ตอนที่ 182 สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ / ตอนที่ 183 ถูกตรึง

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 182 สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ 

 

 

 

 

 

เดิมทีคิดว่าผู้อาวุโสแห่งเผ่าอินทรีเงินนั้นจะต้องอาวุโสมากมาก แต่คาดไม่ถึงว่ากลับเป็นเด็กหนุ่มที่ท่าทางฮึกเหิม เขาชื่ออิ๋นหลาน อายุเพิ่งยี่สิบก็เป็นถึงอาวุโสแห่งเผ่าอินทรีเงินแล้ว เขาเป็นลูกชายของอิ๋นจ้าน ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ของเถิงเฟิง 

 

 

ที่เขาต่างจากชาวเผ่าอินทรีเงินทั่วไปก็คือสวมรัดเกล้าที่ทำด้วยเงิน ลูกหลานสกุลอิ๋นเมื่ออายุครบสิบหกแล้วจะใช้รัดเกล้าเงินรัดผมที่ยาวไว้ สวมชุดสีเงิน ทำให้ดูงามสง่าเป็นพิเศษ 

 

 

อิ๋นหลานมาถึงแล้ว เรื่องแรกที่เขาทำคือมาดูอาการของถังเฉียน เขาเติบโตมากับเถิงเฟิงตั้งแต่เด็ก อยากรู้ว่าสาวงามที่สามารถทำให้เถิงเฟิงมอบพรศักดิ์สิทธิ์ให้อย่างเต็มใจจะมีรูปโฉมเป็นเช่นไร แต่เมื่อเห็นถังเฉียนแล้วก็รู้สึกว่าหน้าตายังนับว่าไม่ขัดตา แต่ไม่ใช่โฉมสะคราญที่งามสะท้านแผ่นดิน 

 

 

“ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าหนูนี่เห็นว่าสวยอย่างไร นางหาใช่โฉมสะคราญสะท้านแผ่นดินแน่นอน เหตุใดเขาจึงตัดสินใจผูกมัดตัวเองเช่นนี้” 

 

 

เขาพึมพำออกมา ฉู่จิ่งเหยาได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่เอ่ยสิ่งใด เค่ออี้เล่าสภาพของถังเฉียนให้อิ๋นหลานรู้ อิ๋นหลานเป็นคนที่ใจกว้างมาก เขามอบอินทรีเงินไล่วายุลูกของอินทรีเงินจ้าวพายุ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอินทรีเงินให้ทันที 

 

 

“หากเป็นคนนอก ข้าไม่ให้ยืมเจ้าไล่วายุของข้าเด็ดขาด แต่คนที่เจ้าหนูเถิงเฟิงถูกตาต้องใจ วันหน้าก็คือน้องสะใภ้ของข้า จะอย่างไรก็ต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ พวกเจ้ากลับไปบอกเถิงเฟิงด้วย รอให้ข้าไปหา ให้เขาเลี้ยงเหล้าข้า” 

 

 

เค่ออี้ยิ้มแล้วรับปากแทนเถิงเฟิง อาห่าวห่อร่างถังเฉียนแล้วยกใส่ในตะกร้าใบใหญ่ ที่พื้นตระกร้าถูกรองด้วยผ้านวม เมื่อถังเฉียนถูกวางลงในตะกร้าก็หลับตาลง ขดตัวเข้าหากัน ดูน่าสงสาร 

 

 

“คืนนี้ยังไปไม่ถึง แต่พรุ่งนี้เช้าถึงแน่นอน พวกเจ้าวางใจได้ ข้าให้หน่วยอินทรีหิมะคอยคุ้มกันให้ ปลอดภัยแน่นอน ระหว่างทางพวกเจ้าให้คนไปกระจายข่าวว่า ข้าอิ๋นหลานเป็นผู้คุ้มครอง” 

 

 

ถังเฉียนเก็บคำพูดเหล่านี้ไว้ในใจ แต่นางยังคงขยับตัวไม่ได้ ราวกับร่างกายไม่ฟังการควบคุมของนางแล้ว นางเหลือเพียงสติสัมปชัญญะเท่านั้น ได้แต่รอคอยด้วยความอดทน  

 

 

แม้จะไม่ได้เห็นอินทรีเงินจ้าวพายุ แต่เจ้าอินทรีเงินไล่วายุ ก็มีร่างกายแข็งแรงใหญ่โต ปีกหุบเข้ามาครึ่งหนึ่ง แต่เมื่อมันร่อนลงมาเกาะบนขื่อ ปีกมีความยาวราวสองห้อง อิ๋นหลานผิวปาก เจ้าไล่วายุบินขึ้นไปกลางอากาศสูงลิ่วทันที 

