วาจาดุจทอง โดย Ink Stone_Fantasy
“พ่อหนุ่ม แล้ว……เงินละ?”
เห็นสองมือที่ว่างเปล่าของเยี่ยเทียนกับเยี่ยตงผิงที่เดินตามหลังมา สีหน้าของชายแก่เจ้าของหยกก็เปลี่ยนไป เขาไม่ใช่โจรโจรกรรมสุสานที่เชี่ยวชาญเท่าไหร่ เป็นแค่คนที่อายุเยอะหน่อยในหมู่บ้าน เมื่อว่างจากการทำเกษตรก็มักจะรวมตัวหนุ่มๆกลุ่มหนึ่งหาเงินทางอ้อม
เดิมทีชายแก่นึกว่าครั้งนี้จะได้กำไรมากที่สุดแปดพันถึงหมื่น ไม่นึกว่าของห่วยๆนี่จะขายได้ถึงราคาห้าแสนทีเดียว เขาดีใจจนถึงที่สุดและกลัวเยี่ยเทียนจะเปลี่ยนใจ
เดินเข้าห้องไปแล้วเยี่ยเทียนพูดว่า “ลุง ลุงจะให้โอนเข้าบัญชีหรือว่าจะรับเงินสด?”
ชายแก่ไม่แม้แต่จะคิด ตอบไปทันทีว่า “เงินสดสิ คนแก่อย่างฉันไม่มีบัญชีธนาคารหรอก ฉันเอาแต่เงินสด!”
ชายแก่เองมีแผนอยู่แล้วในใจ คนบ้านนอกเป็นพวกโลกแคบ เงินห้าแสน แค่ชายแก่เก็บเงินไปสี่แสนห้า เอากลับไปที่หมู่บ้านห้าหมื่น แค่นี้หนุ่มๆแก๊งนั้นก็ดีใจแย่แล้ว
แต่ถ้าโอนเข้าบัญชีธนาคาร ต้องมีสองบัญชี เวลาโอนค่อนข้างลำบาก เพราะฉะนั้นชายแก่จึงอยากได้เงินสดเท่านั้น
“ตกลง งั้นก็เงินสด คุณผู้หญิงครับ รบกวนคุณเรียกท่านประธานจี่ให้หน่อยครับ!”
เยี่ยเทียนได้ยินดังนั้นก็ตอบตกลง หากจี่หรานโอนสักไม่กี่แสนคงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา พูดถึงวันนี้หากจี่หรานเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น คงไม่ต่ำกว่าห้าแสน
รอจนพนักงานคนนั้นเดินออกไป เยี่ยเทียนหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งซองจากกระเป๋าเสื้อผ้าของพ่อ ยื่นให้ชายแก่หนึ่งมวนพูดต่อว่า”คุณลุง เอาของพวกนี้มาจากไหนกัน ?สิบสองนักษัตรนี่ ยังขาดอีกหกอัน?”
ไม่ว่าจะเป็นของที่ร่วมเดินทางไปยังปรโลกหรือของเซ่นไหว้ โดยทั่วไปจะจัดเป็นชุดเป็นคู่ เยี่ยเทียนรู้ดีว่าของสิ่งนี้ไม่มีทางมีแค่หกอัน เป็นไปได้ว่ามีหยกอีกหกชิ้นที่เหลืออยู่ในมือของชายแก่
ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากที่หยกอีกหกชิ้นนั่นคือของขลัง เพราะของเซ่นไหว้หยกชุดนี้กินพื้นที่น้อย เวลาที่จัดวางตอนฝังศพจะถูกวางไว้ด้วยกันแน่นอน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ครึ่งหนึ่งเป็นของขลัง ส่วนอีกครึ่งเป็นจะเป็นแค่หยกธรรมดา
“แฮะ พ่อหนุ่ม ถามแบบนี้ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดนะ?” ถึงแม้ชายแก่จะไม่ใช่โจรขโมยสุสานที่เชี่ยวชาญ แต่เข้ามาอยู่ในวงการนี้ได้ ก็เพราะรู้ข้อกำหนดของภายในอยู่แล้ว ว่าการถามถึงประวัติความเป็นมานั้นเป็นข้อห้ามที่ใหญ่ที่สุด
หลังจากได้ยินคำพูดของชายแก่แล้ว เยี่ยเทียนตอบกลับไปโดยพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาว่า “คุณลุง วงการนี้ผมทำไม่ได้ ผมไม่แย่งธุรกิจของลุงหรอกน่า ผมแค่อยากจัดหาหยกพวกนี้ให้เป็นชุด ถ้าลุงไม่มี งั้นก็ไม่เป็นไร!”
