เรือนใหม่ โดย Ink Stone_Fantasy

เดิมทีเยี่ยเทียนอยากจัดของขลังป้องกันตัวให้คนในครอบครัวคนละหนึ่งอันอยู่แล้ว แต่เพราะของขลังที่อยู่ในมือมีไม่พอ ในที่สุดก็มีลู่ทางแล้วเยี่ยเทียนแสดงรอยยิ้มออกมา

แต่ครั้งนี้ได้ของขลังมาแค่หกชิ้น ดวงตาค่ายกลในเรือนสี่ประสานต้องใช้สองชิ้น ส่วนที่เหลือไม่ใช่นักษัตรของคุณลุงคุณป้า เพราะฉะนั้นเยี่ยเทียนจะรอของขลังที่เหลือจากตาแก่ก่อนแล้วค่อยให้คุณลุงคุณป้าอีกที

เยี่ยเทียนเพิ่งเดินออกมาจากห้องเก็บของ เห็นลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงลุกลี้ลุกลนวิ่งออกมาจากห้องพร้อมตะโกนออกมาว่า “หลันหลัน เหมาโถวล่ะ?”

“เหมาโถว” คือลูกตัวเฟอร์เรตที่เยี่ยเทียนเลี้ยง เจ้าตัวนี้ขี้ซนน่ารักมาก เยี่ยเทียนเลยตั้งชื่อให้มันว่าเหมาโถว ผู้หญิงในบ้านไม่มีใครไม่ชอบเจ้าตัวนี้

“พี่ เมื่อกี้มันยังดีดีอยู่เลย หันแว๊บเดียวไม่รู้ว่าวิ่งไปไหนแล้ว? ฉันกำลังหามันอยู่”

“เสียงถอนหายใจ ไม่ต้องหาแล้ว อยู่นี่ไง” เยี่ยเทียนจู่ๆก็รู้สึกกางเกงถูกดึงพอก้มลงดู ลูกตัวเฟอร์เรตกำลังใช้เล็บเท้าทั้งสี่อันเกาะและไต่ขึ้นมาที่กางเกง

“เจ้าเหมาโถวนิสัยไม่ดี พอเห็นพี่ก็ไม่สนใจฉันเลยนะ” เหมาโถวทำท่าทางอ้อนเยี่ยเทียนจนหลิวหลันหลันรู้สึกอิจฉา

“เอาน่า เปิดเรียนแล้วรีบไปดูหนังสือได้แล้ว” เยี่ยเทียนยิ้มและลูบหัวน้องสาว พร้อมใช้มือจับเหมาโถววางไว้ที่หัวไหล่ของตัวเอง

เจ้าตัวนี้โตเร็วมาก กลับมาไม่กี่วันจากตัวเท่าฝ่ามือ ตอนนี้ยาวเกือบๆสามสิบเซ็นแล้ว ขนสีบลอนด์ทั้งตัวสวยงามมาก

เยี่ยเทียนพาเหมาโถวถือโคมไฟทองแดงเดินมาถึงห้องนอนตัวเองที่อยู่ข้างหลัง วางโคมไฟไว้บนโต๊ะเสร็จก็เดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ออกมาอีกทีก็รู้สึกถึงพลังพิฆาตที่กำลังกระจายอยู่ในห้อง

“ของดีจริงๆ!”

ของขลังแบบนี้ สำหรับการก่อตัวของมันมีเงื่อนไขที่สูงมาก ไม่เพียงแต่หลุมคนตายจะต้องเป็นทำเลที่มีพลังชั่วร้าย และตัวของผู้ตายจะต้องมีแรงอาฆาตอีกด้วย ด้วยวิธีนี้จึงจะสามารถสร้างทำเลที่พลังหยินสามารถไปหล่อเลี้ยงภาชนะวัตถุข้างในได้ ประเทศจีนมีสุสานโบราณมากกว่าสิบล้านแห่ง แต่มีไม่มากที่ตรงกับเงื่อนไขนี้

“เอ๋ เจ้าตัวนี้นี่ มันเกิดอะไรขึ้น?”

สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนแปลกใจคือ เจ้าตัวเฟอร์เร็ตเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบของพลังพิฆาตเลย มันนอนหรี่ตาอยู่ใต้โคมไฟนกกระจอกชาดอย่างสบาย พอเห็นเยี่ยเทียนเดินมาก็กางแขนกางขาอยู่ตรงนั้นแสดงออกมาเหมือนมนุษย์มาก

“เจ้านี่มันเกิดบนภูเขาหิมะ คงเคยชินกับอากาศเย็นแบบนี้แหละมั้ง?” เยี่ยเทียนครุ่นคิดได้สักครู่และตอบกับตัวเอง

ห้องที่เต็มไปด้วยพลังพิฆาตยังไงก็ทำให้คนรู้สึกอึดอัด เยี่ยเทียนยืนอยู่ข้างหน้าโคมไฟนกกระจอกชาด มือสองข้างแตะมุทราขณะเดียวกันรวบรวมพลังชี่ดั้งเดิมในตัว ภายในห้องลมพัดดุจพายุหมุน พลังพิฆาตนั้นถูกเยี่ยเทียนรวบเก็บทันที

“เก็บไว้ก่อนดีกว่า วันหลังอาจจะได้ใช้!”

อาวุธสังหารไม่เพียงแต่เอามาเป็นดวงตาของค่ายกล เสริมกำลังแห่งการฆ่าได้ ในขณะเดียวกันมันสามารถใช้ควบคุมพลังพิฆาต แก้ไขฮวงจุ้ยของจุดสะสมพลังพิฆาตบางอย่าง บางครั้งประโยชน์ของมันยังสำคัญกว่าของขลังเสียอีก

แต่การเก็บสะสมอาวุธสังหารไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เพียงแต่ต้องรักษาไม่ให้พลังพิฆาตของอาวุธสังหารหายไป แต่ยังต้องคิดหาวิธีหล่อเลี้ยงมันไว้ด้วย

เยี่ยเทียนคิดดีแล้ว ถ้าค่ายกลของเรือนสี่ประสานตั้งเสร็จแล้ว เขาจะเอาโคมไฟนกกระจอกชาดอันนี้วางไว้ที่จุดหยิน และใช้พลังพิฆาตที่อยู่ภายในพระราชวังต้องห้ามมาหล่อเลี้ยงมัน ถ้าหากโชคดี ของขลังชนิดอื่นเช่น”ไร้ร่องรอย”อาจจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง

“จีจี……จีจี!” สัมผัสได้ถึงพลังพิฆาตที่หายไปแล้ว จู่ๆเหมาโถวก็คลานที่โต๊ะหมุนรอบโคมไฟนกกระจอกชาด ท้ายที่สุดก็ใช้เล็บอุ้มโคมไฟเอาไว้แสดงสีหน้าที่เพลิดเพลิน

“พอแล้ว ไม่ใช่ตะเกียงวิเศษอาหรับซะหน่อย ไม่ต้องคิดแล้ว……”

เห็นท่าทางของเหมาโถวเยี่ยเทียนก็อดขำไม่ได้ เขาไม่ได้สนใจมันอีก แต่กลับไปหาพู่กัน ผงสีแดง กระดาษสีเหลืองและเริ่มวาดยันต์ที่โต๊ะ

หลังจากโรคที่ไม่อาจเปิดเผยได้ในร่างกายได้รับการรักษาโดยใช้บัวหิมะเทือกเขาเทียนซานจนหาย นี่เป็นครั้งแรกที่เยี่ยเทียนทำยันต์ เยี่ยเทียนรวบรวมให้พลังชี่ดั้งเดิมอยู่ตรงปลายพู่กัน ขยับพู่กันดั่งโบยบิน เพียงแค่อึดใจเดียวเขาก็วาดยันต์เสร็จ

“ยันต์ผนึก ผลสัมฤทธิ์เป็นยังไงไม่รู้?”

