บทที่ 602 หัตถ์แห่งความไม่แน่นอน
หลังจากเขียน ‘ว่าด้วยเรื่องกลศาสตร์ควอนตัม’ เสร็จสมบูรณ์ ลูเซียนกลับไม่ได้ส่งมันในทันที เขากลับศึกษาการประยุกต์ใช้มันและวิเคราะห์เวทมนตร์ระดับตำนานบทใหม่ที่ก่อตัวขึ้นภายในดวงจิตของเขา หลังจากได้รับการตอบสนองของโลกความเป็นจริง ทั้งดวงจิตและโลกแห่งปัญญาของเขาก็มีความมั่นคงขึ้นมาก และเขาก็ยังสร้างแบบจำลองเวทมนตร์ระดับตำนานบทที่สี่ได้แล้วอีกด้วย
หลังจากวิเคราะห์มากว่าหนึ่งเดือน ก็พูดได้ว่าลูเซียนเข้าใจเวทมนตร์ระดับตำนานแสนแปลกประหลาดยากจะคาดการณ์นี้ได้ดี มันคือเวทเสริมที่สามารถกะเกณฑ์คุณสมบัติบางประการของโลกอนุภาคไปจนถึงโลกมหัพภาคได้ เช่น ไม่ว่าการป้องกันของศัตรูจะแข็งแกร่ง น่าอัศจรรย์ใจ หรือน่าพิศวงมากเพียงใด มันย่อมมีความไม่แน่นอนอยู่ และมันก็เป็นไปได้ที่เวทโจมตีกับเวทลดทอนกำลังที่ยกระดับขึ้นโดยเวทเสริมจะพุ่งผ่านมันเข้าไปได้โดยตรง
ถ้าพูดให้ถูกกว่านั้นคือ ณ ชั่วเวลานั้น ความแน่นอนจะพังทลายลง ไม่ว่าศัตรูจะเตรียมเวทรักษาชีวิตมามากมายเพียงใด สร้างเครื่องรางกักพลังเตรียมไว้กี่ชิ้นต่อกี่ชิ้น และชีวิตของพวกเขาจะปลอดภัยอย่างที่สุดด้วยการเตรียมการพรรค์นั้นหรือไม่ มันก็ยังมีโอกาสที่จู่ๆ พวกมันจะสูญสลายไปเพราะอิทธิพลของเวทมนตร์
แน่อยู่แล้วว่า สำหรับลูเซียน ยิ่งศัตรูแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไร โอกาสก็จะต่ำลงเท่านั้น มีความเป็นไปได้เพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เขาจะทำลายความแน่นอนได้เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน แต่โอกาสจะลดลงต่ำกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ทันทีหากเขาเผชิญหน้ากับดักลาส แต่หากว่าเขาได้เผชิญหน้ากับพระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน โอกาสจะกลายเป็นต่ำกว่า 1/10000
‘ไม่แปลกใจเลยที่มันทำให้ข้ารู้สึกแปลกๆ เวทมนตร์ระดับตำนานบทนี้คืออาวุธที่ยอดเยี่ยมจริงๆ’ หลังจากวิเคราะห์เสร็จ ลูเซียนก็ลูบคางด้วยความรู้สึกหลากหลาย ‘แต่อะไรคือกลไกกันแน่ เพราะอะไรคุณสมบัติบางอย่างของโลกอนุภาคถึงเหมือนภาพสะท้อนของโลกมหัพภาคกันล่ะ สิ่งรบกวนถูกตัดออกไปอย่างนั้นหรือ ทำไมสิ่งรบกวนถึงถูกตัดออกไปกันล่ะ’
ดูเหมือนว่าลูเซียนจะเข้าใจลางๆ ถึงบางอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับธรรมชาติของวิญญาณและเวทมนตร์ นอกจากนี้ มันยังแตกต่างจากความสามารถของมือซ้ายเขาที่ทำให้เวทมนตร์กับพลังศักดิ์สิทธิ์เสื่อมฤทธิ์ได้
