ตอนที่ 308 เห็นความสำคัญของโอกาส
ขณะนี้ในใจไป๋เสวี่ยมีความปรารถนาเพียงอย่างเดียว นั่นคือให้พี่ชายตนยังคงอยู่ในบริษัท ส่วนตัวเธอเองนั้น จะลงโทษอย่างไรเธอยอมทั้งสิ้น เธอไม่ควรหยิ่งโอหังเกินไป
พี่ชายเก่งกว่าเธอมาก ทำเช่นนี้อาจทำให้เขาพลอยเดือดร้อนไปด้วย น่าเสียดายที่เวลานี้คิดได้ก็สายไปแล้ว เธอไม่รู้ว่าจะแก้ไขได้หรือไม่
อีลั่วเสวี่ยมองดูสองพี่น้องสกุลไป๋ผละออกไป แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์
แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยดูแลงานรูปธรรมของบริษัท แต่เมื่อมาบริษัทแล้วก็ต้องทำอะไรบ้าง พอดีตรงกับสุดสัปดาห์ เธอเองก็ไม่มีธุระอื่น ควรที่จะทำความเข้าใจสภาพของบริษัทบ้าง
ลูกบอลเงิน “แม่คุณ คนโบราณอย่างเจ้าจะเข้าในธุรกิจสมัยใหม่รึ?” น้ำเสียงมันเต็มไปด้วยความกังขาต่ออีลั่วเสวี่ย
“แม้วิญญาณข้าจะเป็นคนโบราณ แต่ข้ายังมีความทรงจำของคนเดี๋ยวนี้ อีกอย่าง ข้ามีพรสวรรค์พิเศษ มีสติปัญญาล้ำเลิศ ไม่ได้หรือไง? เรื่องการค้านั้น ส่วนใหญ่ก็คล้ายกัน”
การค้าในสมัยโบราณย่อมง่ายกว่าบ้าง ตั้งร้านอย่างถาวรในที่แห่งหนึ่ง ขอบเขตการค้าขายไม่กว้างใหญ่นัก แต่โลกนี้ต่างออกไป วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวหน้า การคมนาคมสะดวก ขอเพียงคนที่พอมีหัวการค้าบ้าง ทำการค้าเล็กๆ ย่อมไม่ขาดทุน
“เชอะ พูดยังกะว่าตัวเองเป็นยอดอัฉริยะ รู้จักถ่อมตัวบ้างไหม”
อีลั่วเสวี่ยยกมุมปากขึ้น “ไม่รู้จัก” จากนั้นก็จัองมองที่จอ นิ้วเคาะที่แป้นพิมพ์ ท่ามือคล่องแคล่วมาก
“ท่านประธานครับ น้ำชาของท่าน” อาหม่านเดินถือน้ำชามา เคาะประตูห้องอย่างระวัง แล้วถือน้ำชาเข้ามา
การเรียกขานเปลี่ยนไปแล้ว ดูท่าพวกเขาจะเข้าสถานการณ์แล้ว หรือไม่ก็เป็นหูปิงกับเสี่ยวเฟิงที่รออยู่ข้างนอก กำชับพวกเขาแล้ว
“วางไว้นั่นแหละ มีอะไรที่ไม่เข้าใจก็ถามพวกเขาได้” ก่อนหน้านี้เธอสัมภาษณ์คนเหล่านี้ด้วยตนเอง ทุกคนไว้ใจได้
อาหม่านพยักหน้าอย่างซาบซึ้งใจ “ครับท่านประธาน ผมเข้าใจแล้ว” จากนั้นก็ผละไป ไม่ได้คุยต่อ
ไม่นานนักก็ถึงเที่ยง คราวนี้เป็นพนักงานหญิงที่หน้าตาดี ดูคล่องแคล่วเดินมา เธอเป็นเลขานุการของอีลั่วเสวี่ย และเป็นเลขานุการของไป๋อิ๋นด้วย
ทั้งนี้เพราะอีลั่วเสวี่ยเป็นเถ้าแก่ที่ปล่อยมือ เรื่องทั่วไปมักจะพูดกับไป๋อิ๋นโดยตรง จากนั้นให้ไป๋อินจัดการ แล้วรายงานให้เธอรู้
“ท่านประธานค่ะ ที่ท่านสั่งให้ประชุมด่วน ทุกคนไปที่ห้องประชุมแล้วค่ะ”
อีลั่วสวี่วางงานในมือลง พยักหน้าแล้วลุกขึ้น “ไปกันเถอะ” การประชุมครั้งนี้เป็นการลงโทษพนักงานที่ทำผิดครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