“เอ่อ……” ชายแก่เผลอแสดงสีหน้าลังเลออกมา
“ลุง ถ้าไม่มีไม่เป็นไร ฉันพูดความจริงกับลุงคำนึงนะ หยกพวกนี้เป็นเพราะลุงเจอฉัน ถ้าเป็นคนอื่นสามพันห้าพันก็ไม่เลวแล้ว!” เยี่ยเทียนเติมไฟให้ชายแก่
เยี่ยเทียนไม่ได้หลอกชายแก่ นักสะสมของโบราณที่มาแลกเปลี่ยนที่นี่พวกนั้นไม่มีใครไม่ใช่พ่อค้าหน้าเลือด
ของที่ชายแก่วางไว้ตรงนั้นกว่าครึ่งค่อนวัน ก็เหมือนกับเยี่ยเทียนพูด คงตั้งขายในราคาสามพันห้าพัน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเยี่ยเทียนท้าทายกับเถ้าแก่อวี๋ ตกบ่ายชายแก่ก็คงขายแปดพันหนึ่งหมื่นไปแล้ว
ฉะนั้นหลังจากได้ยินเยี่ยเทียนพูด ชายแก่ไม่รู้สึกลังเลอีก ตอบกลับว่า”ตอนที่ขุดออกมามีสิบสองชิ้นนั่นแหละ เก็บไว้ในกล่องไม้อันหนึ่ง แต่เด็กๆในหมู่บ้านเห็นว่าเป็นนักษัตรของตัวเองจึงเอาไปเล่น……”
เล่าถึงตรงนี้ ชายแก่หยุดลงและแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์ออกมา”พ่อหนุ่ม ถ้าฉันรวบรวมหยกอีกหกชิ้นมาได้ เธอจะให้ฉันเท่าไหร่?”
ชายแก่เข้าใจดี หยกพวกนั้นมีมูลค่าไม่ถึงห้าแสน แต่บังเอิญเจอคนโง่ที่เงินเยอะขนาดนี้ เขาไม่มีวันทิ้งโอกาสครั้งนี้ไปแน่นอน
เยี่ยเทียนยื่นฝ่ามือออกไปแสดงท่าทางอย่างคนมีเงินเยอะต่อหน้าชายแก่และส่ายมือไปมา พูดต่อว่า”ราคาเดิม คุณลุง ถ้าเป็นของที่ตัวเองชอบ ฉันไม่สนใจเงินแค่นี้หรอก ขอแค่เอาอีกหกชิ้นมารวมกับพวกนี้ให้เป็นชุด ฉันให้ลุงอีกห้าแสน! “
“เธอพูดจริงเหรอ? ไม่ได้หลอกคนแก่อย่างฉันใช่ไหม?” ดวงตาชายแก่ลุกวาวทันที เขาแค่บอกเหตุผลสักอย่างกับเด็กพวกนั้นก็สามารถเอาหยกกลับมาได้แล้ว เงินห้าแสนก็เหมือนได้กำไรมาฟรีๆ
เยี่ยเทียนครุ่นคิดสักครู่หันไปขอนามบัตรกับเยี่ยตงผิงหนึ่งใบ เขียนเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองไว้แล้วยื่นให้กับชายแก่ พูดต่อว่า “คุณลุง โทรเบอร์ไหนก็ได้ที่อยู่บนนี้ ขอแค่ของครบ ห้าแสนแม้แต่เฟินเดียวก็ไม่ขาดแน่นอน!”
“ได้เลยพ่อหนุ่ม เธอรอเลย ช้าที่สุดห้าวัน…… ไม่สิ สามวันแล้วฉันจะโทรหาเธอ!”
ชายแก่ยื่นสองมือที่สั่นเทาไปหยิบนามบัตรมา สี่แสนห้าที่เขาจะเก็บไว้เอง บวกกับคำสัญญาของเยี่ยเทียนอีกห้าแสน เท่านี้เขาก็สามารถซื้อบ้านในเมืองซักหลังไว้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไม่ต้องอยู่ที่ชนบทอีก
“ตามนั้นนะลุง เรื่องนี้เรารู้กันสองคน ลุงอย่า……”
ชายแก่ไม่ว่ายังไง เพราะการแอบซื้อขายกับชายแก่เป็นการฝืนกฎของจี่หรานไปแล้ว พ่อเขายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในวงการโบราณวัตถุอีก เยี่ยเทียนไม่ต้องการสร้างความวุ่นวายให้กับพ่อ
เยี่ยเทียนยังพูดไม่จบ ชายแก่ก็เข้าใจทันที รีบตอบกลับว่า”ฉันรู้ คนแก่อย่างฉันรู้ เธอสบายใจได้เลยพ่อหนุ่ม……”
ทั้งสองคนเพิ่งคุยกันเสร็จ จี่หรานผลักประตูเดินเข้ามา ยิ้มและถามว่า “เยี่ยเทียน มีธุระกับฉันหรือ?”