 

 

เป็นครั้งแรกที่คนของจวนจินซิวอ๋องเห็นอินทรีเงินที่ขนาดใหญ่โตเช่นนี้ เดิมพวกเขาคิดว่าอินทรีดำที่เห็นบินอยู่บนท้องฟ้านั้นตัวใหญ่มากแล้ว วันนี้จึงนับว่าเป็นการได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง   อิ๋นหลานคุ้นเคยกับสายตาที่ประหลาดใจของคนเหล่านี้ดี เขาพูดตามสบายว่า  

 

 

“นี่ก็แค่เจ้าไล่วายุตัวลูก ถ้าพวกเจ้าได้เห็นเจ้าจ้าวพายุกางปีกละก็ ปิดเมฆบังแสงตะวันเชียว” 

 

 

แม้อิ๋นหลานจะพูดเรื่อยเปื่อยแต่ก็ไม่อาจปิดบังความหยิ่งผยองและภาคภูมิใจบนใบหน้าตน ฮว่าเหยียนห่มผ้าให้ถังเฉียน นางใช้มือที่ขาวซีดเ**่ยวย่นลูบบนหน้าผากถังเฉียนเบาๆ นางพูดปลอบน้ำตาคลอ ใครเห็นก็รู้สึกว่าเป็นความผูกพันที่ลึกซึ้งระหว่างแม่ลูก 

 

 

แต่ถังเฉียนกลับรู้สึกเจ็บที่กลางกระหม่อมเหมือนถูกเข็มแทง 

 

 

“อาหรูน่า เจ้าต้องอดทน รอพบกันที่เขาศักดิ์สิทธิ์” 

 

 

ถังเฉียนขยับตัวไม่ได้ ไม่สามารถแม้แต่จะลืมตาขึ้น แต่นางรับรู้ทุกอย่างอย่างชัดเจน ราวกับอยู่ในความฝัน 

 

 

‘ฮว่าเหยียนทำสิ่งใดกับข้ากันแน่ หรือนางช่วยรักษาข้า’ 

 

 

ถังเฉียนไม่รู้ว่าเข็มบนศีรษะตนนั้นมีผลอย่างไรกันแน่’ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 183 ถูกตรึง 

 

 

 

 

 

ถังเฉียนอ้าปากไม่ได้ นางจำไว้ในใจเท่านั้น เจ้าไล่วายุขยับปีกแล้ว นางรู้สึกว่ารอบๆ มีแรงกดดันอย่างหนึ่งกดลงบนทรวงอกนาง แต่แรงกดดันดังกล่าวสลายไปอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกสบาย 

 

 

ถังเฉียนรู้สึกสมองหนักอึ้ง นางไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับแล้วฝันไป หรือว่านางกำลังอยู่ในความฝันตลอดเวลา เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง ไม่ทันได้เห็นเมฆยามเช้า เห็นเพียงแค่มุ้งสีแดงดำที่แขวนอยู่เหนือศีรษะของตนเอง นับตั้งแต่มาที่เผ่าม้ง ทุกครั้งที่ถังเฉียนตื่นขึ้นจะต้องใช้เวลานานจึงจะรับรู้ว่าตัวเองอยู่ที่เผ่าม้ง มิใช่ตายไปแล้ว 

 

 

‘เถิงเฟิง?’  

 

 

ถังเฉียนอยากเคลื่อนไหวร่างกาย หากแต่ทำไม่ได้ ร่างนางเหมือนถูกตรึงเอาไว้ นางพยายามขยับตัวแต่ก็ยังขยับเขยื้อนไม่ได้  

 

 

“อาหรูน่า ไม่ต้องกลัว ตอนนี้เจ้ายังตื่นไม่ได้ ให้สติเจ้าจมลึกอยู่ภายในร่างเจ้า ใช้หัวใจเจ้ารับรู้ข้า…” 

 

 

ถังเฉียนได้ยินเสียงที่คุ้นเคยข้างหู นางรู้ว่าเถิงเฟิงกำลังรักษานางอยู่ บางครั้งรู้สึกว่าโชคชะตาช่างแปลกจริงๆ เห็นชัดๆ ว่าเถิงเฟิงเป็นคนป่วยของนาง แต่ทุกครั้งกลับเป็นเถิงเฟิงที่คอยรักษานาง ส่วนนางคอยรักษาฉู่จิ่งเหยา ราวกับคอยดูแลกันเป็นวงจร  

