บทที่ 106**: พบเจอแม่นางฉุ่ยจิ้งอีกครั้ง**

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ในขณะที่เจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ หัวเราะออกมาเสียงดัง

เจ้าอ้วนรู้สึกขยะแขยงในขณะที่ได้ยินฉายาของพวกเขา ในสถานการณ์เช่นนี้ ใครจะหยุดเสียงหัวเราะเหล่านี้ได้ล่ะ?

มีศิษย์นอกสำนักมากมายที่เข้าชมการแข่งขันในวันนี้ พวกเขาไม่พอใจเหล่าศิษย์ชั้นในที่ชอบข่มเหงศิษย์นอกอยู่ประจำ ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความเอ็นดูแก่เจ้าอ้วนที่เป็นศิษย์นอกด้วยกันมากกว่า ดังนั้นจังหวะนี้จึงเป็นโอกาสที่พวกเขาจะสามารถปล่อยพลังเสียงการหัวเราะออกมาดัง ๆ โดยไม่ต้องคิดสิ่งใด และจำนวนคนที่เปล่งเสียงออกมาในครั้งนี้มากมายเกินกว่าที่เด็กหนุ่มผู้โง่เขลาทั้งสองจะจัดการได้

พวกเขาทั้งหมดตะลึงไปสักครู่เมื่อต้องเผชิญกับเสียงหัวเราะของฝูงชนมากมาย โดยเฉพาะเด็กหนุ่มทั้งสองคน ที่เริ่มรู้สึกหดหู่มากขึ้นทุกที

ผู้ที่สวมใส่ชุดสีเขียวไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากส่งเสียงคำรามออกมา “สารเลว เจ้ากล้าที่จะทำให้พวกเขาดูโง่เขลางั้นหรือ?!”

 

 

“เจ้าอ้วนสารเลว อย่าบอกนะว่าเจ้ากลัวดาบเทวะศักดิ์สิทธิ์ของข้า?” ฉายาดาบเทวะไร้ผู้ต้านได้ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ขณะที่พวกเขาตะโกนออกมา ผู้ชมโดยรอบยิ่งหัวเราะหนักมากขึ้นไปอีก ก่อนอื่นที่ทุกคนรู้คือฉายาเสี่ยวไป่หลงนี่ถูกบังคับให้เรียก แต่ชื่อดาบเทวะไร้ผู้ต้านฉายาสุดอัปยศนี้จะอยู่ในผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนอย่างนั้นหรือ? ถ้าหากว่ามันคือผู้ได้รับฉายาดาบเทวะไร้ผู้ต้านจริง ๆ แล้วดาบเทวะมังกรอัคคีของจ้าวสำนักล่ะ? ทุกคนต่างรู้ดีว่าทั้งคนสองตรงหน้านี้คือเหล่าคนโง่ที่มีพรสวรรค์ พวกเขาใช้ความมั่งคั่งของตระกูลเพื่อเข้าสู่การเป็นศิษย์ในเท่านั้น ในด้านฝีมือแล้วไม่ต่างอะไรจากขยะ พวกเขายังอยู่ห่างไกลกับคำว่าอัจฉริยะอย่างมาก บุคคลที่เหมือนกับแม่นางฉุ่ยจิ้งหรือหงหยิงเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเหล่าอัจฉริยะอย่างแท้จริง

หากประเมินกันตามตรงโดยไร้อุปกรณ์วิเศษใด ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาเทียบเท่ากับศิษย์ในเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงโชคชะตาอาจเล่นตลกกับพวกเขาสักเล็กน้อย พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่กลับถูกเรียกว่า เสี่ยวไป่หลง? ควรจะถูกเรียกว่า ดาบเทวะไร้ผู้ต้านงั้นหรือ? เห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเสียงประกาศที่พวกเขาพยายามจะสร้างชื่อให้กับตนเอง เช่นนั้นผู้คนรอบข้างจึงพ่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ

เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น ขาของเขาหยุดลงทันทีพร้อมกับเอามือปิดหูทั้งสอง พร้อมกับหลับตาลงอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่าเขารังเกียจพฤติกรรมเช่นนี้อย่างมาก ซึ่งการกระทำของเจ้าอ้วนในครั้งนี้เรียกเสียงหัวเราะได้อีกครั้งหนึ่ง