ทว่า ความคิดดลใจของเขากลับหายไปอย่างรวดเร็ว ลูเซียนทำได้เพียงส่ายศีรษะแล้วกลับไปพิจารณาชื่อที่นาตาซาคิดไว้ให้เวทมนตร์ระดับตำนานบทนี้ ท้ายที่สุด เขาก็ตัดสินใจใช้ ‘หัตถ์แห่งความไม่แน่นอนของลูเซียน’ ชื่อนี้อาจยาวเกินไป แต่มันหาได้สำคัญไม่ เวทบทนี้ไม่จำเป็นต้องร่ายคาถาออกมาแต่จะสามารถเพิ่มเข้าไปยามที่เขาร่ายคาถาเวทมนตร์บทอื่น และไม่จำเป็นต้องเตรียมการเพิ่มเติมอะไร
แต่แน่นอน ผลจากการเสริมบทเวท มันจะทำให้ต้องใช้เวลาร่ายคาถาต้นบทช้าไปหนึ่งวินาที และพลังจิตที่ต้องใช้ก็จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว ตามจริงแล้ว ระหว่างการต่อสู้หนึ่งๆ ลูเซียนควรจะใช้เวทมนตร์ระดับตำนานได้สี่บท แต่หากเป็นเวทมนตร์ระดับตำนานที่เสริมพลังด้วย ‘หัตถ์แห่งความไม่แน่นอน’ พลังจิตของเขาอาจหมดลงหลังจากใช้ไปเพียงสองบท
หลังจากวิเคราะห์เวทมนตร์เสร็จ ลูเซียนก็ตัดสินใจทุ่มเทความสนใจส่วนใหญ่ให้กับการสร้างแบบจำลองเวทบทนี้ตลอดเดือนถัดไป จากนั้นเขาก็ตรวจทานงานเขียนแล้วตรงไปยังหอคอยเวทมนตร์อัลลิน พร้อมแล้วที่จะส่งมันให้อาจารย์
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา สมาชิกสภาสูงสุดทุกคนต่างศึกษาฟังก์ชันคลื่น[1] ของอิเล็กตรอน แต่เพราะคณิตศาสตร์ยังมีความบกพร่องมากมายและขาดแนวคิดเกี่ยวกับสปิน[2] มันจึงแทบไม่มีความก้าวหน้าเลย แต่ว่าดักลาส แฮททาเวย์ และบรูค ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ เริ่มมีแนวคิดนี้และเริ่มปรับเปลี่ยนสูตรคำนวณบางอย่างไปแล้ว ส่วนจอมเวทคนอื่นๆ นั้น นอกจากงานวิจัยของตนเอง พวกเขาก็แทบจะอุทิศตนให้กับการออกแบบวงแหวนเวทที่เกี่ยวข้องกับการแทรกสอดและการเลี้ยวเบนของอิเล็กตรอน ช่างน่าเสียดายที่พวกเขาแทบไม่มีความคืบหน้าใดๆ เช่นกัน
แฮททาเวย์ เฮลเลน และเคลาส์ต่างแวะมาหาลูเซียนในระหว่างนั้น ทั้งสามต่างมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องแร่คริสตัล แต่ลูเซียนกลับบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาประสบปัญหาในตอนที่เขาพยายามจะศึกษาลงลึก เนื่องจากขาดแคลนสูตรคำนวณและความรู้ที่ควรจะมีอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม้ว่าแฮททาเวย์กับเฮลเลนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ต่างตั้งใจที่จะศึกษาค้นคว้าคณิตศาสตร์ด้านที่เกี่ยวข้อง
บางที คนรุ่นหลังอาจจะจดจำพวกเขาเพราะคุณงามความดีที่มีต่อคณิตศาสตร์อย่างใหญ่หลวงก็เป็นได้ ลูเซียนค่อนข้างมั่นใจในเรื่องนี้มากทีเดียว เพราะทั้งสามคนนั้นมีความสามารถด้านคณิตศาสตร์มากกว่าเขา แฮททาเวย์ถือเป็นหนึ่งในสามผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์จากทั้งสภาเวทมนตร์เลยทีเดียว