ยันต์ที่เยี่ยเทียนวาดเป็นยันต์ที่ผนึกพลังพิฆาต ผลสัมฤทธิ์ของมันคล้ายๆ “หินไท่ซานมหามงคล” ของหมู่บ้าน ปกปักรักษาบ้านเรือนไม่ให้กระแสพลังพิฆาตเข้าใกล้

หลังจากที่เยี่ยเทียนหยิบโคมไฟนกกระจอกชาดและจับเจ้าเหมาโถวที่เกาะอยู่ลงมาแล้ว จากนั้นก็นำยันต์ห่อที่หลอดไฟ ทันใดนั้น พลังพิฆาตที่ไหลออกมาถูกเก็บเข้าโคมไฟทองแดงทั้งหมด

“จีจี……จีจี……”

เสี่ยวเหมาโถวจู่ๆก็พุ่งเข้าหาเยี่ยเทียนและร้องขึ้นมา คงรู้สึกว่าพลังพิฆาตที่ชอบหายไปแล้ว ขณะเดียวกันก็ปีนป่ายขึ้นหัวเยี่ยเทียนอย่างรวดเร็วดุจฟ้าผ่า โกรธจนใช้เล็บดึงผมของเยี่ยเทียน

เยี่ยเทียนคว้าเหมาโถวลงมา หัวเราะและพูดว่า  “อย่าซนเลยน่า  อีกไม่กี่วันเรือนสี่ประสานก็สร้างเสร็จแล้ว ที่นั่นมีพลังพิฆาตเยอะมาก แกจะเล่นยังไงก็เล่นตามสบายเลย……”

ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเฟอร์เร็ตเข้าใจคำพูดของเยี่ยเทียนมั้ย มันกรอกตาไปหนึ่งรอบจากนั้นกระโดดออกจากมือของเยี่ยเทียนและวิ่งออกไปลานข้างนอก

เยี่ยเทียนไม่ได้สนใจมันอีก เจ้าตัวเล็กนี่เข้าใจนิสัยมนุษย์ดีมาก มันจะไม่วิ่งออกจากเรือนสี่ประสานเลย และที่สำคัญตั้งแต่เหมาโถวมาอยู่ที่บ้าน หนูที่ออกมาบ่อยๆตอนนี้ก็หายไปแล้ว

………………

ในไม่กี่วันข้างหน้า เยี่ยเทียนจะรอโทรศัพท์ของชายแก่อยู่ที่บ้าน

รอจนถึงวันที่สี่ ชายแก่เพิ่งจะโทรศัพท์มา พูดกับเยี่ยเทียนอย่างละอายใจว่าเขาหามาได้แค่ห้าชิ้น

ของขลังหยกอีกหนึ่งชิ้น หลานชายของตาแก่เป็นคนใส่ไว้ แต่เมื่อวันก่อนหลานชายนั่งรถขยะเข้าไปในเมือง รถขยะนั่นตกลงไปในท่อ เด็กนั่นไม่เป็นอะไรแต่หยกดันแตกหัก

หลังจากได้ยินสิ่งที่ตาแก่เล่าแล้ว เยี่ยเทียนถอนหายใจและทำอะไรไม่ได้ พูดได้แค่หลานชายของตาแก่โชคดีมาก เป็นเพราะของขลังชิ้นนั้นช่วยให้เขารอดพ้นจากภัย

เยี่ยเทียนเองไม่ได้รู้สึกเสียดาย เขาเป็นคนที่เชี่ยวชาญเรื่องวิชาอยู่แล้ว และรู้หลักเหตุผลข้อกำหนดนั้นมีห้าสิบ ฟ้าสำแดงเพียงสี่สิบเก้า ทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่มีสิ่งไหนสมบูรณ์ ล้วนแต่มีข้อบกพร่องบางอย่าง และทุกสิ่งไม่มีอะไรแน่นอน แต่มีโอกาสอยู่เสมอถึงจะเป็นสิ่งที่ดี