‘เสี่ยวไป่หลง’ และ ‘ดาบเทวะไร้ผู้ต้าน’ ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป พวกเขาคำรามออกมาพร้อมกับพุ่งเข้าไปหวังที่จะโจมตีเจ้าอ้วนเพื่อสั่งสอนบทเรียน

ในขณะนั้น มีแสงปรากฏห่างไกลขึ้นไปบนท้องฟ้า ปรากฏกายผู้ฝึกตนระดับจินตันชายหญิงขึ้นบนเวทีประลองทันทีเมื่อเห็นว่าสถานการณ์วุ่นวายกำลังจะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับเหล่าคนรอบข้างที่พยายามจะอดกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้อย่างถึงที่สุด

เมื่อเห็นผู้ฝึกตนระดับจินตัน ทั้งเสี่ยวไป่หลงและดาบเทวะไร้ผู้ต้านหยุดการกระทำทันที พวกเขาหยุดหาเรื่องเจ้าอ้วนพร้อมกับรีบเข้าไปทำความเคารพทันที

ฝูงชนทั้งหมดเงียบไปทันที เนื่องจากการปรากฏตัวของผู้ฝึกตนระดับจินตัน

ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปรากฏแสงสีขาวขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับร่อนลงมาอย่างแผ่วเบา นางยืนอยู่บนเวทีประลองห่างจากเจ้าอ้วนสิบฟุต นางคือคู่ต่อสู้ของเจ้าอ้วน เป็นแม่นางฉุ่ยจิ้งนั่นเอง

ก่อนที่แม่นางฉุ่ยจิ้งจะมีเวลาหายใจ นางได้ยินทั้งสองคนตะโกนออกมา “ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้ง ข้าเป็นศิษย์พี่ของเจ้าเสี่ยวไป่หลง! ข้ามาที่นี่เพื่อให้กำลังใจเจ้า! ไม่ต้องกังวลสิ่งใดพร้อมทั้งทำให้เจ้าอ้วนนี้ยอมศิโรราบให้จงได้!”

“ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้ง ข้าคือศิษย์พี่ซาง ดาบเทวะไร้ผู้ต้าน ข้ามาเพื่อเป็นสักขีพยานว่าไขมันสารเลวผู้นี้จะพ่ายแพ้ต่อเจ้าอย่างง่ายดาย!”

ในขณะที่ทั้งคู่ได้พ่นวาจาดังกล่าวออกมา เกิดความวุ่นวายมากมายในเหล่าฝูงชน สำหรับแม่นางฉุ่ยจิ้ง นางขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับอยู่ในความรู้สึกที่พูดไม่ออก ราวกับว่านางกำลังกินแมลงวันเข้าไปและใกล้จะอ้วกเต็มทีแล้ว

ผู้ฝึกตนระดับจินตันไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป หญิงสาวระดับจินตันตะโกนออกมาอย่างเด็ดขาด “ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องจงหยุดสร้างความวุ่นวายเดี๋ยวนี้!” พร้อมกันนั้นนางจ้องลงไปข้างล่างเวทีอย่างเกรี้ยวกราด

เจ้าคนโง่ทั้งสองยังมีคำพูดที่อยากจะกล่าวต่อ แต่กลับต้องหยุดปากไว้เพียงเท่านี้เมื่อพบเจอกับสายตาของผู้เชี่ยวชาญระดับจินตัน พวกเขาตกใจและหุบปากลงทันที เห็นได้ชัดเจนว่าเขากลัวหญิงสาวระดับจินตันผู้นี้อย่างมาก

เมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่สมควรและความวุ่นวายต่าง ๆ ได้จบลงแล้ว ชายผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันจึงประกาศเสียงก้อง “เริ่มการประลองได้!”

ถึงแม้ว่าผู้ตัดสินจะประกาศให้เริ่มการแข่งขันได้แล้ว แต่ทั้งสองไม่ได้ตั้งใจจะแข่งกันในทันที เจ้าอ้วนรู้สึกถึงความเป็นศิษย์น้องพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “ข้าแสดงความเคารพต่อศิษย์พี่อาวุโส ข้าหวังว่าศิษย์พี่จะไม่รุนแรงกับข้ามากเกินไปนัก!”

“เจ้ากำลังประจบข้า!” แม่นางฉุ่ยจิ้งตอบกลับอย่างสุภาพ “ศิษย์น้องอย่าถ่อมตัวมากเกินไป ข้าเกรงกว่าคนที่จะต้องร้องขอให้เบามือไม่ใช่เจ้า แต่เป็นข้า!”

“อา…” ในขณะที่นางกล่าวออกมาเช่นนั้น ฝูงชนโดยรอบต่างตกใจ เพราะพวกเขาทั้งหมดรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของแม่นางฉุ่ยจิ้ง นับเป็นครั้งแรกที่นางกล่าวออกมาอย่างจริงจังซึ่งมันต้องมีเหตุผลที่นางทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน แม้ว่ามันจะไม่ได้หมายความว่านางนั้นอ่อนแอกว่า แต่แสดงให้เห็นถึงความระมัดระวังที่แม่นางฉุ่ยจิ้งมีต่อซ่งจง อีกทั้งยังไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะ ปรากฏการณ์นี้ต่างสร้างความงงงวยให้กับคนดู

แม้ว่าผู้ฝึกตนระดับจินตันจะได้ยินที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน พวกเขายังแสดงสีหน้าตกใจออกมา ทั้งสองคนรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของแม่นางฉุ่ยจิ้งดีว่านางเป็นนักพยากรในการดูแลของเทพธิดาเหมยฮวา ซึ่งแน่นอนว่าคำพูดที่นางกล่าวออกมาย่อมมีความหมายอยู่ลึก ๆ นอกจากนั้นพวกเขาพบว่ามันแปลกที่แม่นางฉุ่ยจิ้ง ผู้ซึ่งสามารถเอาชนะผู้คนที่นางต่อสู้ได้ทั้งหมดในสำนักเสวียนเทียน อีกทั้งนางยังเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าอยู่ในจุดสูงสุดของรุ่นอีกด้วย ถ้าหากมีศิษย์นอกที่สามารถต่อสู้กับนางได้ จะไม่ให้รู้สึกแปลกใจได้อย่างไร!

หลังจากที่เจ้าอ้วนได้ยินแม่นางฉุ่ยจิ้งกล่าวเช่นนั้น เขาหัวเราะอย่างขื่นขมพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์พี่หยุดล้อเล่นเถิด!”

“ไม่จำเป็น!” แม่นางฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาอย่างสงบ “ฉุ่ยจิ้งไม่เคยโกหกใคร! ระฆังยักษ์ของเจ้าวิเศษจริง ๆ อย่างน้อยในปัจจุบันนี้ข้าก็ยังไม่พบวิธีที่จะทำลายมัน!” ในขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น ดวงตาของนางจับจ้องไปที่เจ้าอ้วนพร้อมกับค้นหาจุดอ่อนของระฆังไปพร้อมกัน

เจ้าอ้วนไม่ใช่คนโง่เขลา หลังจากที่เขาเข้าใจความต้องการของนางแล้ว เขารีบหยิบมันออกมาด้วยการโบกมือแบบสบาย ๆ ของเขา ระฆังลอยอยู่บนฝ่ามือของเขาอย่างเรียบง่ายด้วยความสูงขนาดสองฟุต

“สิ่งนี้แหละ!” ดวงตาของแม่นางฉุ่ยจิ้งเป็นประกายขึ้นพร้อมกับยกยอมัน “มันช่างลึกลับ ข้าไม่เข้าใจแม้แต่รากฐานของมัน! ไม่ต้องพูดถึงการทำลายมันเลย! ถ้าหากศิษย์น้องใช้มันเพื่อปกป้องตนเอง แน่นอนว่าข้าจะไม่สามารถทำสิ่งใดได้!”

“ท่านเยินยอข้าเกินไปแล้วศิษย์พี่!” เจ้าอ้วนเผยยิ้มเล็กน้อยพร้อมกล่าว “ข้าเชื่อว่าท่านมั่นใจว่าท่านจะสามารถทำลายมันได้ ถูกไหม?”

เมื่อแม่นางฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางเผยยิ้มเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “ราวกับว่าเจ้ารู้อะไรบางอย่าง! อา ข้ารู้แล้ว! ดูเหมือนว่าหงหยิงจะทรยศต่อข้า! อืม ข้าพูดถูกไหม?”