เยี่ยเทียนตอบกลับตรงๆ อย่างไม่เกรงใจ “พี่จี่ ฉันจะรูดเงินห้าแสนที่นี่ ถ้าพี่สะดวกพี่ช่วยเอาห้าแสนให้ลุงคนนี้หน่อย!”
“ได้สิ เรื่องเล็ก” จี่หรานตอบตกลง หันไปพูดกับพนักงานที่อยู่ด้านหลังว่า “ไปเอาเครื่องรูดบัตร แล้วก็หยิบเงินสดห้าแสนมาด้วย……”
ท่าทางของจี่หรานทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกพอใจ พี่คนนี้ใช้ชีวิตเป็นแถมรู้จักกาลเทศะ ไม่เอาใจใส่เกินไปแต่ก็สร้างความประทับใจเอาไว้
หลังจากโอนเงินให้จี่หรานเสร็จ เงินสดห้าแสนที่อยู่ในกระเป๋าเป้ก็ถูกเอามาวางไว้ตรงหน้าชายแก่ ตั้งแต่ใช้ชีวิตมากว่าห้าสิบปีชายแก่ยังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อน ขนาดมือที่เปิดกระเป๋ายังสั่นเลย
“คุณลุง เงินพวกนี้ลุงต้องเก็บดีๆนะ เอาไปฝากไว้ที่ธนาคารเลยจะดีที่สุด!”
เห็นท่าทางตื่นเต้นของชายแก่ เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ถูกหรือผิด หรืออาจจะเป็นการกระทำของคนเหล่านี้แหละ ที่ทำให้สุสานโบราณถูกทำลายด้วยน้ำมือของเกษตรกรพวกนี้
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน จี่หรานยิ้มและพูดว่า “เยี่ยเทียน สบายใจเถอะ เรามีรถรับส่งเฉพาะให้กับทุกคน ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยแน่นอน”
“โอเค พี่จี่ วันนี้ขอบคุณพี่มาก!”
เยี่ยเทียนพยักหน้า ถามอย่างไม่ตั้งใจว่า “ว่าแต่พี่จี่ ปีนี้พี่อายุเท่าไหร่?”
“เหอะๆ ผ่านตรุษจีนก็จะสามสิบแล้ว มีอะไรรึเปล่าน้องเยี่ย?” คุณชายจี่ถึงแม้จะรู้สึกแปลกใจกับคำถามของเยี่ยเทียน แต่ก็ตอบกลับไปตรงๆ
เมื่อเห็นพนักงานพาชายแก่ออกไปแล้ว เยี่ยเทียนกดเสียงต่ำลงและพูดกลับว่า “พี่จี่ ถ้าพี่เชื่อฉัน พี่รีบจบๆมันไปเถอะ ไม่งั้นพี่จะโชคร้ายติดคุกภายในสองปีนะ!”
ถึงแม้จี่หรานจะไม่ทำเรื่องขุดสุสาน แต่เขาก็ให้สถานที่แก่คนเหล่านั้น ยังไงก็ได้รับกรรมทางอ้อม
เยี่ยเทียนสำรวจขมับกับมุมปากของจี่หรานพบว่าออกสีดำ ต้องเป็นแขกของเรือนจำแน่นอน หางตาออกช้ำ มีสีดำ ดวงตามีเส้นสีแดง ถ้ายังทำต่อไปยังไงเขาก็ต้องเข้าคุกตอนอายุสามสิบสอง
ตอนนี้ที่จี่หรานทำได้อย่างราบรื่นและไปได้ดี ก็เพราะว่าประเทศยังไม่เข้มงวด แต่ถ้าฝ่ายที่เกี่ยวข้องจริงจังขึ้นมา ถึงจี่หรานจะใช้อำนาจตระกูลของตัวเองมาช่วยก็ช่วยไม่ได้
เยี่ยเทียนไม่ชอบสร้างกรรมกับใคร วันนี้เขาได้ของขลังมาหกชิ้น เขาชี้แนะวิธีแก้ไขให้ถือว่าได้คืนหนี้บุญคุณเขาแล้ว
“อะไรนะ?!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว สีหน้าของจี่หรานเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ความจริงแล้วคนที่ทำงานวงการนี้มักมีความรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนเส้นเหล็ก แต่ก็เพราะวงการนี้ได้ผลประโยชน์สูงมากทำให้เขาไม่อยากวางมือ
“เหอะ ฉันพูดแค่นี้แหละ จะทำยังไงก็แล้วแต่พี่จี่……”
เยี่ยเทียนยิ้มแห้งๆ หนี้บุญคุณที่เขาติดจี่หรานมีค่าแค่คำๆนี้ แต่คำๆนี้มีมูลค่าสูงถึงทองพันชั่ง ถ้าฝ่ายตรงข้ามเป็นคนฉลาดเขาจะวางมือจากกิจการ แต่ถ้าจี่หรานเป็นคนโลภ แม้แต่เทวดาก็ช่วยเขาไม่ได้
“ขอบคุณนะ ฉันจะคิดไตร่ตรองเรื่องนี้ดู”
จี่หรานพยักหน้า ท้ายที่สุดเขามีกลุ่มผลประโยชน์หนึ่งกลุ่ม ถึงเขาอยากวางมือแต่ก็ต้องใช้เวลา
สั่งเสียจี่หรานเสร็จ เยี่ยเทียนไม่ได้ไปดูการประมูลข้างล่างต่อ หลังจากที่เขาพักผ่อนซักครึ่งชั่วโมงในห้องเสร็จ เขากับเยี่ยตงผิงมองเห็นรถซีดานโทรมๆขับออกจากลาน
แน่นอน ของที่ซื้อมาเก็บไว้ที่รถของเยี่ยตงผิงตั้งแต่ต้นแล้ว วัตถุโบราณพวกนี้ไม่ได้คิดเงินตามปริมาตร ของที่ซื้อมาด้วยเงินห้าแสนยังใส่ท้ายรถไม่เต็มเลย
“เสี่ยวเกอ เยี่ยเทียน กลับมากันแล้วเหรอ?”
ตั้งแต่ที่ออกจากบ้านของจี่หราน เยี่ยตงผิงโทรหาหลิวเวยอันให้ปิดร้านกลับบ้านเลย แต่พอรถเพิ่งขับเข้าเรือนสี่ประสาน หลิวเวยอันก็มาต้อนรับ รับกระสอบในมือของเยี่ยตงผิงไป
ของที่ออกมาจากดินมันจะถูกกัดเซาะด้วยดินกับน้ำใต้ดินและต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษหลังจากที่ซื้อมา เยี่ยตงผิงพาเยี่ยเทียนตรงไปที่ห้องเก็บของ
สองปีมานี้เยี่ยตงผิงเอาของเข้ามาในนี้ไม่น้อย เวลาจัดการขึ้นมาจึงทำได้คล่องมือมาก เหลือแต่ของชิ้นสุดท้ายของเยี่ยเทียน โคมไฟทองแดงกับหินหยกพวกนั้น
เยี่ยเทียนเลือกจากหินหยกทั้งหกและหยิบหยกหัวเสือออกมายื่นไปให้เยี่ยตงผิง พูดว่า “พ่อเกิดปีเสือใช่มั้ย?หยกอันนี้พ่อหาคนเจาะรูแล้วเลี้ยงไว้สิ แล้วก็ห้ามขายเด็ดขาดนะ ไม่ว่าเขาจะให้ราคาเท่าไหร่ก็ห้ามขาย!”
“นี่คือของขลังเหรอเยี่ยเทียน?” หลิวเวยอันเห็นหินหยกที่เยี่ยเทียนหยิบออกมาตกใจไปสักครู่
เยี่ยเทียนพยักหน้าตอบกลับไปว่า “ใช่แล้ว อาเขย ในนี้ไม่มีนักษัตรที่น้าเกิด น้ารอวันสองวันนะ เดี๋ยวฉันหามาให้อาหนึ่งอัน!”
หลิวเวยอันปัดมือตอบว่า”ฉัน……ฉันไม่กล้าใส่หรอก ของแพงขนาดนี้?”
“อาเขย ไม่มีของขลังใส่กับตัวแล้วจะขับไล่ภัยร้ายได้ยังไง?” เยี่ยเทียนหัวเราะ มือนึงหยิบโคมไฟทองแดงขึ้นมาพูดว่า”พ่อ อาเขย ฉันไปก่อนนะ ต้องไปจัดการของเล่นนี้หน่อย”