ในขณะเดียวกันนั้น ลูเซียนและนาตาซาต่างใช้ชีวิตเหมือนก่อนหน้านี้ แรงกดดันจากเหล่าผู้มีพลังขั้นสูงของศาสนจักรและคริโทเนียค่อยๆ ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา ซึ่งนั่นทำให้ชีวิตลูเซียนค่อนข้างสุขสบายทีเดียว นอกเหนือจากการศึกษาค้นคว้าอาร์คานาและเวทมนตร์แล้ว ก็ยังมีเสียงเพลง ความรัก เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าสนใจเพราะบุคลิกของทั้งคู่ เรื่องสนุกๆ ยามที่เขาทรมานลูกศิษย์อย่างแอนนิคกับไฮดี้ และมุกตลกแย่ๆ ที่เขาเสนอแนะเพิ่มเติมในระหว่างการเตรียมก่อตั้งวิทยาลัยหอคอยเวทมนตร์ สำนักหลานเซียง และสำนักสายสามัญทั้งหลาย
…
แทนที่จะกระโดดข้ามห้วงอวกาศตรงไปยังห้องทำงานของตน ลูเซียนกลับเดินเอื่อยเฉื่อยไปยังหอคอยเวทมนตร์อัลลินโดยที่มือทั้งสองข้างซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อสูททักซิโด้ เหตุผลของเขาไม่ใช่อะไรเลยนอกจากเพื่อมองป้ายสีแดงที่ห้อยอยู่ด้านนอกหอคอยด้วยตาตนเอง ในขณะเดียวกัน เขาก็ครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่ควรทำในเดือนมีนาคมไปด้วย ‘นอกจากสร้างแบบจำลอง “หัตถ์แห่งความไม่แน่นอน’ ข้าก็ต้องเริ่มเตรียมตัวสร้างอุปกรณ์ชั้นตำนานด้วย เพื่อที่จะพัฒนาทักษะด้านนี้ ข้าต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบไปมากทีเดียวตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางด้านการเล่นแร่แปรธาตุ แต่ลูเซียนกลับเป็นเพียงนักทฤษฎีมาตลอดและแทบไม่เคยสร้างอุปกรณ์ชั้นตำนานเลยสักชิ้น เขาถนัดทางด้านผสมน้ำยามากกว่าเมื่อเป็นเรื่องการสร้างของวิเศษ แต่การสร้างอุปกรณ์ชั้นตำนานแบบพิเศษนั้นไม่มีผู้ใดจะทำแทนเขาได้ ดังนั้นเขาจึงใช้คะแนนอาร์คานาส่วนใหญ่ที่เขาได้มาจากการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยกับทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ไปแลกกับวัตถุดิบทั้งหลาย เพิ่มพูนความชำนาญและความมั่นใจให้แก่ตนเองด้วยการทดลองเล่นแร่แปรธาตุซ้ำๆ
ครึ่งปีที่ผ่านมา ลูเซียนได้ทำลายของวิเศษและสิ้นเปลืองวัตถุดิบไปมากมายจนเกินจะนับไหว แม้ว่าจะขายของวิเศษที่เขาสร้างขึ้นได้สำเร็จ คะแนนอาร์คานาก็เหือดหายไปอย่างรวดเร็วและเหลือไม่มากแล้วในตอนนี้ แต่กระนั้น บัดนี้ เขาค่อนข้างมั่นใจกับการสร้างอุปกรณ์ชั้นตำนานทีเดียว
‘เป็นความจริงที่คนเราจะเพิ่มความสามารถได้ด้วยการใช้เงินลงทุนกับมัน…’ ลูเซียนนึกขันเมื่อย้อนนึกถึงเกมหลายเกมที่เขาเคยเล่นในโลกก่อน และในตอนนั้นเอง เขาก็มาถึงหอคอยเวทมนตร์อัลลินแล้ว และมองเห็นป้ายสีแดงแขวนอยู่เหนือปากประตู ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับตัวอาคารของหอคอยที่ดูงดงามชวนฝัน
‘สถานที่สอบเข้าวิทยาลัยเวทมนตร์ขั้นสูง’
ลูเซียนรู้สึกอยากจะแย้มยิ้มทันทีที่เห็นข้อความนั้น มันช่างอบอุ่นและคุ้นเคยเกินไปจริงๆ!