และแน่นอนว่าเมื่อชายแก่ไม่สามารถจัดสิบสองนักษัตรให้เยี่ยเทียนได้ ทำให้มีเหตุผลในการไปกดราคา สุดท้ายแล้วเขาใช้เงินสามแสนรับซื้อของขลังอีกห้าชิ้นที่เหลือมาได้ เงินทีหาได้จากตู้เฉียงมาหนึ่งล้าน ตอนนี้เหลือแค่สองแสน

เยี่ยเทียนเคยสงสัยห้าขาดตกสามบกพร่องของตัวเอง จะเป็นเรื่องที่ขาดเงินจริงๆ?เพราะหลายปีมานี้เขาหาเงินได้หลายล้าน แต่ในมือกลับไม่เคยมีเงินเหลือ

แน่ละ มันเป็นเพียงความสงสัยของเยี่ยเทียน ถึงแม้เก็บเงินไม่อยู่แต่เงินก็ไม่เคยขาดมือ หลังจากที่ได้รับของขลังหยกจากตาแก่แล้ว เยี่ยเทียนก็เรียกคนในบ้านมารวมตัวกันและแจกของขลังให้กับทุกคนไป

บ้านคุณลุงคุณป้าของเยี่ยเทียนมีสมาชิกห้าคน ลู่เชินมีของขลังแล้วหนึ่งอัน บวกกับคุณป้ากับอาเล็กและ           หลิวหลันหลันเยี่ยเทียนแจกของขลังนักษัตรไปทั้งหมดเจ็ดชิ้น

หลิวหลันหลันกับอวิ๋นซีเกิดปีเดียวกัน เยี่ยเทียนจึงหานักษัตรที่มีความเชื่อมโยงกันกับปีนักษัตรของเธอให้กับเธอไป

ของขลังหยกพวกนี้ฝังอยู่ในสุสานเป็นเวลานาน ความวาวของพื้นผิวภายนอกมีความขุ่นมัวบ้าง นอกจากคนที่รับรู้พลังชี่หยินหยางของฟ้าสวรรค์อย่างเยี่ยเทียนแล้ว คนทั่วไปที่เห็นอาจจะจะไม่สนใจ เพราะฉะนั้นเยี่ยเทียนไม่กลัวคนที่เห็นของมีค่าแล้วเกิดความคิดขึ้น

หลังจากเหตุการณ์การไม่ได้สติของลู่เชินครั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนในบ้านเยี่ยหรือคนในบ้านลู่ ต่างก็เห็นถึงความสำคัญของของขลังแล้ว สำหรับของขลังหยกที่เยี่ยเทียนให้ ทุกคนต่างก็พกไว้ติดตัวอย่างระมัดระวังและให้ความสำคัญที่สุด

ต่อจากนี้ระยะหนึ่ง ก็น่าจะไม่มีเรื่องไม่เป็นเรื่องมากวนใจเยี่ยเทียนอีก เขาพาเสี่ยวเหมาโถวกลับไปที่เรือนสี่ประสานทั้งสองใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ในแต่ละวัน

พอถึงช่วงเดือนตุลาคม อากาศของปักกิ่งจะค่อยๆเริ่มหนาวขึ้น ใบไม้ของต้นตั๊กแตนแก่ต้นนั้นก็เริ่มร่วงโรยสู่พื้น และเรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียนก็ถึงเวลาเก็บงานแล้ว

การปรับเปลี่ยนเรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียน สิ่งที่ปรับคือการสร้างสภาพแวดล้อมมากกว่า ภายในและภายนอกของสิ่งก่อสร้างหลักมีการปรับปรุงใหม่บ้าง แต่ไม่ได้ทำอะไรกับเสาหลักของภายในเรือน เพราะฉะนั้นก็ลดพิธีตอกเสาเข็มบ้านที่สำคัญลงไปได้

