้ว ว่ากันตามเหตุผล ไม่น่าจะรู้สึกเจ็บแล้วนี่…

“เจ็บตรงไหน?”

เขาถามอย่างคล้ายจะปะเหลาะ

นางก็ตอบอย่างว่าง่าย

“เจ็บไปทั้งตัวเลย…เหน็บกิน…”

ตี้ฝูอีนิ่งไปเล็กน้อย เขาบื้อใบ้ไปครู่หนึ่งจากนั้นก็หลุดขำอีกครั้ง

เคี่ยวกรำอยู่เนิ่นนานปานนั้น เธอจะเหนื่อยล้าเหน็บชาก็เป็นเรื่องปกติ

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงลุกขึ้นมาบีบนวดให้นางอีกครั้ง…

นางหลับลึกจริงๆ แขนขาถูกเขายกไปย้ายมาก็ไม่ตื่นเลย ตี้ฝูอีนึกสงสัยว่าถ้ายามนี้มีคนอุ้มนางขึ้นมาแล้วลักพาตัวไป นางก็คงไม่ตื่นขึ้นมาเลย

“เด็กโง่ การระวังตัวต่ำถึงเพียงนี้ เจ้ารอดชีวิตมานานขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”

เขาดีดนิ้วลงตรงหว่างคิ้วนางเบาๆ

นางฉวยมือที่ก่อเหตุของเขาไว้โดยสัญชาตญาณ จากนั้นก็ดึงเข้าไปหนุนใต้ใบหน้า เอ่ยงึมงำ

“ฝูอี ไม่อนุญาต…ไม่อนุญาตให้หนีไปอีกแล้ว…”

“อย่ากลัวไปเลย ถึงเจ้าลงแส้ก็ไม่ไปหรอก ซีจิ่ว เจ้ากับข้าทำแบบนี้กันแล้ว หลังจากกลับไปได้ข้าจะแต่งกับเจ้า…”

 เขาเอ่ยคำมั่น ความอบอุ่นในใจแทบจะผลิบานขึ้นมาเป็นชั้นๆ

อยู่ในห้วงนิทรานางก็ยังเพรียกหานามของเขา นี่ยืนยันได้แล้วกระมังว่าในใจนางมีเขาอยู่จริงๆ? อาจถึงขั้นที่หลงรักเขาแล้วกระมัง?

“เจ้า…เจ้าน่ะ…เคยทำแล้วใช่ไหม …มาก…ช่ำชองมาก…”

ตี้ฝูอีพูดไม่ออกเลย

เขาขอสาบานต่อสวรรค์ นี่เป็นครั้งแรกของเขากับนาง!

สาเหตุที่ ‘ช่ำชอง’ ได้ถึงเพียงนี้ ก็เป็นเพราะเข้าสู่ความฝันฤดูใบไม้ผลิของนางในครั้งก่อน ในความฝันเขาได้ประกอบกิจกับนางอย่างครบชุด…

ประกอบกับเขาท่องเที่ยวหาประสบการณ์ด้านนอกอยู่หลายปี คบหาสหายจำนวนหนึ่ง ในนั้นมีสหายเสเพลอยู่ด้วย

———————————————