ด้านใต้ป้ายนั้น นักเวทมากมายต่างมารวมตัวกัน พวกเขากำลังอ่านประกาศแนะนำบนกระดานไม้ตรงประตูอย่างตื่นเต้น
“วิทยาลัยเวทมนตร์โฮลต์มีคณาจารย์ผู้มีความสามารถ อาจารย์หลายท่านของเราเป็นสมาชิกคณะกรรมตรวจสอบอาร์คานานอกเวลา…” นักเวททั้งหลายต่างตื่นเต้นเมื่อเข้าใจถึงสิ่งที่ข้อความนั้นต้องการจะสื่อ “นี่คือวิทยาลัยที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นจอมเวทระดับล่างใช่หรือไม่ เยี่ยมไปเลย! มันลำบากมากจริงๆ ที่ต้องเรียนรู้โดยไม่มีอาจารย์ ข้าไม่อาจเข้าใจบทความส่วนใหญ่ในวารสารเลยสักนิด”
“ใช่ เมื่อก่อนนี้ยังดีสิ แต่ทฤษฎีอาร์คานาทั้งหลายในทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมากในทุกๆ ปี ข้าไม่สามารถตามให้ทันได้เลย แม้ว่าข้าจะพยายามมากเพียงใด”
“วันสมัครวันสุดท้ายคือสิ้นเดือนมีนาคม ช่วงสอบคือ วันที่หนึ่งถึงวนที่หกเมษายน… เราจำเป็นต้องสอบผ่าน ‘การสอบเข้าวิทยาลัยเวทมนตร์ขั้นสูง’ ด้วยหรือ”
“นี่มันเยี่ยมไปเลย! เราไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปแล้วว่านักเวทที่มีปูมหลังดีๆ และมีเส้นสายจะฉกฉวยตำแหน่งของเราไป เช่นนี้จะนับว่าความสามารถคือสิ่งสำคัญ มาดูกันว่าจะมีการทดสอบอะไรบ้าง!”
“ใช่ ถูกต้อง! นี่คือวิธีการที่ยุติธรรมที่สุด!”
เมื่อได้ยินคำเยินยอด้วยความปิติยินดี ลูเซียนก็รู้สึกเหมือนริมฝีปากตนกำลังกระตุกรัวๆ เขาเพียงแต่หวังว่าเหล่านักเวทจะเก็บความคิดนี้เอาไว้และไม่สาปส่งเขาหรือ ‘การสอบเข้าวิทยาลัยเวทมนตร์ขั้นสูง’ ในอนาคต
…
หลังจากฝ่ากลุ่มจอมเวทที่หน้าประตูเข้ามาโดยไม่ดึงดูดความสนใจจากผู้ใด ลูเซียนก็มาถึงห้องสมุดของอาจารย์ และก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังจัดเรียงกระดาษรายงานของตนอยู่
“อาจารย์ทำการวิจัยเสร็จสมบูรณ์แล้วหรือขอรับ” ลูเซียนถามยิ้มๆ
เฟอร์นันโดเหลือบตาขึ้นมองเขา “ใช่ หลักการกีดกัน แต่ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจว่าเลขควอนตัมตัวที่สี่นั้นแทนค่าอะไร เจ้าเองก็ค้นพบอะไรบางอย่างเช่นกันหรือ”
ลูเซียนหยิบ ‘ว่าด้วยเรื่องกลศาสตร์ควอนตัม’ ออกมาแล้วยื่นส่งให้เฟอร์นันโด “ใช้คณิตศาสตร์แก้สมาการได้แล้วขอรับ แต่ความหมายแท้จริงทางอาร์คานานั้นยังต้องสำรวจค้นคว้ากันต่อไปขอรับ”
ขณะรับปึกกระดาษไป เฟอร์นันโดก็ถามอย่างระแวดระวัง “มันเป็นรายงานหักล้างหรือไม่”
“ไม่ขอรับ มันยึดหลักจากคุณสมบัติต่างๆ ของอนุภาคและความไม่ต่อเนื่อง” ลูเซียนลอบคิดในใจว่าสิ่งที่หักล้างทฤษฎีเดิมๆ มากที่สุดนั้นซุกซ่อนอยู่ภายในนั้นแล้ว แต่จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นมันจนกว่าความหมายของมันจะถูกค้นพบ นอกจากนี้ เขาเองก็ปกปิดส่วนที่พูดถึงหลักความไม่แน่นอนเอาไว้แล้วด้วย
“อนุภาคกับความไม่ต่อเนื่องงั้นหรือ” เฟอร์นันโดแย้มยิ้ม “เจ้ายืนยันว่าอิเล็กตรอนมีความเป็นคลื่น พร้อมทั้งกระตุ้นให้บรูค โอลิเวอร์ และแฮททาเวย์พิจารณามันจากมุมมองของคลื่น แต่เจ้ากลับแก้สมการนี้โดยใช้มุมมองของอนุภาค น่าสนใจเสียจริง”