วันที่เก็บงาน เว่ยหงจวินมาถึงเรือนสี่ประสานเช่นกัน เยี่ยตงผิงปิดร้านค้าที่เขตพานเจียหยวน และคนอื่นๆทั้งพี่ทั้งน้องต่างก็มารวมตัวกันที่บ้านใหม่ของเยี่ยเทียน

“ลุงเว่ย ขอบคุณลุงมากจริงๆ”

สำหรับเว่ยหงจวินไม่ต้องเกรงใจมากขนาดนั้น เยี่ยเทียนถือซองสีแดงไว้ในมือ มองไปที่หวังกงซึ่งเป็นคนสนิทของเว่ยหงจวินและพูดว่า

 “หวังกง นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของฉัน คุณรับไปสิ นี่เป็นอั่งเปาของแรงงานทุกคน คุณเอาไปแจกละกันนะ……”

“เห้ ไม่ต้อง เยี่ยเทียน ไม่ต้องจริงๆ!”ต่อหน้าเจ้านาย หวังกงกล้ารับอั่งเปาของเยี่ยเทียนที่ไหนละ? มือเอาแต่ผลักออก

เว่ยหงจวินขำขึ้นพูดว่า” หวังกง รับไปเถอะ แต่ห้ามมีครั้งต่อไปนะ……”

“ขอบคุณท่านประธานเยี่ยมากครับ ขอบคุณครับเถ้าแก่!” เว่ยวงจวินพูดแล้ว หวังกงจึงกึ่งผลักกึ่งรับอั่งเปานั่นมา

ถึงแม้จะไม่เปิดดู แต่พอใช้มือลองจับ หนาขนาดนี้อย่างน้อยๆก็ห้าพันหยวน ทำให้หวังกงแสดงความดีใจออกมา ในใจก็ชื่นชมเยี่ยเทียนว่าเป็นคนที่อยู่เป็น

“เปิดประตูฟ้า เปิดประตูดิน เงินทองผู้คนต่างเข้ามา ผู้มีคุณธรรมสูงปรากฎขึ้นเข้าสู่ประตู! “

พอถึงเวลาเที่ยงวัน หลังจากที่เยี่ยเทียนจุดประทัดดังห้าพันครั้งที่แขวนไว้หน้าประตูเรือนใหม่เสร็จแล้ว จึงนำยันต์ที่ทำขึ้นเองมาเผา ปากขยับไม่กี่คำพิธีขึ้นบ้านใหม่เป็นอันว่าเสร็จสิ้น

แน่นอนว่าข้าวมื้อเที่ยงกินในบ้านใหม่หลังนี้ แต่นอกจากเว่ยหงจวินแล้ว คนอื่นๆไม่ได้ถูกเชิญมา ข้าวมื้อนี้เริ่มกินจนเสร็จก็เป็นเวลาสี่ห้าโมงเย็นแล้ว เว่ยหงจวินร่ำลาเสร็จก็กลับไป

หลังจากที่ส่งเว่ยหงจวินเสร็จแล้วก็กลับไปที่ห้องด้านข้าง เยี่ยเทียนพูดกับทุกคนในบ้านว่า”พ่อ ป้าใหญ่ พวกเธอกลับไปเถอะ ช่วงกลางคืนฉันจะผนึกเรือนที่นี่ พวกเธอไม่ต้องมานะ……”

เรือนสี่ประสานถึงแม้ว่าจะปรับเปลี่ยนเสร็จแล้ว แต่เยี่ยเทียนยังไม่ได้เริ่มใช้ค่ายกล ฮวงจุ้ยในเรือนถึงจะไม่เลว แต่สิ่งที่เยี่ยเทียนคาดหวังยังต่างจากตอนนี้มาก มีเพียงเริ่มใช้ค่ายกลแล้วจึงจะนับได้ว่าเป็นทำเลที่มีฮวงจุ้ยดีมาก