เมื่อมาถึงห้องประชุม อาหม่านกับพวกซึ่งเป็นพนักงานใหม่นั่งอยู่แถวหลังสุด ไม่เห็นไป๋อิ๋นและน้องสาว คนที่เหลือรวมทั้งรปภ.มากันหมดแล้ว นอกจากการประชุมเรื่องงานซึ่งพวกเขาไม่เข้าร่วมแล้ว ถ้าเป็นการประชุมที่เกี่ยวข้องกับส่วนรวม ทุกคนในบริษัทจะเข้าร่วม
“ท่านประธานอี” พออีลั่วเสวี่ยเดินเข้ามา ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนกล่าวทักทาย
“นั่งเถอะ” อีลั่วเสวี่ยโบกมือให้ทุกคนนั่งลง แล้วเธอไปนั่งในที่นั่งแถวหน้าสุด
เธอกวาดตามองทุกคน ทั้งหมดมองตรงไปข้างหน้า ดูท่าคงจะรู้แล้วว่าทำไมจึงเปิดการประชุมครั้งนี้
“การประชุมด่วนวันนี้ ฉันคิดว่าทุกคนคงรู้สาเหตุแล้ว จุดมุ่งหมายที่ฉันเรียกทุกคนมาทุกท่านคงรูแล้ว ไป๋เสวี่ยเป็นพนักงานที่หัวหน้าไป๋รับเข้ามา ฉันพูดแล้ว ฉันไม่ถือสาที่พวกเราใช้เส้นสายนำญาติพี่น้องเข้ามาในบริษัท ขอเพียงทุกคนแยกระหว่างส่วนตัวกับส่วนรวมชัดเจน ฉันสามารถใช้เรื่องนี้เป็นสวัสดิการให้ทุกท่าน”
พอพูดจบอีลั่วเสวี่ยก็เปลี่ยนเรื่องทันที น้ำเสียงเย็นชาลง “แต่ไม่อนุญาตให้พาเข้ามาโดยที่ไม่แยกแยะดีชั่ว ฉันจ่ายเงินเดือนได้ แต่ก็ต้องมีผลงานตอบแทน”
ตอนที่ 309 ฉันทำให้ทุกคนผิดหวัง
ทุกคนมองหน้ากันไปมา ไม่พูดอะไร ต่างมองมาที่อีลั่วเสวี่ย ทุกคนซาบซึ้งใจที่เธอใจกว้างและเข้าใจพวกเขา บางคนในนี้มีประสบการณ์การทำงานมาก่อน เมื่อมาอยู่ที่บริษัทนี้ต่างไม่อยากจากไปไหน
เข้างานเลิกงานตามเวลาปกติ เงินเดือนและสวัสดิการสูง ทุกคนทำงานร่วมกันอย่างเบิกบาน ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ทุกคนปรารถนาให้บริษัทนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจะพลอยได้ดีไปด้วย
ดังนั้นตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัทจนถึงเดี๋ยวนี้ ยังไม่เคยเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น เพราะทุกคนล้วนมีความตั้งใจที่จะทำงานให้ดี และสามารถทำได้จริง
“ที่หัวหน้าไป๋ทุ่มเทให้บริษัทเรา ฉันคิดว่าทุกท่านย่อมรู้ดี” อีลั่วเสวี่ยพูดเท่านี้ ที่เหลือรอดูความเห็นจากคนอื่น
คนที่เหลือมองหน้ากันไปมา ลังเลเล็กน้อย แล้วมีคนพูดขึ้น “เวลาที่ท่านประธานไม่อยู่ที่บริษัท หัวหน้าไป๋ทำงานรับผิดชอบมาก หวังว่าท่านประธานจะยอมยกโทษให้ครับ”
“ผมเห็นด้วย” คนอื่นไม่พูดอะไรมาก แต่สีหน้าทุกคนล้วนหวังเช่นนี้อย่างจริงใจ
“ในฐานะเจ้านาย ฉันย่อมเห็นความทุ่มเทของเขา แต่เรื่องครั้งนี้ทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ฉันเองไม่ใช่คนที่ไม่มีรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ฉันจะให้โอกาสเขา แต่การตัดสินใจให้พวกคุณตัดสิน”