เขาพลิกเปิดหน้ากระดาษ แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นคำนิยามและกฎการคำนวณของเมตริกซ์ สูตรคำนวณแสนคลุมเครือแปลกประหลาดนี้ดูเย็นชาและไม่เป็นมมิตรเลยจริงๆ หลังจากที่เขาอ่านมาถึงส่วนที่บอกว่าผลคูณในเมตริกซ์นั้นสลับที่ไม่ได้ เขาก็พลันเงยหน้าขึ้นมองไปทางชั้นหนังสือฝั่งตรงข้าม ขณะครุ่นคิดอย่างหนัก เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “สูตรการคำนวณสลับที่ไม่ได้… คล้ายกับว่าจะมีสูตรจำพวกนี้จากสมัยก่อนอยู่นะ แต่พวกมันใช้กับการวิเคราะห์ในระบบดั้งเดิมเมื่อนานมาแล้ว อีกอย่าง แนวคิดเบื้องหลังเมตริกซ์ของเจ้าก็สามารถย้อนรอยกลับไปยังบางสิ่งบางอย่างในอดีตเมื่อนานมาแล้วเช่นกัน…”
“ขอรับ” ลูเซียนไม่คิดปฏิเสธ มีสูตรคำนวณจำพวกหนึ่งที่เขาวางแผนไว้ว่าจะใช้มันแก้สมการในงานของเดียป จอมเวทในทุกวันนี้คุ้นเคยกับพวกมันมากกว่า อย่างไรเสีย โลกแห่งเวทมนตร์ก็มีความสำเร็จเป็นเอกลักษณ์ของมันเอง แต่ทั้งหมดนั้นกลับมีบางอย่างผิดปกติ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมทฤษฎีทั้งหลายที่เกี่ยวกับเซตและกรุปในพีชคณิตนามธรรมพัฒนาไปช้ามาก ดังนั้น เขาจึงพยายามสร้างความมั่นคงสมบูรณ์ให้กับรากฐานของคณิตศาสตร์
เนื่องจากยังไม่กระจ่างแจ้งในระเบียบวิธีที่ลูเซียนใช้ เฟอร์นันโดจึงไม่ได้เค้นถามต่อว่าเหตุใดเขาจึงสร้างสูตรคำนวณใหม่ขึ้นมา แทนที่จะใช้ของเก่าที่มีอยู่แต่เดิม และอ่านต่อไปเงียบๆ
เนื้อหาส่วนที่เหลือนั้นยากเกินจะเข้าใจได้ เฟอร์นันโดอ่านมันอยู่นาน ทั้งคิดคำนวณและพิสูจน์ความถูกต้องของมันไปด้วย
ในตอนที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วนั้น ในที่สุดเฟอร์นันโดก็เงยหน้าขึ้นหลังจากได้ผลลัพธ์จากเงื่อนไขการแบ่งแยกอนุภาคที่ตรงกับผลการทดลองซึ่งยึดหลักจากทฤษฎีใหม่ เขามุ่นคิ้วและถามด้วยความสับสน “ทุกอย่างถูกต้อง ข้าเองก็รู้สึกดีขึ้นมาก แต่ความหมายแท้จริงทางอาร์คานาในเมตริกซ์ของเจ้าคืออะไรกันแน่ การคำนวณของมันมีนัยยะอะไร เหตุใดจึงไม่มีแบบจำลองหรือภาพให้เห็นเป็นรูปธรรมเลยเล่า”
ลูเซียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยทวนสิ่งที่เขาเคยพูดเมื่อในอดีตว่า
“ประสบการณ์เชื่อถือไม่ได้ จินตนาการเชื่อถือไม่ได้ แบบจำลองและภาพทั้งหลายที่เรานึกคิดขึ้นก็เช่นกัน คณิตศาสตร์ต่างหากที่เปิดเผยทุกสิ่งอย่าง”
…………………………………………
[1] เป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นคลื่นของอิเล็กตรอน สัญลักษณ์คือ Ψ หรือ Psi
[2] คือคุณลักษณะพื้นฐานของอนุภาคมูลฐาน อนุภาคประกอบ และนิวเคลียสอะตอม อนุภาคมูลฐานประเภทเดียวกันทุกตัวจะมีเลขควอนตัมสปินเลขเดียวกัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของสถานะควอนตัมของอนุภาค