ตอนที่ 389 ลำดับที่ 35 + ตอนที่ 390 โดนตบอีกครั้ง โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 389 ลำดับที่ 35
ไม่เกินไปกว่าที่คาดหมายไว้ เพราะในครั้งนี้อู่เยวี่ยสอบได้แย่อีกแล้ว แม้ว่าผลคะแนนสอบจะยังไม่ออก แต่อู่เจิ้งซือไม่ได้กอดความหวังไว้แล้ว มีทั้งเรื่องทะเลาะวิวาทและไหนจะร่างกายมีปัญหาแปลกๆ อีก คงแปลกถ้าอู่เยวี่ยสอบได้คะแนนดี แต่สิ่งที่เขาเป็นห่วงในตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่เรื่องคะแนน แต่เขาเป็นห่วงเรื่องสุขภาพร่างกายของอู่เยวี่ย
เมื่อก่อนอู่เยวี่ยเป็นคนอ่อนโยนเรียบร้อย เข้ากับเพื่อนๆ ในห้องได้เป็นอย่างดี อย่าว่าแต่เรื่องทะเลาะวิวาทเลย ขนาดแค่คำพูดกระทบกระทั่งกันยังไม่เคยเกิดขึ้นเลย กลับกันในตอนนี้ที่ยังเป็นช่วงเวลาสอบ ยังกล้าทะเลาะตบตีกับเพื่อนในห้อง ทะเลาะกันรุนแรงจนคนรู้ไปทั่วทั้งโรงเรียนแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้อู่เจิ้งซือปวดหัวที่สุดก็เป็นเรื่องชื่อเสียงของอู่เยวี่ยเกี่ยวกับหัวขโมย ตอนนี้ปิดยังไงก็ไม่มิดแล้ว เกรงว่าขนาดเด็กสามขวบยังรู้ได้ว่าลูกสาวคนโตของอู่เจิ้งซือเป็นคนที่มีความคิดและแผนการที่ไม่สะอาด
ในมหาวิทยาลัยต้นแบบของเขาต่างมีลูกศิษย์ที่เขาสอนมาจำนวนไม่น้อย แต่บัดนี้เขากลับสอนลูกสาวตัวเองออกมาให้กลายเป็นหัวขโมย!
เขาจะมีหน้าออกจากบ้านเหรอ?
ทุกครั้งที่เดินตามถนนมักจะสัมผัสได้ถึงสายตาของหลายๆ คนที่แปลกไป นั่นไม่ต้องพูดในห้องพักครูเลย
อู่เจิ้งซือไม่รู้เลยว่าไม่กี่วันมานี้เขามีชีวิตรอดผ่านมาได้อย่างไร เมื่อก่อนพอหมดคาบเรียนเขาก็จะกลับมานั่งในห้องพักครู เพื่อนั่งตรวจการบ้านหรือไม่ก็เตรียมแผนการสอน น้อยมากที่เขาจะออกเดินไปข้างนอก
แต่ตอนนี้เขาทำกลับกันทุกอย่าง น้อยมากที่ไปนั่งอยู่ในห้องพักครู การบ้านและแผนการสอนต่างก็เอากลับบ้านไป ยินยอมที่จะทำงานเข้ากะดึกหน่อย แต่เขาไม่ยินยอมที่จะต้องนั่งอยู่ในห้องพักครูเพื่อทนฟังคำพูดกระซิบนินทา รวมทั้งเสียงหัวเราะราวกับเขาเป็นคนโง่
ในตอนนี้อู่เจิ้งซือถึงได้รับรู้ว่าช่วงก่อนหน้านี้สภาพแวดล้อมของเขางดงามแค่ไหน อย่างน้อยก็เป็นเพียงแค่การทะเลาะกันของสามีภรรยา และมีลูกสาวที่ไม่ค่อยเชื่อฟังนัก แต่นั่นก็เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยภายในครอบครัวเท่านั้น ซึ่งทุกๆครอบครัวก็มักจะพบเจอปัญหาแบบนี้เสมอและไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร
แต่เรื่องที่อู่เยวี่ยขโมยของนั้นไม่เหมือนกัน นี่คือปัญหาคุณสมบัติของตัวคน และเป็นลูกสาวคนโตที่อู่เจิ้งซืออบรมสั่งสอนมา เป็นเรื่องน่าอายและทำลายศักดิ์ศรีความเป็นครูดีเด่นอย่างยิ่ง และทำให้ภาพลักษณ์ของตระกูลอู่แย่ไปหมด!
ไม่แปลกใจเลยที่คุณปู่อู่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ ในวันนั้นคุณปู่ได้เรียกให้เขาเข้าไปหา เพื่อด่าทออย่างกับหมามีเลือดอาบท่วมหัว
สมควรแล้วที่เขาจะโดนด่า คุณปู่ด่าดีและด่าได้ถูกต้องทุกอย่าง
เรื่องราวแย่ๆ พวกนี้ได้เหนี่ยวรั้งความคิดและจิตใจของอู่เจิ้งซือไปทั้งหมด เขาไม่มีวิธีไหนที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องคะแนนของอู่เยวี่ยเลย ในช่วงไม่กี่วันมานี้เขาพยายามจะช่วยอู่เยวี่ยรักษาชื่อเสียงให้กลับมา พูดได้เพียงว่าอู่เยวี่ยกับอู่เหมยล้อกันเล่น จึงได้นำเอาของของอู่เหมยไปซ่อน
ไม่ว่าอู่เจิ้งซือจะเจอกับใคร ก็มักจะดึงประเด็นและหัวข้อเข้ามาสู่เรื่องนี้ให้ได้ จากนั้นถึงได้พูดถึงเรื่องนี้ และรอให้คนอื่นๆ เห็นด้วยกับเขาและพูด “ผมว่าแล้ว ครูอู่น่ะมีคุณธรรมและศีลธรรมสูง ลูกสาวที่เลี้ยงดูมาจะเป็นหัวขโมยไปได้ยังไง พวกคนที่เอาแต่สร้างข่าวแย่ๆ นั่นช่างอำมหิต!”
เมื่อได้ยินประโยคแบบนี้ อู่เจิ้งซือก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย หลอกตัวเองและค่อยๆ พูดออกไปหลายๆ รอบอยู่แบบนั้นชื่อเสียงของเขาและอู่เยวี่ยก็จะกลับมาได้
แต่เขากลับไม่รู้ว่าคนส่วนใหญ่ต่างเป็นพวกอิจฉาตาร้อน ต่อให้เป็นครูก็ไม่มีข้อยกเว้น ในทุกๆ ปีอู่เจิ้งซือมักจะแย่งเอาชื่อเสียงของครูต้นแบบในอี้จงไปเสมอ ด้วยสิ่งเดียวที่เขามีอยู่นั้นก็ทำให้ตัวเขาเองคิดว่าคนอื่นๆ จะไม่มี
เป็นแบบนี้แล้ว คนอื่นๆ ที่มีอาชีพเดียวกันอีกหลายคนและพร้อมด้วยความสามารถจะสบายใจได้เหรอ?
ในใจนึกเพียงแค่ว่ารอให้ถึงวันที่อู่เจิ้งซือโชคร้าย!
และวันนี้ได้มีโอกาสเหยียบเท้าของอู่เจิ้งซือแล้ว คนพวกนี้จะปล่อยเขาไปง่ายๆ ได้อย่างไร?
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจุดไฟเพิ่ม และเติมน้ำมันเข้าไปอีก อย่างน้อยก็สามารถกำจัดแผดเผากลิ่นเหม็นเน่าในใจออกไปได้!
คนพวกนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าของอู่เจิ้งซือก็มักจะพูดจาดี แต่พอลับหลังก็มักจะเหยียบย่ำซ้ำเติมเขาไปอีก กระทั่งพวกเขายังช่วยเติมน้ำมันและเติมน้ำส้มสายชูเข้าไปให้อีกด้วย เรียกได้ว่าอู่เจิ้งซือใช้น้ำลายไปอย่างสิ้นเปลืองเสียเปล่า
ในสัปดาห์นี้ ผลคะแนนสอบประจำเดือนของนักเรียนมัธยมปีที่สองออกมาแล้ว หลังจากที่อู่เยวี่ยได้รับคะแนนไป เธอกลับมาบ้านด้วยความหม่นหมองและเคร่งเครียด เหอปี้อวิ๋นหยิบเอาไปคะแนนไปด้วยความประหลาดใจ มองแค่แวบเดียวก็นิ่งไปครู่หนึ่ง
“เยวี่ยเยวี่ย ทำไมถึงเป็นลำดับที่สามสิบห้า? นี่จะเป็นไปได้ยังไง?”
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 390 โดนตบอีกครั้ง
เหอปี้อวิ๋นร้องอุทานขึ้นอย่างตกใจ และไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เห็น
ตั้งแต่อู่เยวี่ยเข้าเรียนชั้นอนุบาลมาจนถึงตอนนี้ เธอไม่เคยตกจากลำดับที่หนึ่งเลย แต่ในตอนนี้เธอกลับทำคะแนนสอบออกมาได้ตกต่ำจนแทบไม่อาจเชื่อสายตา แล้วนี่จะทำให้เธอเชื่อในสิ่งที่เห็นได้อย่างไร?
“ครูตรวจผิดหรือเปล่า? หรือนี่คือคะแนนสอบของคนอื่น เยวี่ยเยวี่ย เป็นแบบที่แม่พูดใช่ไหม?” เหอปี้อวิ๋นตะโกนใส่อู่เยวี่ย เธอได้มองข้ามใบหน้าซีดเซียวและแววตาหม่นหมองของอู่เยวี่ยไป
อู่เจิ้งซือก็เพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน พอได้ยินเสียงของเหอปี้อวิ๋น เขาจึงมีสีหน้าท่าทีเปลี่ยนไป เขารีบแย่งใบคะแนนสอบไป แม้ว่าเขาจะเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่ก็ยังคงถูกลำดับที่สามสิบห้าสาดกระทบจนตาแทบบอดเสียให้ได้
“เหอปี้อวิ๋น หุบปาก!”
อู่เจิ้งซือใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว เขารับรู้ได้ถึงความผิดปกติของอู่เยวี่ยแล้ว จึงทำให้ใจของเขาแทบจมดิ่งลงไป ลักษณะท่าทางของอู่เยวี่ยในตอนนี้ ต่อให้เขาไม่ใช่แพทย์เฉพาะทางแต่ก็ดูออกว่าเธอมีสภาพไม่ปกติ
“เยวี่ยเยวี่ย ลำดับที่สามสิบห้าก็ดีมากแล้ว ลูกลองคิดดูสิชั้นมัธยมปีที่สองมีทั้งหมดห้าห้องเรียน เมื่อนับรวมแล้วมีนักเรียนทั้งหมดมากกว่าสามร้อยคน และอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ลูกแซงหน้าพวกนั้นมาเยอะแล้ว ถือว่าเก่งมากๆ เลยนะ!”
อู่เจิ้งซือลดน้ำเสียงให้อ่อนลง บนใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้ม ราวกับครูอนุบาลที่ต้องคอยระมัดระวังเด็กเป็นพิเศษ
หลายวันมานี้เขาได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับสภาพทางจิต และรู้ดีว่าผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตต่างก็ให้ความสนใจกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ทำให้เขาหรือเธอไม่ใส่ใจกับสิ่งนั้น และมองสิ่งนั้นๆ ให้เหมือนกับเศษฝุ่นที่ถูกพัดให้ปลิวหายไปตามสายลม
สิ่งที่ทำให้อู่เยวี่ยจมปลักอยู่ก็คือลับดับที่หนึ่งไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นเขาไม่ควรจะแสดงออกต่อหน้าลูกว่าตัวเขาเองให้ความสนใจกับลำดับที่มากขนาดไหน ไม่ว่าอู่เยวี่ยจะสอบได้ลำดับที่เท่าไหร่ เขาจะต้องชื่นชมและยินดีกับเธอ เพื่อให้เธอสบายใจและปล่อยวาง
ความคิดของอู่เจิ้งซือเป็นสิ่งที่ถูกต้องทุกอย่าง อู่เยวี่ยมีปัญหาทางสภาพจิตเสียที่ไหนล่ะ แต่หลังจากที่เขาได้อ่านหนังสือเล่มนั้นของอู่เหมย อีกทั้งยังถูกชักจูงด้วยคำพูดต่างๆ ของอู่เหมย ไม่แปลกเลยหากเขาจะเชื่อและยึดติดกับความเชื่อนั้น
ในใจของอู่เยวี่ยที่เจ็บปวดทรมาน เมื่อได้ฟังคำพูดของอู่เจิ้งซือ จิตใจของเธอที่ตึงเครียดก็ค่อยๆ ผ่อนคลายไป ลักษณะท่าทางก็ดีขึ้นมาก เพียงแต่…
“คุณอู่ คุณเป็นอะไรของคุณ? สอบได้ลำดับที่สามสิบห้าก็ดีงั้นเหรอ? เยวี่ยเยวี่ยเธอเคยสอบได้คะแนนแย่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? พวกเราไม่ควรจะปล่อยวางเรื่องคะแนนของอู่เยวี่ยนะ!”
เหอปี้อวิ๋นไม่พอใจต่อคำพูดของอู่เจิ้งซือมาก เธอคิดว่าอู่เจิ้งซือไม่ได้มีเจตนาที่ดี แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีวัฒนธรรมที่สูงส่ง แต่เธอก็รู้จักความล้มเหลวเป็นอย่างดี การกระทำของอู่เจิ้งซือในตอนนี้ก็เป็นเหมือนการทำให้อูเยวี่ยล้มเหลว แน่นอนว่าเธอไม่มีทางที่จะดูอยู่เฉยๆ ได้ เธอจะต้องช่วยผลักดันลูกเพื่อจะได้สอบได้ที่หนึ่งสำหรับการสอบในครั้งหน้า
สีหน้าท่าทีของอู่เยวี่ยเปลี่ยนไป และกลับไปมีลักษณะท่าทางเหมือนกับก่อนหน้านี้ อู่เจิ้งซือโมโหมากราวกับถูกแสงอาทิตย์สาดฟาดจนแสบร้อน จึงทำให้เขายื่นมือออกไปตบหน้าเธอโดยไม่คิดไตร่ตรองใดๆ
“คุณมันเป็นเมียที่โง่ เรื่องการเรียนของลูกใครให้คุณออกความเห็นเหรอ?”
อู่เจิ้งซือยื่นมือชี้ไปทางประตูและพูดอย่างเย็นชา “หากคุณถือเอาคำพูดของผมเป็นเพียงแค่อากาศเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ก็ออกไปจากที่นี่แล้วกลับบ้านของคุณไป แล้วไม่ต้องกลับมาอีก!”
อู่เจิ้งซือที่โมโหขึ้นมาอย่างเดือนดาดได้หยุดการกระทำทุกๆ อย่างของเหอปี้อวิ๋น ใบหน้าที่ปวดแสบปวดร้อนได้เตือนสติเธอว่าเธอได้ถูกตบอีกแล้ว และนี่ก็เป็นครั้งที่สี่ที่เธอถูกตบ
เหอปี้อวิ๋นมองแววตาของอู่เจิ้งซือที่ฉายแววความโกรธแค้นและโมโห ใจเธอชาไปจนถึงส่วนลึกข้างใน
เธอรู้ดี ว่ามีบางอย่างที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก
เมื่อเห็นว่าเหอปี้อวิ๋นถูกตบหน้า ลักษณะท่าทางของอู่เยวี่ยไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เธอยังคงมองด้วยสายตาเย็นชาดังเดิม ต่างจากเมื่อก่อนที่มองด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย หรืออาจจะเป็นออกมาช่วยพูดจาดีๆ แทนเหอปี้อวิ๋น
ใจของเหอปี้อวิ๋นปวดร้าวมาก แต่เพียงไม่นานเธอก็ไม่ได้ยึดติดอะไรต่ออู่เยวี่ย เธอคิดแค่ว่าอาจเป็นเพราะอู่เยวี่ยสอบได้คะแนนไม่ดีเลยอารมณ์เสีย จึงทำให้เป็นอย่างเช่นตอนนี้
อู่เหมยผลักประตูและเดินเข้ามา เธอกลับมาช้าไปหน่อยจึงไม่ทันได้ดูละครสนุกๆ ครั้งนี้จนจบเรื่อง แต่เธอก็ทันได้ดูแค่ครึ่งหลัง ซึ่งเป็นจังหวะที่อู่เจิ้งซือตบหน้าเหอปี้อวิ๋น และนั่นก็ทำให้เธอมีความสุขจนแทบคลั่ง
…………………………………………………………………………………………..