ตอนที่ 310 ควรจะอยู่ต่อ
“พี่!” ไป๋เสวี่ยร้อนใจมาก เลิกคำนึงมากมายแล้ว หันมามองพี่ชายด้วยแววตาวิงวอน เต็มไปด้วยคำขอโทษและรู้สึกผิด
อีลั่วเสวี่ยเม้มปาก “ทุกคนช่วยกันออกความเห็น จะตัดสินอย่างไร ฉันในฐานะเถ้าแก่ จะไม่ทำตามใจตัวเองละทิ้งหลักการเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นคนที่ฉันบ่มเพาะขึ้นเองหรือไม่ ทำผิดก็คือผิด ไม่อาจหนีความรับผิดชอบได้”
ที่เธอพูดไม่ใช่เพียงพูดให้ไป๋อิ๋นและพนักงานทุกคนฟัง ยิ่งต้องการพูดให้อาหม่าน หวังเทาและจินหวงฟังด้วย แม้สามคนนี้จะเป็นคนของเธอ แต่อยู่ในบริษัทก็ต้องทำตามระเบียบของบริษัท ให้รางวัลหรือลงโทษชัดเจน
ในห้องประชุมพนักงานที่อายุค่อนข่างมากคนหนึ่งชูมือขึ้นแล้วพูด “ท่านประธานพูดถูก บริษัทมีระเบียบของบริษัท ทำผิดก็ต้องลงโทษ ไม่ว่าใครก็หนีไม่ได้ แต่ครึ่งปีมานี้ หัวหน้าไป๋ขยันขันแข็ง แม้จะบอกว่าเขาดึงไป๋เสวี่ยเข้ามาทำงาน แต่งานที่เธอรับผิดชอบไม่ใช่ส่วนที่เป็นแกนกลางของบริษัท ยิ่งไม่เกี่ยวพันถึงงานการเงิน และพูดไม่ได้ว่าเป็นการถือประโยชน์ส่วนตัว ดังนั้นหัวหน้าไป๋จึงไม่ควรต้องต้องรับโทษถึงขั้นต้องลาออก”
ถัดมาเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างหนักแน่นเป็นคนพูด เธอเป็นคนที่มีครอบครัวแล้วและมีประสบการณ์ในการทำงานสูง ความคิดอ่านจึงมีน้ำหนักมากขึ้น “ท่านประธานคะ ดิฉันเห็นด้วยกับที่อู๋ฮุยพูด แม้ไป๋เสวี่ยจะเย่อหยิ่งเกินไปบ้าง แต่เธออยู่ในบริษัททำตามหน้าที่อย่างไม่เกียจคร้าน”
เพียงแต่เธออาศัยว่าพี่ชายตัวเองก็คือหัวหน้าไป๋ ดูโดดเด่น ทำให้คนอื่นรู้สึกขัดใจ ส่งผลต่อการทำงานบ้าง พูดตรงๆ ก็คือคิดว่าตัวเองดีเด่น มักจะอยากให้ตัวเองเป็นที่สนใจ
“ไม่รู้จักท่านประธาน ยังไม่ได้รู้ชัดว่าบริษัทรับพนักงานหรือไม่ก็พูดไปเอง ตัดสินใจโดยพลการ ย่อมไม่ถูกต้อง แต่สาเหตุของเรื่องนี้มาจากที่เธอทำงานไม่ละเอียดรอบคอบ บวกกับที่เธอไม่เคยเห็นท่านประธานมาที่บริษัทด้วยค่ะ” หลี่มี่ซึ่งประจำที่เคาน์เตอร์หน้าแสดงความเห็น
ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋เสวี่ยเองปกติไม่ใช่คนนิสัยแย่ ตอนนี้ยังยอมรับผิด หลี่มี่คงไม่ช่วยพูด อีกประการหนึ่งถ้าหัวหน้าไป๋ลาออกจากบริษัทย่อมเป็นการสูญเสียที่ใหญ่ เพราะเขาเป็นคนที่มีความสามารถมาก
ไป๋เสวี่ยได้ยินเช่นนี้ก็ตื้นตันใจจนเกือบร้องไห้ออกมา เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเมื่อดูจากการกระทำที่ผ่านมาของตนเอง เธอคิดว่าทุกคนคงอยากเห็นเธอนึกเสียใจ ที่ทำให้พี่ชายเธอต้องออกจากงาน
อีลั่วเสวี่ยยิ้มแล้ว “เมื่อเป็นเช่นนี้ดูแล้วจึงไม่ถือว่าเป็นความผิดของหัวหน้าไป๋ คนที่ต้องรับผิดชอบคือไป๋เสวี่ย”
ทุกคนผงกหัว “ใช่ครับ ส่วนปัญหาที่ว่าสองคนนี้จะอยู่หรือไป เชิญท่านประธานตัดสินจะเหมาะกว่า”
“ฉัน…ฉันยินดีลาออกเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหัวหน้าไปค่ะ” ไป๋เสวี่ยรีบแสดงท่าทีออกมา ไม่อยากให้กระทบไปถึงไป๋อิ๋น เธอไปก็ได้ เปลี่ยนบริษัท จะไม่ทำผิดพลาดอย่างนี้อีก
“ลาออก? ก่อนหน้านี้เธอบอกฉันว่ายินดีทำงานโดยไม่รับเงินเดือน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดครั้งนี้ หรือฉันฟังผิดไป?” อีลั่วเสวี่ยยิ้มที่มุมปาก ท่าทางเหมือนล้อเล่น
คนอื่นๆ ต่างแปลกใจ นี่หมายความว่ายังให้ทำงานต่อแต่ถูกตัดเงินเดือนใช่ไหม
ไป๋เสวี่ยตะลึงงัน “งั้น…งั้นท่านประธานเห็นด้วยใช่ไหมคะ?”
“ใครบอกว่าฉันเห็นด้วย ฝึกงานหกเดือน ไม่มีเงินเดือน ไม่มีวันหยุด ทำงานล่วงเวลาไม่มีค่าโอทีให้ ถึงเวลานั้นให้ทุกคนช่วยกันประเมิน ถ้าการฝึกงานไม่ผ่าน ก็ยังต้องไปจากบริษัท ทุกคนคิดว่าข้อเสนอนี้เป็นอย่างไร?”
บริษัทของพวกเขา พนักงานที่อยู่ในระยะฝึกงานได้เงินเดือนไม่น้อยเลย ถ้าฝึกงานโดยไม่ได้เงินเดือนเลย ออกจะแย่ไปหน่อย ทั้งไม่มีใครรู้ว่าจากนี้ไปจะมีคนไม่พอใจหรือไม่ ยังคงอยากให้ไป๋เสวี่ยไปจากที่นี่
ทุกคนเข้าใจดี นี่เป็นการให้โอกาสไป๋เสวี่ย ยังเป็นการทำให้ไป๋อิ๋นยิ่งซาบซึ้งต่ออีลั่วเสวี่ยมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการเตือนพวกเขาว่าไม่ใช่ใครก็จะมีโอกาสแก้ตัวแบบนี้ ทางที่ดีที่สุดคือตั้งใจทำงานอย่าทำผิดพลาด ไม่ใช่เพราะมีเส้นสายแล้วจะไม่ถูกลงโทษ
ตอนที่ 311 คนในบริษัทกินอาหารร่วมกัน
“ผมเห็นด้วย”
“ดิฉันก็เห็นด้วย…” ทุกคนพากันยิ้ม ต่างยินดีให้โอกาสไป๋เสวี่ย ในนี้พูดไม่ได้ว่ามีกี่คนที่จริงใจ แต่พวกเขาล้วนอยากอาศัยเรื่องนี้คบหาเพื่อนที่จริงใจ
ทั้งการช่วยพูดให้ไป๋อิ๋น ในการทำงานก็สามารถผ่อนคลายได้บ้าง ถือเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย
ไป๋อิ๋นมองดูอีลั่วเสวี่ยด้วยความตื้นตันใจ ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
“ขอบคุณ ขอบคุณครับท่านประธาน” นอกจากคำว่าขอบคุณแล้ว ดูเหมือนเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร สมัยนี้ไม่ใช่หางานได้ง่ายๆ ค่าตอบแทนสูงทั้งเถ้าแก่ยังใจดีก็ยิ่งมีน้อยเหลือเกิน
เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจให้บริษัทนี้มาก ย่อมไม่อยากจากไป เมื่อสามารถอยู่ต่อได้จึงดีใจจนบอกไม่ถูก
ไป๋เสวี่ยซาบซึ้งใจจนน้ำตาคลอ “ขอบคุณค่ะท่านประธาน ฉันรับรองว่าต่อไปจะตั้งใจทำงาน จะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามไร้สายตาอีกเด็ดขาดค่ะ”
จากนี้ไปเธอต้องจดจำข้อมูลของลูกค้าที่มีการติดต่องานกับบริษัทให้ชัดเจน นอกจากนี้เธอยังต้องทำการบ้านเกี่ยวบริษัทที่อาจมีความร่วมมือกัน เลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างวันนี้อีก
“หวังว่าเธอจะไม่พูดเพียงปากเปล่า” อีลั่วเสวี่ยยกมุมปากขึ้น น้ำเสียงราบเรียบ
ไป๋เสวี่ยหยิบป้ายชื่อขึ้นมากลัดที่อกเสื้อใหม่ “ไม่หรอกค่ะ คราวนี้ฉันจะจำเป็นบทเรียนไม่ทำผิดซ้ำอีกเด็ดขาด” มีคนให้อภัยครั้งแรก แต่ครั้งที่สองไม่แน่ว่าจะโชคดี