พออีลั่วเสวี่ยพูดจบก็หรี่ตาลง มองไปที่ประตู พนักงานที่นั่งติดกับประตูเปิดประตูออกทันที ไป๋อิ๋นกับไป๋เสวี่ยยืนอยู่นอกห้อง พอเห็นประตูเปิดออกจึงเดินเข้ามาในห้อง
ไป๋เสวี่ยเงียบขรึม สีหน้ารู้สึกผิด ไม่พูดแม้แต่คำเดียว ในเวลาเช่นนี้ถ้าร้องไห้โวยวายจะยิ่งทำให้คนอื่นรำคาญ ความจริงแล้วสีหน้าเธอเช่นนี้ทำให้ทุกคนนึกสงสาร
“หัวหน้าไป๋ คุณคงได้ยินที่ทุกคนพูดแล้ว ฉันยังคงใช้คำพูดเดิม เหมือนที่ทำมา ลงคะแนนตัดสิน ที่คุณบกพร่องต่อหน้าที่ครั้งนี้จะลงโทษอย่างไร ให้ทุกคนหารือแล้วลงคะแนน ไป๋เสวี่ยก็เช่นกัน”
ประเทศมีกฎหมายบังคับ บริษัทเธอก็มีระเบียบของบริษัท ควรจะทำอย่างไร ต้องยึดถือตามระเบียบ แต่มองอีกด้านหนึ่ง กฎเกณฑ์เป็นสิ่งที่ตายตัว คนต่างหากที่ยืดหยุ่น ที่สำคัญต้องดูผลงานและความสามารถด้วย
ดวงตาไป๋อิ๋นฉายแววตื้นตันใจ เขาเดินมาอยู่ด้านข้างอีลั่วเสวี่ย แล้วค้อมคารวะทุกคน
“ต้องขอบคุณทุกท่าน แต่ผมทำผิดต่อความไว้วางใจของท่านประธาน ทำผิดต่อการสนับสนุนของทุกคน ดังนั้นผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง ก่อนที่ท่านประธานจะหาคนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่แทน ผมจะจัดการมอบหมายงานอย่างชัดเจน”
นั่นหมายความว่าก่อนที่เขาจะจากไป รอจนกว่าอีลั่วเสวี่ยจะหาคนใหม่มาได้ เขาจะสะสางงานให้เรียบร้อย เป็นการแสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่จากไปอย่างไม่ใส่ใจ แสดงให้เห็นถึงนิสัยใจคอของคนคนหนึ่ง ความจริงแล้วเท่ากับเขาลาออกก่อนที่จะยื่นใบลาออกแล้ว
ไป๋เสวี่ยได้ฟังก็ร้อนใจ “ท่านประธานคะ ใครทำความผิดคนนั้นต้องรับผิดชอบ เป็นความผิดของฉันเอง ฉันเสียมารยาทต่อท่านประธาน ยังเย่อหยิ่งวางอำนาจ ทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง ฉันยินดีรับผิดชอบค่ะ”
พูดจบเธอก็ถอดป้ายพนักงานบริษัทบนหน้าอกออก วางลงบนโต๊ะ แล้วหันมามองทุกคน
“ช่วงเวลาที่ผ่านมา ต้องขอบคุณที่ทุกคนช่วยดูแล เป็นเพราะฉันเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ประสีประสา ทำให้ทุกคนพลอยเดือนร้อนไปด้วย ต้องขอโทษด้วยค่ะ แต่หัวหน้าไป๋เป็นผู้บริสุทธิ์ เขาไม่รู้เรื่องรู้ราว ดังนั้นโปรดอย่าโทษเขาเลยค่ะ”
ไป๋เสวี่ยพูดจบก็ค้อมคารวะหลายครั้ง
การกระทำเช่นนี้ของเธอทำให้คนในห้องประชุมซึ่งมีจำนวนไม่มากนักพากันขมวดคิ้ว แล้วเริ่มพูดหารือกันเบาๆ อีลั่วเสวี่ยไม่พูดอะไร รอดูคำตอบจากทุกคน
“เรื่องนี้ผมมีความรับผิดชอบ ผมเป็นหัวหน้าแผนก ควรจะทำตัวเป็นตัวอย่าง!” เดิมไป๋อินยังมีท่าทีที่ไม่มั่นใจ พอเห็นทุกคนแล้วก็ยิ่งตัดสินใจเด็ดเดี่ยวว่าจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น