บทที่ 107: การปรากฏตัวของอุปกรณ์วิญญาณ
เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาแดงก่ำพร้อมกับไร้วาจาจะกล่าวต่อ
อย่างไรก็ตาม เหล่าคนรอบข้างก็ไม่มีสิทธิ์พูดสิ่งใดแม้ว่าจะอยากรู้สักเพียงไหนก็ตาม
“ฮ่าฮ่า!” แม่นางฉุ่ยจิ้งหัวเราะออกมาเสียงเบาพร้อมกล่าวว่า “แท้จริงแล้ว มันไม่ได้สำคัญนักหรอก และมันก็ไม่ใช่ความลับอะไรนัก ดีแล้วที่เจ้ารู้จักมัน ตอนนี้เราอยู่บนเวทีในระดับที่เท่าเทียมกัน!”
ขณะที่นางกำลังกล่าวเช่นนั้น นางโบกมือเบาพร้อมกับปรากฏเต่าดำขึ้นมาข้างตัวของนางและมีเหรียญทองหกเหรียญลอยอยู่รอบตัวของเต่าดำ
เต่าดำวิ่งไปรอบตัวของแม่นางฉุ่ยจิ้งราวกับเด็กน้อย ทุกการเคลื่อนไหวของมันเหมือนกับว่ามีชีวิตจิตใจอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นภาพที่ดูน่ารักน่าชังต่อผู้ชมโดยรอบอย่างแท้จริง
เหล่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้จักอุปกรณ์วิญญาณ มีเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันทั้งสองคน เสี่ยวไป่หลง และดาบเทวะไร้ผู้ต้านเท่านั้นที่รู้จักมัน ผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันไม่มีคำใดจะเอื้อนเอ่ยออกมา ภายในหัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา
แต่เสี่ยวไป่หลงและดาบเทวะไร้ผู้ต้านกลับตื่นเต้นจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เขาเผยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นพร้อมกับตะโกนออกมา “กระดองวิญญาณเต่าดำกับเหรียญชะตาฟ้าดิน! อุปกรณ์วิญญาณ! มันคืออุปกรณ์วิญญาณ!”
“อุปกรณ์วิญญาณ?”
“อุปกรณ์วิญญาณงั้นหรือ?”
“อุปกรณ์วิญญาณอะไรกัน?”
ขณะที่เหล่าคนรอบข้างได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับนัยน์ตาสีแดง ทุกคนรู้ดีว่าเหล่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนส่วนใหญ่แล้วไม่มีอุปกรณ์วิเศษระดับสูงในครอบครองอยู่แล้ว เพียงแค่ได้ชื่นชมอุปกรณ์วิเศษระดับสูง หรืออาวุธวิเศษระดับต่ำนั้นเพียงพอแล้วสำหรับพวกเขาที่จะเสียเวลาครึ่งค่อนวันเพื่อชื่นชมมัน แต่ในตอนนี้กลับมีอุปกรณ์วิญญาณสองชิ้นปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา มันเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินเท่านั้นที่จะครอบครองได้ แล้วเกิดเรื่องเช่นนี้ในพื้นที่ห่างไกลเมืองหลวงขนาดนี้ จะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้อย่างไร?
สำหรับเจ้าอ้วนที่เป็นตัวเอกของวันนี้ เขาจ้องมองไปที่อุปกรณ์วิญญาณทั้งสองชิ้นอย่างไม่วางตาพร้อมกับระมัดระวังมันทั้งสองอย่างรอบคอบ การมองแบบผ่าน ๆ นั้นคล้ายกับว่ากระดองวิญญาณเต่าดำนั้นดูจะไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่ แม้ว่ามันจะมีพลังวิญญาณจำนวนมาก แต่พวกมันก็มีความเป็นระเบียบ เจ้าอ้วนรู้มาว่าอุปกรณ์พวกนี้เต็มไปด้วยเงื่อนไขแห่งสวรรค์ จำนวนตัวเลขของจำนวนวิญญาณจะตรงกับจิตวิญญาณแห่งสวรรค์ ซึ่งไม่ใช่เพียงหนึ่งร้อยแปด แต่เป็นหนึ่งล้านแปดแสน! จารึกทั้งหมดถูกบันทึกไว้ในตัวของพวกมัน นี่คือความพยายามของอาวุโสนับพันปี
แม้ว่าแม่นางฉุ่ยจิ้งจะสามารถปลดปล่อยพลังของพวกมันได้ แต่ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่คอยปกป้องนางอยู่ เจ้าอ้วนต้องใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นับพันสายเพื่อทำลายพวกมัน แต่ในตอนนี้เขาอยู่ภายใต้กฎที่ไม่อนุญาตให้มีการใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหมายความว่าแทบไม่มีสิ่งใดที่เขาจะทำได้เลย
สำหรับเหรียญทั้งหก พวกมันเปล่งประกายดั่งเช่นทองคำและหมุนรอบเต่าดำราวกับว่ามีชีวิต แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งกว่าอาวุธวิเศษระดับสูง แต่มีสิ่งที่น่ารำคาญที่สุดสำหรับความสามารถของมันนั้นคือมันสามารถค้นหาจุดอ่อนและจุดแข็งของคู่ต่อสู้ได้ แม้ว่าในตอนนี้แม่นางฉุ่ยจิ้งยังคงอ่อนแอและไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่ ทว่ามันกลับมากเกินพอสำหรับการต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิ! นี่คือความน่ากลัวของอุปกรณ์วิญญาณ แม้ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้นหัดใช้อุปกรณ์วิญญาณ แต่ผู้ใช้ก็ยังคงสามารถท้าทายบุคคลที่มีระดับสูงกว่าตนได้อย่างง่ายดาย
ในขณะที่เจ้าอ้วนกำลังคิดเกี่ยวกับกระดองเต่าดำและเหรียญชะตาฟ้าดิน แม่นางฉุ่ยจิ้งมองไปยังระฆังยักษ์ของเขาอย่างไม่วางตา ระฆังที่ดูอ่อนแอนี้ช่างเต็มไปด้วยความซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแม่นางฉุ่ยจิ้ง นางฝึกฝนวิชาเทพธิดาพยากรซึ่งสามารถทำนายได้เกือบทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้ ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามของนางจะแข็งแกร่งเพียงใด ถ้าหากมีเวลามากพอ นางยังคงค้นหาจุดอ่อนของศัตรูได้เสมอ
แต่กับระฆังใบนี้ ตั้งแต่นางรู้ข่าวเกี่ยวกับมัน นางพยายามที่จะค้นหาความลับของมันมาตลอด ตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบันนางไม่พบเงื่อนงำใดเกี่ยวกับมันเลย ทั้งการใช้มัน วัสดุของมัน หรือจะเป็นจุดอ่อน จุดแข็ง นางไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้เลย
การทำนายสิ่งต่าง ๆ เป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับนาง เพราะไม่ว่านางอยากจะรู้สิ่งใด นางก็สามารถค้นพบมันได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม แต่สำหรับระฆังใบนี้ มันทำให้นางรู้สึกว่าไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน นางรู้สึกได้ว่ามันแข็งแกร่งมาก แต่กลับไม่รู้วิธีใช้มัน ในชั่วชีวิตของแม่นางฉุ่ยจิ้ง เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
หลังจากที่นางได้ทบทวนเรื่องราวทั้งหมด แม่นางฉุ่ยจิ้งทำได้เพียงหัวเราะอย่างขมขื่นพร้อมหยุดความคิดที่จะค้นหาต่อไป พร้อมกับมองไปที่เจ้าอ้วน ในเวลาเดียวกัน เจ้าอ้วนก็ได้ละสายตาของเขาจากอุปกรณ์วิญญาณทั้งสองชิ้นเช่นกัน พร้อมกับจ้องมองใบหน้าของแม่นางฉุ่ยจิ้ง พวกเขาทั้งสองสบตากันอย่างอ่อนใจ
พวกเขาทั้งสองคนต้องการที่จะได้รับชัยชนะในวันนี้ การจ้องตาในครั้งนี้เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของการต่อสู้ ดวงตาของทั้งสองเปล่งประกายออกมาอย่างล้นเหลือ
แต่เมื่อเหตุการณ์นี้ได้ผ่านการคิดอย่างรอบคอบ หลังจากที่พวกเขามองหน้ากัน พวกเขาทั้งสองคน พุ่งเข้าหากันทันที
เจ้าอ้วนรู้สึกว่าเขาถูกดูดเข้าไปในสถานที่ลึกลับ ในที่นี้มีแม่น้ำไหลนิ่ง พร้อมกับดวงดาราที่สุกสว่างอยู่บนท้องฟ้า แสงสีเหลืองสะท้อนกับผิวน้ำให้ความรู้สึกที่ลึกลับ เจ้าอ้วนรู้สึกราวกับว่าเขาถูกกฎแห่งสวรรค์ควบคุมเข้าแล้ว จิตวิญญาณแห่งเต๋าในตัวตนของเขาถูกก่อกวน ปราณจิตวิญญาณในตัวของเขาเริ่มไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายตามแบบของปฐมกาลแห่งความโกลาหล
จากมุมมองของคนที่อยู่ด้านนอก เจ้าอ้วนดูคล้ายกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะและมีคลื่นพลังวิญญาณที่รุนแรงระเบิดออกมาจากร่ายกายของเขา เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่โบกสะบัดด้วยลมที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ส่วนระฆังลอยเหนือศีรษะของเขาและสั่นไหวเล็กน้อย
ขณะนั้นแม่นางฉุ่ยจิ้งก็ปรากฏกายขึ้นภายในสถานที่เดียวกันกับเจ้าอ้วน นางเพียงเข้ามายังปฐมกาลแห่งความโกลาหล ไร้ท้องฟ้า ไร้พื้นดิน มีเพียงปฐมกาลแห่งความโกลาหลที่ไร้จุดสิ้นสุด ราวกับจักรวาล มีพายุ สายฟ้า วารี และอัคคี การเกิด การตาย พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่วุ่นวาย
แม่นางฉุ่ยจิ้งเข้าใจในกฎแห่งสวรรค์อยู่เล็กน้อย จิตวิญญาณแห่งเต๋าของนางสั่นไหวเล็กน้อยจากเหตุการณ์นี้ วิชาเทวะจันทราวารีไหลเวียนอยู่ในอากาศ อุปกรณ์วิญญาณทั้งสองของนางเคลื่อนไหวพร้อมกันอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันกำลังพบของเล่นชิ้นใหม่…