อีลั่วเสวี่ยกวาดตามองทุกคนรอบหนึ่ง “ทุกท่านมาอยู่กับบริษัทระยะหนึ่งแล้ว ฉันซึ่งเป็นเถ้าแก่ไม่ได้รวมกินอาหารกับทุกคนนานแล้ว ยิ่งไม่เคยเชิญทุกคนกินอาหาร วันนี้ดูแล้วมีงานไม่มาก งั้นให้เลิกงานเลย ไปกินอาหารด้วยกัน”
พอเธอพูดเช่นนี้ทุกคนก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ตอนที่เข้าทำงานในบริษัท อีลั่วเสวี่ยเคยพูดว่าเพราะบริษัทเพิ่งก่อตั้งใหม่ มีงานต้องทำมากมาย จึงจำเป็นต้องทำงานถึงวันเสาร์ ถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลา ไม่เช่นนั้นปกติสุดสัปดาห์ต้องหยุดสองวัน มีเพียงคนที่เข้าเวรเท่านั้น
แต่เวลานี้บอกว่าจะเชิญไปร่วมรับประทานอาหาร พวกเขาจึงตื่นเต้นดีใจ เพราะแม้จะไม่ร่วมกินอาหารด้วยกัน เถ้าแก่ก็จัดกิจกรรมต่างๆ ให้พวกเขาเข้าร่วมเสมอ กระทั่งสวัสดิการก็ดีกว่าบริษัทอื่น
“ว่าไง ทุกคนไม่ให้เกียรติฉันหรือ?” อีลั่วเสวี่ยขมวดคิ้ว ยิ้มอย่างร่าเริง
ทุกคนพากันสั่นศีรษะ “ไม่ ไม่ เราตื่นเต้นเกินไป ฮ่าฮ่า”
ในเมื่อเป็นเวลาเลิกงาน งั้นพวกเขาก็ไม่ต้องเคร่งครัดเกินไปแล้ว
อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “อย่าด่วนดีใจเกินไป กลับไปจัดการงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ เสร็จเมือไหร่ก็ไปกันเลย ฉันจะรอพวกคุณอยู่ที่ห้องทำงาน”
จากนั้นเธอก็ผละไปจากห้องประชุม ไม่สนใจว่าคนในนั้นดีใจกันเพียงไร
พออกจากห้องประชุมก็มองเห็นเสี่ยวเฟิงและหูปิงแต่ไกล ทั้งคู่ไม่มีบันทึกรอยนิ้วมือไว้จึงไม่สามารถเข้ามาได้ เธอเดินไปหาพวกเขา “ไปรอทุกคนในห้องทำงานฉัน ตอนนี้ฉันทำงานเสร็จแล้ว”
“รอทุกคน ทำอะไรหรือครับ” เสี่ยวเฟิงมีสีหน้าแปลกใจ เขายิ่งอยากรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง หรือว่าถึงจะเป็นผู้หญิงก็ไม่ต่างกัน คงจะแย่แน่ๆ
“ทายซิ?” อีลั่วเสวี่ยถามโดยไม่หันกลับมา เดินตรงไปที่ห้องทำงาน
ชั่วประเดี๋ยวเลขาก็ยกชาสองถ้วยเข้ามา ยังเติมน้ำร้อนลงในถ้วยชาของอีลั่วเสวี่ย
หูปิงและเสี่ยวเฟิงต่างงุนงง “แปลกจัง ทำไมพวกเขาดูดีใจขนาดนั้น แต่ละคนทำงานเหมือนได้กินยาบำรุงกำลัง?” หรือว่าหัวหน้าพวกเขามาบริษัท ทำให้มีแรงกระตุ้นขนาดนี้
หรือจะพูดว่าคนพวกนี้ต้องการทำงานอวดต่อหน้าเจ้านาย เป็นการเสแสร้ง?
หูปิงที่เกาะหน้าต่างเลิกม่านดูข้างนอกอยู่ผงกหัว มิน่าบริษัทในทีวีถึงชอบประชุม ที่แท้เป็นวิธีกระตุ้นคนนั้นเอง