 

 

“ลืมตาขึ้น สำหรับเจ้าแล้วจะมองเห็นแสงอรุณหมื่นวาของเขาศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เป็นเวลาที่งดงามที่สุด อย่านึกถึงเหนือหัวเตียงเจ้า คิดว่าข้ารอเจ้าอยู่ในมวลหมู่เมฆ” 

 

 

เสียงนี้ช่างมีแรงดึงดูดอย่างมากจริงๆ นางรู้สึกว่าศีรษะของตนนั้นหนักอึ้งแต่เท้ากลับเบาหวิว แล้วก็หลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นทะเลเมฆกำลังม้วนตลบ ทั้งยังมีแสงอรุณของเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เถิงเฟิงพูดถึงนับครั้งไม่ถ้วน 

 

 

“สวยมากจริงๆ ใช่หรือไม่” 

 

 

ถังเฉียนหันมา เห็นเถิงเฟิงในชุดสีแดง นั่งชิงช้าจากที่ไกล แกว่งเข้ามาใกล้นาง พอนางก้มลงมองจึงพบว่าเท้าไม่ได้แตะพื้น แต่กำลังยืนอยู่ในทะเลเมฆ กำลังขับเมฆขี่หมอก ถังเฉียนกลัวว่าถ้าเสียสมดุลก็จะตกลงไป  

 

 

ถังเฉียนเซเล็กน้อย เถิงเฟิงคว้าแขนนางไว้ แล้วยืนอยู่กับนาง 

 

 

“เจ้าคงแปลกใจว่าที่นี่คือที่ใด นี่คือที่ว่างในใจข้า คนเรามีสามวิญญาณหกดวงจิต หนึ่งวิญญาณกับสองดวงจิตของเจ้าถูกมือผีเอาไป ยังอีกหนึ่งวิญญาณกับหนึ่งดวงจิตถูกฮว่าเหยียนปิดกั้นไว้ในจิตใจเจ้า ดังนั้นขณะนี้เจ้าจึงมีเพียงหนึ่งวิญญาณกับสามดวงจิตอยู่ต่อหน้าข้า ส่วนร่างกายของเจ้าจมสู่ภาวะสลบไสล” 

 

 

ถังเฉียนพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เขาพูด ไม่รู้ว่าเพราะตนเองเหลือเพียงหนึ่งวิญญาณกับสามดวงจิตหรือไม่จึงรู้สึกว่าตนนั้นโง่เขลา เถิงเฟิงลูบศีรษะนาง แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า 

 

 

“ไม่ต้องวิตก ข้ากำลังคิดหาวิธีช่วยเจ้า เวลานี้เจ้าพยายามทำความคุ้นเคยกับที่นี่ก็พอ ที่นี่มีทุกอย่างที่เจ้าชอบ เจ้ายังสามารถอาศัยหนึ่งวิญญาณกับสามดวงจิตไปยังที่ใดก็ได้ที่เจ้าอยากไป นี่คือโลกแห่งจิตใจ อยู่นอกเหนือการควบคุมใดใด” 

 

 

คำพูดที่ว่าอยู่นอกเหนือการควบคุมใดใดๆ ทำให้ถังเฉียนรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เหตุใดคนเราจึงไม่ถูกควบคุม ก็เหมือนที่นกอินทรีบินได้แต่คนบินไม่ได้ แต่นาง… 

 

 

“ข้ารู้ว่าเรื่องนี้เข้าใจยาก เจ้าจะเข้าใจว่าเป็นความฝันก็ได้ เมื่อมีข้าอยู่ด้วยต้องเป็นฝันที่งดงามแน่นอน” 

 

 

นางฟังที่เขาพูดแล้วมองซ้ายขวา ทันใดนั้นนางก็กระโดดลงจากก้อนเมฆ ความรู้สึกที่ถูกลมพัดตีใบหน้าช่างเหมือนจริงมาก 

 

 

นางทุ่มสุดชีวิตเพื่อพิสูจน์คำพูดของเถิงเฟิง แต่ผลที่ได้ก็ดีที่สุด เพราะนางสามารถเปลี่ยนสถานที่ได้โดยไม่เกิดอะไรขึ้น เถิงเฟิงเห็นถังเฉียนเล่นสนุกอย่างบ้าคลั่งก็พูดอย่างจนใจว่า 

 

 

“เมื่อครู่ยังหวาดกลัวอยู่เลย ไฉนจึงตอนนี้กล้าเล่นเช่นนี้แล้ว ผู้หญิงช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับเสียจริง”